สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 7 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ณ ทวีปซึ่งถูกครอบงำด้วยเคออส เหล่าผู้คนต่างหวาดกลัวต่อภัยพิบัติที่เกิดจากเคออสนั้น จึงต้องใช้ชีวิตมาโดยได้รับการคุ้มครองจาก "ลอร์ด" ผู้มีพลังของตราศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสยบสิ่งเหล่านั้นได้
ทว่า ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่พวกลอร์ดต่างละทิ้งหลักการ "ปกป้องผู้คน" แล้วเลือกที่จะเข้าห้ำหั่นแย่งชิงตราศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนกัน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามอันวุ่นวาย
ชิรูก้า จอมเวทผู้โดดเดี่ยวซึ่งดูแคลนเหล่าลอร์ดที่ไร้หลักการ
เทโอ อัศวินเร่ร่อนผู้ออกเดินทางฝึกฝนตนเอง เพื่อหวังว่าสักวันจะกลับไปปลดปล่อยบ้านเกิดจากการถูกกดขี่
"ฉันขอทำพันธสัญญากับเครสท์ของอัศวินเทโอ และสาบานว่าจะจงรักภักดีตลอดไปค่ะ"
พันธสัญญานายบ่าวที่ทั้งสองทำขึ้นจะเปลี่ยนแปลงทวีปที่วุ่นวายไปด้วยสงครามและความโกลาหลได้หรือไม่ เรื่องราวมหาสงครามแฟนตาซีที่อุบัติขึ้นเพราะ "แกรนเครสท์" (ตราจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์) ผลึกที่จะถือกำเนิดขึ้นจากกฎระเบียบ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : แนวแฟนตาซีแห่งดาบและเวทมนต์ในยุคสงครามครับ ดังนั้นก็ตามแพนเทิร์นคือเป็นสงครามระหว่างอาณาจักร มีการยกทัพรบพุ่งกัน ถ้าให้เทียบอรรถรสที่ได้จากการอ่านแล้ว ที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นเรื่อง
วานาดีสนะครับ ผู้นำหนุ่มกับหญิงสาวมากความสามารถ ลุกขึ้นมาสู้กับอาณาจักรเพื่อประชาชน แต่เรื่องนี้จะใส่ใจรายละเอียดมากกว่า คงเป็นวานาดีสเวอร์ชั่นอัพเกรด ที่รายละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น เซอร์วิสน้อยลงล่ะมั้ง
ปูเรื่องที่เคออส(ความโกลาหล)กระจายอยู่ทั่วทวีป เป็นยุคที่คอสมอส(กฎระเบียบ)จางหายไป ขนาดเหล่าเมจ(ผู้ใช้เวทมนต์)ในเรื่องเองก็ใช้เวทมนต์โดยอาศัยเคออสสร้างความโกลาหลในแบบที่ตัวเมจต้องการนั่นเอง เหล่าปีศาจที่เกิดจากเคออสมารวมตัวครั้ง แม้จะนานๆครั้ง แต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน และคนที่ขจัดเคออส และเปลี่ยนแกนกลางของเคออส(เคออสคอร์)ให้กลายเป็นคอสมอสนั้นก็คือผู้ที่ถูกเรียกว่า "ลอร์ด" นั่นเอง ตรงนี้เป็นความประทับใจแรกครับ แม้จะเป็นความขัดแย้งของแสงสว่างและความมืด ก่อให้เกิดการต่อสู้ แต่แทบจะไม่มีนิยายเรื่องไหนในยุคนี้ที่ใช้นามธรรมอย่างเคออสกับคอสมอสเลย อย่างเก่งก็เป็นความดีกับความชั่ว เทพกับมาร เซราฟกับเซเว่นซิน วนเวียนอยู่แค่นั้น
จากนั้น ในเรื่องก็ขยายความต่อไป ถึงรายละเอียดของลอร์ด ว่าลอร์ดจะมีเรย์จู...ไม่สิ เครสท์ ซึ่งเป็นลวดลายเวทมนต์ประทับอยู่ที่ตัว ความซับซ้อนของลวดลายจะบ่งบอกถึงระดับของเครสท์ และเครสท์เองก็จะแสดงยศถาบรรดาศักดิ์ของลอร์ดคนนั้น ว่ามีความสามารถเพียงพอจะปกครองดินแดนกว้างใหญ่แค่ไหน สามารถจะทำพันธสัญญากับเมจได้กี่คน รวมไปถึงพลังพิเศษที่เครสท์แต่ละระดับจะทำได้ เช่นสร้างธงประจำตัวที่มีผลเป็นการบัฟกองทัพทั้งหมดของตัวเองเวลาออกรบเป็นต้น นอกจากนั้น เครสท์ยังสามารถที่จะส่งมอบ หรือช่วงชิงได้ รวมถึงการสวามิภักดิ์ยอมเป็นข้ารับใช้ของลอร์ดคนอื่น
