30/6/59

Maou ga Yachin wo Haratte Kurenai / ยัยจอมมารค้างค่าเช่า

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : 7 เล่มจบ
เรื่องย่อ : “จอมมารออกมานะ! วันนี้จะเก็บทั้งต้นทั้งดอกเลย!” ชั้นทุบประตูโครมๆ

จอมมารอาสะที่ 14 จอมมารที่น่าสะพรึงกลัว ผู้ยึดครองโลกได้ถึง 60% ในเวลาเพียงไม่กี่วัน แถมมีลูกน้องเป็นปีศาจกว่าแสนตน

แต่ที่พูดมานี่ก็เป็นแค่เรื่องในอดีตเท่านั้น

เพราะผู้กล้าได้จัดการโค่นจอมมารลงซะราบคาบไปแล้ว ยัยจอมมารตอนนี้ก็เลยหมกตัวอยู่แต่ในอพาร์ทเมนต์ถูก ๆ วัน ๆ นั่งเล่นแต่เนตจนกลายเป็น NEET ไปแล้ว แถมยังชอบโชว์กางเกงในอล่างฉ่างอีกต่างหาก ชั้นเป็นลูกชายเจ้าของอพาร์ทเมนท์นี่ ก็เลยใช้สิทธิ์นั้นส่องกงเกงในยัยจอมมารจนฟิน ...ซะเมื่อไรล่ะ !

เอาเหอะน่า รีบ ๆ จ่ายค่าเช่ามาได้แล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : แม้ตอนแรกจะไม่ได้สังเกตปีที่วางแผงของนิยายเล่มนี้ ว่าที่ญี่ปุ่นมันตั้งแต่ปี 2011 แต่อ่านไปสัก 10 หน้าก็สัมผัสได้ล่ะครับ คือมันเป็นนิยายเกาะกระแสความนิยมของสมัยนั้นชัดๆเลย ตัวละครหญิงที่เป็นนางเอกมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ฟังใคร คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลประดุจพระเจ้าฮาxฮิ แถมยังพ่วงโปรไฟล์ไว้เก๋ๆว่าเป็นจอมมารด้วย แต่ก็นั่นแหละ ยังไม่เคยเห็นฉากที่สมเป็นจอมมารของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว

พล็อตเรื่อง วางไว้ว่าเป็นคอเมดี้ ยิงมุกตบมุกกันตลอดทั้งเล่ม แน่นอนว่าตัวตบมุกคือพระเอกตามสูตร แต่มุกที่ใช้ในเล่ม นอกเหนือจากมุกมาตรฐานที่ใช้กันเกร่อแล้วก็จะค่อนข้างเฉพาะทาง ไม่ก็เก่าไปหน่อย บางทีล้ำลึกซะจนเชิงอรรถยังไม่สามารถอธิบายมุกได้เลยด้วยซ้ำ 555 ทำให้อ่านแล้วอาจจะงงได้ นอกนั้นก็ไม่มีสาระอะไรครับ

เรื่องมันคือ ยัยนางเอกผู้เป็นจอมมาร มาเช่าอพาร์ทเม้นต์โกโรโกโสของพระเอกอยู่ แล้วก็เบี้ยวค่าเช่า พอพระเอกมาทวง มันก็เล่นมุกแถไป (บ่นเรื่องมุกไปย่อหน้าข้างบนแล้ว) พระเอกมันก็ดันรับมุก ไปๆมาๆ หมดวัน แยกย้าย วันใหม่ก็วนลูป เรียกว่ามีสาระมั้ยล่ะคุณ

ส่วนตัวอยากจะวางมันลงตั้งแต่ยังไม่ถึง 100 หน้าดีซะด้วยซ้ำ คือมันไม่สนุกเลย แนวเล่นมุกแบบนี้ ถ้าแป๊กแล้วมันจะแป๊กยาวเลยอะ เล่มนี้ก็เป็นแบบนั้น ถ้าไม่ติดว่าต้องอ่านให้จบ เพื่อจะเอามาเขียนบล็อคนี่ คงไม่อ่านแน่ๆ

