26/3/59

Rakudai Kishi no Cavalry / เจ้าหญิงสีชาดกับอัศวินดาบไร้เทียมทาน

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : 9 เล่ม - ยังไม่จบ (มีเล่ม0 และเล่ม8มี 2ปก)
เรื่องย่อ : อัศวินเวทมนตร์ คือผู้ใช้เวทมนตร์ของยุคปัจจุบันที่แปรเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณให้เป็นดาบ เวทมนตร์

คุโรงาเนะ อิคคิ นักเรียนอัศวินซ้ำชั้นผู้ไร้พรสวรรค์ทางเวทมนตร์หรือ "เวอร์สวัน" ถูกท้าดวลจาก สเตลล่า เวอร์มิลเลียน เจ้าหญิงต่างแดนที่เป็น "นัมเบอร์วัน" โดยมีเงื่อนไขว่าต้องทำตามคำสั่งของผู้ชนะไปชั่วชีวิต...แล้วเขาก็ดันชนะ!

อดีตเวอร์สวันจึงกลายเป็นที่จับตามองของอัศวินทุกคนในฐานะ "อนาเธอร์วัน"!

อิคคิต้องเจอกับศัตรูผู้แข็งแกร่งที่ดาหน้ากันเข้ามาไม่หยุดหย่อน ซอร์ดแอคชั่นในรั้วโรงเรียนได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!!
ความเห็นส่วนตัว : ตลาด!! เยสสส ถ้าอ่านเรื่องย่อแล้ว ร้อยทั้งร้อยก็ต้องคิดว่ามันเป็นแนวตลาดนั่นแหละ ซึ่งความจริงก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดเท่าไหร่น่ะนะครับ

เรื่องราวในรั้วโรงเรียนของพระเอกที่ถูกประเมินว่า Rank F ที่แสนอ่อนหัด เพราะวิธีการประเมินมันวัดความเทพของพระเอกไม่ได้ เป็นเลเวล0ที่แข็งแกร่งที่สุด(ฮา) กับนางเอกสายซึนเดเระที่ได้รับการยอมรับว่าเป็น Rank A

หน้าปกเล่ม 0
แล้วการเดินเรื่องก็ตามสูตรครับ การพบกันครั้งแรกของทั้งคู่คือการที่พระเอกโผล่ไปเห็นนางเอกตอนโป๊ แล้วก็เลยโดนท้าสู้ เสร็จแล้วก็ชนะ เสร็จแล้วเหล่านางรองก็โผล่มา (ในเรื่อง เล่ม1คือน้องสาวพระเอกผู้เป็นบราค่อนโรคจิต อยากจะจับพี่ชายแท้ๆของตัวเองกดใจจะขาด เป็นน้องสาวยันเดเระที่น่าสะพรึง) หลังจากนั้นก็เป็นคอเมดี้คั่นเวลาสักเล็กน้อย ประกอบกับฉากโชว์เทพของพระเอกนิดหน่อย ให้ผู้อ่านรู้ว่าพระเอกมันเก่ง ส่วนไคลแม็กซ์ของเล่ม1ก็เป็นการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งลิบลับ ซึ่งทุกเรื่องจะพล็อตมาแนวเดียวกัน ว่าเป็นศัตรูที่พระเอกแพ้ทาง พระเอกแทบไม่มีโอกาสชนะเลย แต่มันก็ชนะมาได้ แล้วก็จบเล่มแรก อาาา แค่หลับตาก็มองเห็นเรื่องราวเป็นฉากๆโดยไม่ต้องอ่านเลย