การจะเป็นลอร์ดนั้นจะมี 2 วิธี 1. คือได้รับมอบมาจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นรางวัล หรือเป็นมรดกตกทอด และ 2. คือทำให้เคออสกลายเป็นคอสมอส และนำมาเป็นเครสท์นั้นเอง และก็แน่นอนว่าในยุคสมัยตามท้องเรื่อง ลอร์ดส่วนมากจะเป็นกันโดยวิธีที่1 และดันไม่ใช้พลังนั้นในการปราบเคออสเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่กลับใช้พลังที่มีมารบพุ่งกัน เพื่อแย่งชิงเครสท์และดินแดนซะนี่
เอาล่ะ เกริ่นกันมาเท่านี้คงพอละมั้ง พูดถึงเนื้อเรื่องกันบ้างดีกว่า เรื่องนี้จะเดินเรื่องโดยตัวเอกซึ่งเป็นผู้หญิงครับ นางเอกของเรื่องเป็นเมจที่เกลียดลอร์ดมาก (เพราะลอร์ดส่วนมากเป็นพวกที่1 ตามย่อหน้าข้างบน) เลยตั้งเป้าที่จะศึกษาเวทมนต์และไปเป็นอาจารย์สอนเวทมนต์แทน โดยไม่ทำพันธสัญญากับลอร์ด แน่นอนว่าอัจฉริยะอย่างเธอ กวาดปริญญาไปได้ 6 จากทั้งหมด 7 ใบแล้วในเวลาสั้นๆ แต่ช่วงเวลาที่กำลังจะเอาใบที่7 อันเป็นใบสุดท้ายของเมจ อะคาเดมี่นั้น เธอถูกลอร์ดนิสัยเสียที่ขึ้นชื่อว่าบ้าผู้หญิงมาก ใช้อำนาจการเมืองกดดัน ซึ่งไอ้หมอนี่จะทำสัญญากับเมจสาวเท่านั้น และต้องเป็นสาวเอ๊าะๆอายุไม่เกิน 25 คนที่เกินจะถูกยกเลิกพันธสัญญา แน่นอนว่านางเอกไม่ต้องการ แต่เพราะโดนเกมการเมืองของผู้ใหญ่ ตัวเองก็เลยถูกส่งตัวไปยังแคว้นของลอร์ดคนดังกล่าว
ระหว่างเดินทางไป เธอถูกโจรป่าลอบโจมตี แน่นอนว่าโจรธรรมดาๆ ไม่มีทางทำอะไรเมจอัจฉริยะได้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างงั้น พระเอก...ลอร์ดเร่ร่อน(หมายถึงลอร์ดที่ไม่มีดินแดนปกครอง) ก็เข้ามาช่วย แม้ฝีมือจะอ่อนหัด แต่ความจริงใจของเขาเป็นของจริง นอกจากนั้นเมื่อได้ฟังความคิดของลอร์ดหนุ่ม เมจสาวก็เปลี่ยนความคิดของตัวเองโดยทันที เธอตัดสินใจขัดคำสั่ง และขอทำพันธสัญญากับลอร์ดเร่ร่อนคนนี้ด้วยตัวเอง
พระเอกของเราเป็นลอร์ดประเภทที่2นั่นเอง เขาออกเดินทางฝึกฝนตัวเองเพื่อขจัดเคออส เหตุผลที่เข้ามาช่วยนางเอกก็เป็นเพราะเขามีความคิดว่าลอร์ดต้องช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ความฝันสูงสุดคือการพัฒนาตัวเองจนเก่งพอที่จะเอาชนะลอร์ดชั่วร้าย เป็นทรราชที่ปกครองบ้านเกิดของตัวเองนั่นเอง เจ้าพระเอกของเราเป็นลอร์ดประเภทที่ไม่น่าจะมีตัวตนเหลืออยู่แล้วในยุคสมัยอย่างนี้ ความมุ่งมั่นและความจริงใจของเขากระแทกใจเธออย่างจัง เธอเข้าใจโดยทันทีว่านี่คือคนที่ตัวเองควรรับใช้ เป็นคนที่ตัวเองจะใช้ความสามารถทุกอย่างที่ตัวเองมีผลักดันเข้าไปให้ถึงจุดสูงสุดให้ได้
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดครับ หลังจากนี้เมจสาวก็วางแผนที่จะทำให้ลอร์ดของเธอมีดินแดน มียศถาบรรดาศักดิ์ มีกองทหารของตัวเอง และมีอิทธิพลเพียงพอที่จะเปิดศึก ซึ่งรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ อ่านเอาในเรื่องนะ แค่นี้ก็สปอยจนจบบทนำละ 555+
การเดินเรื่องจะเดินเรื่องโดยใช้สงครามเป็นหลัก โดยนางเอกของเรื่องจะมีหน้าที่เหมือนเสนาธิการ วางแผนการรบ รวมถึงแผนทางการทูต ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆอย่างแยบยล เพราะแน่นอนว่า เนื้อเรื่องแนวสงครามแบบนี้ ฝั่งตัวเอกไม่มีทางได้เปรียบเลย 555+ ต้องเป็นการรบแบบที่เสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องกำลังทหาร