ส่วนไอ้แนวแฟนตาซีที่จั่วอยู่ข้างบน (และปกหลังของเล่ม) มันไม่ได้สื่อถึงแฟนตาซีทั่วไปที่หลายคนชื่นชอบหรอกครับ แค่มีเวทมนต์(ที่ไม่เคยใช้ แค่พูดถึงเฉยๆ) กับนางเอกที่สเตตัสแปะว่าจอมมาร เท่านั้นก็เป็นแฟนตาซี..........บ้าชิบ อย่าดูถูกแฟนตาซีนะเฟ้ย

คาแรคเตอร์อื่นนอกจากนางเอกที่เป็นศูนย์รวมของกระแสดังๆในสมัยนั้น และพระเอกผู้เป็นคนธรรมดา มีหน้าที่ตบมุกแล้ว ตัวละครอื่นๆเป็นตัวหญิงล้วนๆ ทำเอาได้ยินเสียงบก.คุยกับนักเขียนว่า "ยัดตัวหญิงลงไปเยอะๆ แจกเซอร์วิสหนักๆ ยังไงก็ขายได้หน่า" แว่วเข้ามาในหูเลย มันอะไรกันฟ่ะเนี่ย

แม้ปัญหาของสนพ.ไทยจะไม่ค่อยมี (ทำไมนายถึงทำดีกับนิยายระดับนี้ๆล่ะเนี่ย ไอ้นิยายที่เรื่องดีๆ ใช้มาตรฐานประมาณนี้ไม่ได้เรอะ) แต่เพราะตัวนิยายมันทำลายตัวเองไปซะป่นปี้แล้วก็เลยไม่อยากแนะนำให้ซื้อเลยครับ ให้อ่านฟรียังขอคิดดูก่อนเลยอะ ประมาณนั้นเลย

หรือเพราะแนวเล่นมุกแบบนี้มันมีอยู่ล้นตลาดแล้ว และเรื่องอื่นๆมันก็ทำดีกว่า นอกจากจะถูกเปรียบเทียบแล้ว เลยทำให้เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆได้เลยหว่า ถึงได้สัมผัสได้แต่ความแย่ของมัน
ความน่าสนใจ : 1/5

28/6/59

Apocalypse Alice / วงกตวิบัติอลิส

สำนักพิมพ์ : Dexpress
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่มจบ
เรื่องย่อ : เอาละ ทุกคน มาสังหารเด็กสาวแล้วช่วยโลกกันเถอะ

เมื่อโลกกำลังจะล่มสลายลงเพราะ "โรควงกต" โรคพิศดารที่พบเฉพาะในเด็กสาว เหล่านักเรียนมัธยมปลายจึงต้องสังหารเด็กสาวให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ทันเวลา โลกจะถึงคราวพินาศสิ้น

"ผมไม่สนใจโลกสักนิด บอกตามตรงมันน่ารำคาญ"

อาริสุ ชินโนะสุเกะ พระเอกผู้นิสัยเสียที่สุดในประวัติศาสตร์ประกาศเช่นนั้นแล้วทะยานเข้าสู่วงกต จุดประสงค์ของเขาคืออะไร โลกจะรอดพ้นหรือไม่ นิยายแฟนตาซีแห่งเวทมนต์ที่มีโลกเป็นเดิมพัน เปิดฉากขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : Apocalypse Alice หรือ Mokushiroku Alice นั้น เป็นผลงานของอ.คากามิครับ อ.แกฝากผลงานดีๆไว้หลายเรื่องทีเดียว (ไม่มี LC ในไทยนะ) แต่เรื่องดังๆที่นักอ่านรุ่นเก่าหน่อยน่าจะรู้จักก็คงเป็นซีรีย์  Densetsu no Yuusha no Densetsu ล่ะมั้ง