คาแรคเตอร์ตัวละครก็ตามสูตร นางเอกสายซึนเดเระ ชอบโวยวาย เอะอะอะไรก็งัดเอาความซึนขึ้นมาวีน นางรองเป็นน้องสาวยันเดเระ อยากคร่อมพี่ชาย เห็นพี่ชายไปสนิทกับสาวอื่นก็จะลงไม้ลงมือ แต่จะแปลกหน่อยก็ตรงที่เพื่อนของพระเอกมันเป็นกระเทยนี่สิ 555+ เป็นคาแรคเตอร์ที่ไม่ค่อยเห็นในเรื่องแนวนี้ ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าไอ้คุณเพื่อนมันจะไม่ได้อยู่ในฮาเร็มของพระเอกด้วยน่ะนะ ไม่งั้นเหลืองแน่นอน 555+

ส่วนพระเอก ก็เป็นคาแรคเตอร์ตามมาตรฐานที่พบเห็นได้ทั่วไป ดังนั้นเลยไม่มีอะไรต้องพูดสักเท่าไหร่ นอกจากความที่ว่า พระเอกเรื่องนี้ค่อนข้างหน้าตาดี ดูแลร่างกายตัวเองดีเยี่ยม มีซิกแพค มีกล้ามเนื้อสวยงามขนาดทำให้สาวๆมองตาค้างได้ (สร้างเหตุผลของความเนื้อหอมไว้ก่อนเลยสินะ) และที่สำคัญ พระเอกเรื่องนี้ไม่โง่เรื่องความรัก และไม่โลเลครับ รักใครชอบใคร มันกล้าแสดงความรู้สึกออกไป ไม่มีกั๊ก หรือคบเผื่อเลือกแบบพระเอกแนวนี้ทั่วไป ทำให้มันดูเป็นลูกผู้ชายเอาเรื่องอยู่

รวมๆแล้วเลยเป็นเรื่องตลาดก็จริง แต่พระเอกมันมีคาแรคเตอร์ค่อนข้างโดดเด่นอยู่ล่ะนะ ส่งผลให้รสชาติในการเสพเนื้อเรื่องดีกว่าเรื่องอื่นอยู่หน่อยๆ

และด้วยความที่พระเอกเรื่องนี้มันไม่โลเล ตัวนางเอกก็เลยถูกล็อคไว้แล้วแบบไม่มีพลิกโผ ส่งผลให้หน้าปกของ LN เรื่องนี้ทั้งหมด จะใช้สาวคนเดียวเกือบทุกเล่ม เวลาจะซื้อก็เล็งๆเลขเล่มหน่อยนะ เดี๋ยวซื้อซ้ำ 555+

ในส่วนของไทยแลนด์ คนแปลเรื่องนี้แปลในลักษณะที่ว่า ใช้คำพูดแบบสมัยนิยมผสมๆลงไปด้วย เช่น วางถุงกาวก่อน บลาๆๆ ซึ่งมันก็มีข้อดีและข้อเสียในตัวล่ะนะ คือคนที่ชอบก็จะชอบไปเลย ส่วนคนที่ไม่ชอบมันก็จะอ่านแล้วหงุดหงิดไปเลยเหมือนกัน 555+ อันนี้ก็ต้องตัดสินใจกันเอาเองนิ ทางด้านรูปเล่ม การพิมพ์ สันกาว บลาๆๆ เท่าที่ดูเล่มที่อยู่ในมือแล้ว ยังไม่มีจุดไหนเป็นปัญหาถึงขนาดรับไม่ได้ ส่วนราคาจะสูงกว่าปกตินิดหน่อย

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว เรื่องนี้ค่อนข้างยาวหลายเล่ม สำหรับสนพ.นี้เลยมีความเสี่ยงสูงอะนะ ดูโนบุนะเป็นตัวอย่างแล้วก็ตัดสินใจเอาเนอะ
ความน่าสนใจ : 3/5

ปกเล่ม8 ทั้ง2แบบ

23/3/59

Sabishigariya no Lolyferatu / โลกพิลึกของโลลิเฟอราตู

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : 1 เล่มจบ
เรื่องย่อ : โรงเรียนของพวกผมมีเจ้าหญิงผีดูดเลือดสุดพิสดารอาศัยอยู่ โทคิวะ โทกะ นักเรียนหญิงม.ปลายที่มีเรื่องเครียดได้พบเจอกับเรื่องประหลาดที่ตึกเรียนเก่าตอนกลางดึก...