|
หน้าปกเล่ม1 ของภาค Adept ซึ่งเป็น Side Story ของเรื่องนี้ |
และ!! นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนุกกว่าวานาดีส ทั้งๆที่รสชาติคล้ายกันครับ นั่นก็คือ ตัวเอกในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะพระเอกหรือนางเอก ก็ล้วนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ดังนั้นแผนการที่นางเอกวางไว้ ใช่ว่าจะเป็นแผนระดับเทพยังตะลึง ที่ล้ำลึกจนไม่มีใครเข้าใจ แยบยลจนศัตรูตั้งตัวไม่ทันแต่อย่างใด บางครั้งเธอก็ผิดพลาด บางครั้งก็ล้มเหลว บางครั้งก็ถูกกุนซือของฝั่งตรงข้ามรู้ทันแล้วตลบหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการศึกกับลอร์ดระดับสูงๆ ไม่มีทางที่ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ระดับนั้น และบริวารของเขาจะโง่เขลาไปกันหมด เพราะถ้าโง่ก็คงปกครองผู้คนไม่ได้หรอกเนอะ ดังนั้นเล่ห์เหลี่ยม การชิงไหวชิงพริบ การหลอกใช้ การซ้อนแผน การวางกับดัก สงครามบนโต๊ะของเหล่าเสนาธิการก็เลยเกิดขึ้น
ในขณะเดียวกัน ภาคสนามเองก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เนื่องจากตัวบู้เทพๆในเรื่องนี้ ไม่ได้มีพลังขนาด 1ต่อ1,000 ก็สู้ได้สบายๆ ไม่ได้มีพลังพิเศษที่แค่ชักดาบออกมาตะโกน เอ็กคุซุคาลิบ้าาาา แล้วศัตรูก็ถูกเป่ากระเด็นไปเป็นร้อย แต่เป็นมนุษย์ธรรมดา แค่สู้ 1 ต่อ 10 ก็นับว่ายอดคนมากแล้ว ทำให้เหตุการณ์ที่นิยายเกรด3ชอบใช้อย่างการเอาตัวเทพแหกกองทัพศัตรูไปด้วยพลังแห่งมิตรภาพ หรือพลังพิเศษเฉพาะตัว บลาๆๆ นั้นไม่เกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ อารมณ์ว่า แม้จะมีแม่ทัพเก่งกาจระดับเทพเจ้ากวนอู ก็ยังไม่สามารถชนะศึกได้ด้วยการพึ่งเขาคนเดียวนั่นเอง เป็นความสมจริงที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกสนุกมากขึ้นไปอีก
เรียกได้ว่าเป็นแฟนตาซีแห่งดาบและเวทมนต์ในยุคสงครามที่สร้างความประทับใจได้เกิดหน้าเกิดตาเรื่องอื่นอยู่พอสมควร
ข้อเสียอย่างเดียวของเรื่องนี้คือ ทั้งๆที่วางรายละเอียดไว้ค่อนข้างเนียนตาขนาดนี้ มีแม้กระทั่งสงครามจิตวิทยา หรือการคาดเดาลักษณะนิสัยของเสนาธิการฝั่งตรงข้ามเพื่ออ่านแผนให้ออก แต่ดันไม่ได้สนใจความคิดของเหล่าทหารเลวเลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น ในการศึกครั้งหนึ่ง กองทัพของตัวเอก มีจำนวนน้อยกว่าฝั่งตรงข้าม 5-6 เท่า หนำซ้ำยังเป็นทหารชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาสดๆร้อนๆ ฝึกฝนได้ไม่ถึงอาทิตย์ ทำให้ชาวบ้านจำคำสั่งได้แค่ แบบไหนคือเดินหน้า แบบไหนถึงถอยทัพ เท่านั้นเอง แต่กลับไม่มีท่าทีตื่นกลัว หรือระส่ำระส่ายเวลาเผชิญหน้ากับฝั่งตรงข้ามเลย นี่พวกแกใส่สูตรโกงทำ max morale เหรอไงฟ่ะ จะไม่กล่าวถึงสักหน่อยเหรอ ว่าพวกตัวเอกทำยังไงถึงปลุกใจทหารได้
ในส่วนสนพ.ของไทยเอง เรื่องนี้มีการพิมพ์ผิดเล็กๆน้อยๆอยู่หลายจุด ซึ่งไม่กระทบกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ เพียงแต่ความเยอะของมันก็ทำให้รู้สึกรำคาญๆอยู่บ้าง และก็ แม้จะเข้าใจว่าเล่มมันหนา ต้นทุนหลายๆด้านก็เลยสูงขึ้น จนทำให้ราคาของมันสูงกว่าเล่มอื่นๆอยู่ก็เถอะ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อคนที่ทรัพย์จางอยู่ไม่มากก็น้อย ตรงส่วนนี้ก็ต้องตัดสินใจเอานะครับ
ความน่าสนใจ : 5/5