แน่นอนว่าในเรื่องอลิสนี้ก็เช่นกัน เจ้าตัวยังคงคุณภาพเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความแหวกแนว ไม่ตลาดๆของเนื้อเรื่อง คาแรคเตอร์ตัวละครที่สมเหตุสมผลกับภูมิหลัง หรือการกระทำของตัวละครแต่ล่ะตัวที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่พบเจอ บลาๆๆ

ในเรื่องนี้ โครงเรื่องถูกกำหนดว่าเป็นโลกในยุคปัจจุบัน ที่มีโรคประหลาดๆเกิดขึ้น มันเป็นโรคที่พบในเด็กสาวเท่านั้น หลังจากเด็กสาวติดเชื้อ เธอจะสร้างดันเจี้ยน เอ๊ย วงกต ขึ้น โดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง ขนาดของวงกต และความยากของมันจะแตกต่างกันไปตามเด็กสาวแต่ละคน และวงกตของเด็กสาวคนนั้น จะกลืนกินเมือง และผู้คนที่อยู่รอบๆไปเลย หากไม่สามารถฆ่าเด็กสาวซึ่งกลายเป็นลาสบอสในวงกตได้ภายในเวลาที่กำหนด วงกตที่สร้างขึ้นจะกลายเป็นวงกตถาวรที่ไม่อาจทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลย หนำซ้ำ ความยากของวงกตหลังจากกลายเป็นวงกตถาวรแล้วจะยากขึ้นอย่างน้อย 10 เท่าอีกต่างหาก

ในอดีต โลกถูกวงกตเหล่านั้นกลืนกินไปเพียบ โดยเฉพาะทวีปที่กำลังทหารอ่อนแอ ไม่สามารถต่อกรกับมอนสเตอร์ในวงกต และตะลุยไปถึงเด็กสาวได้อย่างทวีปแอฟริกา หรือประเทศที่มีดินแดนกว้างใหญ่เกินไป จนไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงอย่างประเทศจีน


คาแรคเตอร์นั้น ตัวพระเอกเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายพอสมควร แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง (ออกแนวดาร์คฮีโร่มั้ง) ไม่ยอมเชื่อใจใครนอกจากเงินและตัวเอง มองว่ามิตรภาพเป็นสิ่งจอมปลอม เวลาอยู่ในสถานการณ์คับขัน มนุษย์ย่อมทิ้งคนอื่นเพื่อเอาตัวเองรอดอยู่แล้ว บลาๆๆ ซึ่งถ้ามองไปที่ภูมิหลังของพระเอกที่เคยเจอมานั้น ก็ไม่แปลกอะไรล่ะนะ อันนี้ลองดูในเรื่องเองละกันเนอะ

แต่เป้าหมายของพระเอกมีอย่างเดียว นั่นคือ การช่วยเหลือน้องสาวของเขา ที่ติดโรคนี้ และยังเป็นลาสบอสของวงกตที่ยากที่สุดในโลกอีกต่างหาก ซึ่งแนวทางของพระเอกเลยจะแตกต่างจากแนวคิดสามัญของโลกสุดๆ อย่างที่บอกตอนต้นไปแล้วนั้น "โลก" ตัดสินว่า หากเด็กสาวคนไหนติดเชื้อ ต้องฆ่า เท่านั้น ไม่มีใครมีความคิดว่าจะช่วยเหลือเด็กสาวเลยแม้แต่นิดเดียว........ยกเว้นพระเอกล่ะนะ แต่มันจะทำได้รึเปล่าก็ว่ากันไป สไตล์นักเขียนคนนี้ เนื้อเรื่องไม่ค่อยโลกสวยด้วยสิ 555+

ส่วนตัวละครอื่นๆนั้น เนื่องจากเรื่องนี้กลุ่มตัวเอกมีกันหลายคน แถมไม่ได้มีแต่สาวๆรายล้อมเป็นฮาเร็มเกรดต่ำด้วย และแต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ค่อนข้างละเอียด ดังนั้นพูดเฉพาะพระเอกก็แล้วกันเนอะ