"เจ้าเสียมารยาท มีเหตุผลอะไรถึงมาที่นี่"
"มาทำโอเด้ง"
"โอเด้ง?"

เด็กเกเรสุดแสบ หุ่นยนต์เด็กสาวแนวลูกหมา และผม "ศัตรูของผู้ผดุงความยุติธรรม"

นี่คือเรื่องราวของเจ้าหญิงดูดเลือดผู้โดดเดี่ยวกับพวกผมที่ไม่ธรรมดา ร้อยเรียงเป็นดนตรีประชันคอนแชร์โต้

"ละ...เลิกแกล้งกันได้แล้ว...!"

ไม่สิ น่าจะเป็นเพลงตลกมากกว่า ผมว่านะ

ผลงานแนวใหม่สไตล์อมยิ้มโลลิป๊อบช่วงโพล้เพล้ของซาการะ โซ ผู้แต่ง "องค์ชายจิตป่วนกับน้องเหมียวยิ้มยาก"
ความเห็นส่วนตัว : อ่านเรื่องย่อแล้วคงสัมผัสอะไรไม่ได้นอกจากความตลาดสินะครับ แต่มันก็แหงละเนอะ ก็มาเป็นเซ็ตเลยนี่นา เรื่องราวในรั้วโรงเรียน สาวน้อยผีดูดเลือด สาวน้อยหุ่นยนต์ ไอ้หนุ่มจูนิเบี้ยว มาครบเลยนี่นา 555+

แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้นครับ จริงอยู่ว่า เรื่องราวที่ใช้มันมีอยู่แค่นี้ แต่การถ่ายทอดเรื่องราวนั้นออกมา ผู้เขียนให้วิธีการเขียนเป็นมุมมองของตัวละครแต่ละตัว โดยใช้คอนเซ็ปว่า ความจริงของแต่ละคนนั้น เป็นความจริงเดียวกันรึเปล่า ซึ่งค่อนข้างจะปรัชญาพอสมควร

อธิบายคร่าวๆก็เป็นแนวคิดที่ว่า ความจริงในมุมมองของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน และอาจจะมีส่วนที่บิดเบือนออกไปจากความจริงที่แท้จริงนั้น มากน้อยแค่ไหนแตกต่างกันด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้แตกต่างกันนั้น อาจจะเป็นเพราะอคติของแต่ละคน หรือปัญหาด้านการถ่ายทอด หรืออื่นๆ

ในส่วนของอคติก็เช่น ถ้าเราเป็นเด็กเรียน เวลาเห็นพวกเด็กเกเรหลังห้องรวมกลุ่มกันทำอะไร เราก็อาจจะมองพวกเขาในแง่ลบไปล่ะ ส่วนพวกเด็กเกเรเวลาเห็นเด็กเรียนมองมา บางทีเขาอาจจะมองผ่านเฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไร แต่พวกเด็กเกเรก็จะคิดไปว่าโดนมองด้วยสายตาดูถูกซะอย่างงั้น

ส่วนปัญหาด้านการถ่ายทอดก็เช่น แม้ว่าเราจะมีเจตนาอย่างหนึ่ง แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว ตัวผู้ฟังกลับได้รับสารจากเราไปไม่ตรงกับที่เราต้องการ หรือบางประโยคเราเข้าใจว่าเราพูดออกไปแล้ว แต่เอาเข้าจริง เราแค่คิดอยู่ในใจโดยไม่รู้ตัว แต่พูดออกไปครึ่งเดียวซะนี่ แบบนี้จะเข้าใจไม่ตรงกันก็ไม่แปลก