ส่วนเวทมนต์ในเรื่องนี้ ก็ไม่ได้เป็นสไตล์แฟนตาซีอย่างการฝึกฝนเวทมนต์ แล้วร่ายเวทยิงกันเปรี้ยงปร้าง แต่เป็นเวทมนต์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากเงิน และมีไว้เพื่อคนมีเงิน เนื่องจากเวทมนต์ในเรื่อง คือวิทยาการจากวงกตของเหล่าเด็กสาวที่ติดโรคนั้นเอง เอามาวิจัย และพัฒนา สร้างอุปกรณ์กระตุ้นสมองในสามารถใช้เวทมนต์ได้ ยิ่งเป็นวิทยาการที่มีความซับซ้อนมาก ก็ยิ่งต้องใช้งบประมาณในการวิจัยมากตามไปด้วย รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้กระตุ้นสมองก็ต้องเป็นของคุณภาพสูงมากขึ้น บลาๆๆ เรียกว่าเป็นเวทมนต์ที่ความแข็งแกร่งแปรผันตรงกับเงินเลยทีเดียวเชียว

การเดินเรื่อง เล่มแรกจะยังไม่เน้นอะไรเท่าไหร่ เป็นเหมือนการแนะนำตัวละคร และแนะนำเนื้อเรื่องไปพร้อมๆกัน ให้คนอ่านเข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง ปิดท้ายด้วยการตะลุยวงกตกันสักยกหนึ่ง ให้มีฉากแอคชั่นพอเป็นน้ำจิ้มปิดท้าย แต่ถึงอย่างงั้น ก็ยังอ่านเพลินมาก จัดว่าสนุกเลยทีเดียว

เรียกว่า ถ้าใครเบื่อแนวตลาดๆ แล้วไม่มีอะไรจะอ่าน เรื่องนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีเรื่องนึงเลยครับ
ความน่าสนใจ : 5/5

17/6/59

Shikai Ryuuou to Kyokutou no Avalon / ศึกพิทักษ์เจ็ดนครา แห่ง อวาลอน

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 4 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : เมื่อมนุษย์รับรู้ถึงการมีตัวตนของ “เทพ” สงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุดลง ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้นโอริจิน [อามาเทราสุ] และทัตสึมิยะ มินาโตะ ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์เดินทางกลับมาที่ดินแดนที่เคยเป็นประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้ง แรกในรอบสิบปี... ที่ตั้งของเขตปกครองพิเศษทั้งเจ็ด ที่นี่คืออวาลอนแห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่เหล่าเทพผู้คํ้าจุนทั้งเจ็ดรวมตัวกัน สร้างขึ้นมาเพื่อให้ [มนุษย์และเทพอยู่ร่วมกัน] อย่างสงบสุข แต่ระหว่างพิธีเลี้ยงต้อนรับการกลับมา กลุ่มก่อการร้าย [อาโพคาลิพส์]ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ต้องการทำลายล้างเหล่าเทพก็บุกเข้าโจมตี และมินาโตะก็ได้เห็นเพื่อนเก่าอย่างฮิดะ เร็นจิอยู่ในกลุ่มคนร้ายด้วย.......? เพื่อสร้างดินแดนที่เหล่าเทพและมนุษย์อยู่ร่วมกันได้ ชายหนุ่มผู้สืบสายเลือดมังกรจึงกวัดแกว่งดาบ...! การสร้างดินแดนในอุดมคติที่ยากลำบากก็เริ่มต้นขึ้น!
ความเห็นส่วนตัว : Shikai Ryuuou to Kyokutou no Avalon หรือ Shikai Ryuuou to Kyokutou no Nanabashira Tokku เป็นแนวแฟนตาซีที่ค่อนข้างจะฉีกออกจากแนวเดิมๆอยู่สักหน่อย นั่นก็คือ ตามโครงเรื่องของการขัดแย้งระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ในอดีต นำมาซึ่งนิสัยโลกสวยของนางเอกในปัจจุบันที่ต้องการอยู่ร่วมกันนั้น โดยส่วนมาก แก๊งตัวเอก หรืออย่างน้อยๆก็พระเอก จะอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า ในกรณีนี้ ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างเทพกับมนุษย์ มันก็ควรจะเป็นมนุษย์