ดังนั้น แม้เรื่องราวที่ใช้จะค่อนข้างสั้น แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องราวที่ว่าในมุมมองของตัวละครทีละตัว แบ่งเป็นตอนๆ (ตอนละคน) เรื่องราวกลับแตกต่างกันออกไป สุดท้ายแล้ว เมื่อผู้อ่าน อ่านเรื่องราวของทุกคนจนจบเล่ม ผู้อ่านจะสามารถสรุปได้รึเปล่า ว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นยังไง และใครบิดเบือนความจริงของเรื่องราวไปโดยไม่รู้ตัวที่จุดไหนบ้าง ก็เป็นสิ่งที่น่าคิดอยู่เหมือนกัน ไหนจะเรื่องที่ว่าเป็นการบิดเบือนเข้าข้างตัวเอง หรือทำร้ายตัวเองอีก นอกเหนือจากความแฟนตาซีอันแสนจะลึกลับและสนุกสนาน

สุดท้ายผู้เขียนทิ้งท้ายไว้ในบทส่งท้ายว่า
ตอนที่มีแอปเปิ้ลสีแดงวางอยู่บนโต๊ะ ทุกคนมองแอปเปิ้ลที่มีอยู่จริงๆรึเปล่า และสีแดงที่เราเห็น เป็นสีแดงเดียวกับที่คนอื่นเห็นรึเปล่า

โดยรวมแล้วเลยเป็นเรื่องที่แหวกแนวจากส่วนใหญ่อย่างที่เห็น ค่อนข้างจะเหมาะกับคนที่ชอบอ่านอะไรจริงจัง เพราะถ้าอ่านแล้วคิดตามจะมีอะไรน่าสนใจอยู่มากมาย แต่แนะนำให้อ่านรวดเดียวเลยนะ ถ้าอ่านทีละตอนๆ หรืออ่านทีละช่วงๆ บางทีมันจะลืมน่ะ ลืมเนื้อเรื่องก่อนหน้าไป ว่าในเหตุการณ์เดียวกันนี้ แต่ในมุมมองของตัวละครตัวนั้น เขาคิดอะไรอยู่ เขาเข้าใจเรื่องราวแบบไหน แล้วตัวละครตัวนี้ เข้าใจแบบเดียวกันรึเปล่า

แต่ถ้ากะอ่านแบบลันล้า มันก็ได้อยู่เหมือนกันนะ คนเขียนสอดแทรกฉากที่น่าจะถูกใจคนที่ไม่ชอบคิดเยอะมาเหมือนกัน

เรียกว่า ไม่ว่าจะเป็นคนคิดมาก หรือคิดน้อย ก็สามารถสนุกไปกับเรื่องราวได้ ซึ่งความสนุกที่ได้นั้น จะเป็นความสนุกเดียวกัน ที่มาจากเรื่องราวเดียวกันรึเปล่า........ก็ไม่รู้สินะ
ความน่าสนใจ : 5/5

2/3/59

Boku no Heroine wa Te ni Oenai / อลวนรักสาว 2D

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Romantic Comedy
จำนวนเล่ม : 3 เล่มจบ
เรื่องย่อ : ผลงานซึ่งได้รับ "รางวัลพิเศษ" ในงานประกวดของสนีคเกอร์บุงโกะครั้งที่ 17!

ถ้ามีใครสักคนบอกว่า "จะทำความปรารถนาของเธอให้เป็นจริง" จะทำยังไง?

สำหรับฮีโระที่เป็นโอตาคุก็ตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลว่า "อยากได้แฟนสาวสองมิติ!" ซึ่งความหวังนั้นก็กลายเป็นจริงขึ้นมาทันที! นางเอกจากเกม อนิเมและไลท์โนเวลในโลกสองมิติก็โผล่มาจริงๆ!

ค่ำคืนแห่งฮาเรมที่เหมือนกับเรื่องโกหก สาวน้อยผู้ลุ่มหลงในความรัก นินจาสาวจอมซุ่มซ่าม และสาวยูริพลังช้างสาร!? เพราะพวกเธอถูกกำหนดให้เป็นอย่างนั้น...

แบบนี้มันไม่แย่ไปหน่อยเหรอ? ความคาดหวังของฮีโระเลยพังทลายลงในพริบตา!
ความเห็นส่วนตัว : สารภาพตามตรงเลยว่า ไม่รู้มาก่อนว่ามีเรื่องนี้อยู่ด้วยล่ะ 555+ ตอนที่เห็นบนแผงก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องมังกรซึนก็เลยลากสายตาผ่านไป มารู้ตัวก็ตอนที่เพื่อนในกลุ่มส่งมาให้นี่แหละ (กลุ่มที่เวียนกันอ่าน ผลัดกันซื้อ LN) ถึงได้รู้ว่า อ้าว เรื่องใหม่นี่หว่า

และด้วยความที่ไม่มีข้อมูลเรื่องนี้อยู่เลยก็เลยเปิดอ่านไปดื้อๆทั้งแบบนั้น นานๆทีสัมผัสกับความรู้สึกสดใหม่บ้างอะไรบ้าง แต่ก็ดันไม่เป็นอย่างที่คิดแฮะ เนื่องจากโครงเรื่องของเรื่องนี้คล้ายกับ Galge มาก แต่เรื่องนั้นจะเน้นไปในอารมณ์โรแมนติกดราม่าน่ะนะ ส่วนเรื่องนี้จะเป็นคอเมดี้เป็นหลัก

โครงเรื่องคือ พระเอกไปขอพรให้สาว 2D มีตัวตนขึ้นมาจริงๆ แต่เรื่อง Galge จะเน้นความสมเหตุสมผล เรียกว่ามีคนโผล่มา ปัญหาต่างๆก็จะตามมา ถ้าเป็นตัวละครประเภทเพื่อนข้างบ้าน ก็จะมีปัญหาหลักๆคือ แล้วบ้านที่อยู่ข้างบ้านพระเอกตอนแรกล่ะ? ถ้าเป็นตัวละครประเภทเพื่อนสมัยเด็ก ก็จะมีปัญหาอีก คือ จู่ๆก็โผล่มา แล้วคนอื่นๆจะรู้สึกยังไงกับการที่บอกว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก บลาๆๆ

แต่เรื่องนี้จะไม่มีแบบนั้นครับ ปัญหาเหล่านั้นแก้ได้ง่ายๆด้วยการบอกว่า เพราะมันเป็นคอเมดี้ไงล่ะ 555+ ใส่มุกตลกแล้วแถผ่านไปเลยทั้งอย่างงั้นแหละ

แถมอรรถรสในเรื่องราวยังต้องบอกว่า อ่านแล้วให้ความรู้สึกเหมือน Baka Test ด้วยสิ หรือถ้าให้พูดตรงๆ น่าจะบอกว่า เอาพล็อตของ Galge มาเดินเรื่องด้วยฟิลลิ่งแบบ Baka Test เลยละมั้ง 555+ บ้าบอกว่าในแง่ของการไม่มีความสมเหตุสมผลด้วย ก็เลยไม่มีความแปลกใหม่สักเท่าไหร่อะนะครับ เป็นแค่เรื่องจับฉ่าย ที่ไม่ค่อยมีเอกลักษณ์ของตัวเองสักเท่าไหร่ พอเห็นจำนวนเล่มเมื่อตะกี้ ตอนจะเขียนบทความนี้ เลยไม่น่าแปลกใจอะไรที่มันจะมีแค่นั้น

รวมๆแล้วเป็นเรื่องที่จะซื้อก็ได้ถ้าเงินเหลือ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าคาดหวังขนาดนั้นครับ
ความน่าสนใจ : 2/5