แต่เรื่องนี้กลับตรงกันข้าม ให้แก๊งตัวเอกทั้งหมดเป็นเทพซะอย่างงั้น เล่นประเด็นดราม่าของคนที่แข็งแกร่ง ต้องการอยู่ร่วมกับผู้ที่อ่อนแอกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่า สันดานของมนุษย์ ถ้าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด ก็จะไม่ยอมอยู่ร่วมกับใคร ต้องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกฝ่ายให้หมด ตัวเองถึงจะรู้สึกปลอดภัย อันเป็นสิ่งที่ทำให้เทพอย่างพวกตัวเอกต้องปวดหัวกันไม่น้อย

ทางด้านคาแรคเตอร์ เมื่อเป็นแนวแฟนตาซี พระเอกต้องเป็นนักดาบแน่นอน 555+ แต่เมื่อเป็นเทพทั้งที จะใช้ดาบธรรมดาก็กระไรอยู่ พระเอกเลยเป็นนักดาบเวทมนต์ไปซะ แต่เวทมนต์ที่พระเอกใช้ก็กลับเซอร์ไพร์สมากครับ มันใช้ "น้ำ"

เพราะตามปกติแล้ว เวทมนต์ของตัวเอกที่พบเห็นในนิยายบ่อยๆมักจะเป็นไฟ รองมาคือลม ซึ่งเป็นธาตุที่สามารถแสดงความเวอร์วังอลังการ ในฉากโชว์เทพของตัวเอกได้ง่าย และไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย สร้างลูกไฟแล้วยิ่งตูมๆเป็นอันจบ

แต่พอใช้น้ำปุบ ก็วัดความคิดสร้างสรรคของคนเขียนล่ะ ว่าจะสามารถจินตนาการ "น้ำ" ในฐานะอาวุธออกมาได้ดีแค่ไหน และถ่ายทอดออกมาอย่างไร ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่าทำได้ดีนะครับ นอกจากดาบน้ำที่เปลี่ยนแปลงระยะ และเปลี่ยนแปลงสถานะได้ตามใจชอบแล้ว เวทมนต์สายน้ำ ก็แสดงความอลังการออกมาได้เหมือนกัน นี่ยังไม่รวมถึงการประยุกต์ใช้น้ำในสถานะต่างๆได้ตามสถานการณ์ต่างๆด้วยนะ แต่ไปอ่านเองดีกว่า 555+

การเดินเรื่องและการแจกบทตัวละครก็ทำได้ดี ทั้งๆที่เทพญี่ปุ่นนั้น บอกเลยว่าคนไม่ค่อยรู้จักหรอก คนเขียนเลยพยายามใช้เทพที่มีชื่อเสียง คนรู้จักอยู่แล้ว หรืออย่างน้อยก็น่าจะเคยผ่านหูมาบ้าง อย่างอามาเทราสุ แล้วยังดึงเทพตะวันตกที่มีชื่อเสียงอย่าง ทูตสวรรค์ มิคาเอล มาแจมด้วย ส่วนเทพแปลกๆในตำนานอื่น คนเขียนเก็บไว้ในฐานะตัวประกอบไปก่อน ไม่ฝืนแจกบทให้ตัวละครโผล่มาพรึ่บพรับเยอะแยะเต็มไปหมดโดยไม่จำเป็นเหมือนบางเรื่อง เมื่อมาประกอบกับการเดินเรื่องที่ไม่มีความตลาด ทั้งจุดไคล์แม็กซ์เองก็กำหนดไว้ชัดเจน ทำให้สามารถอ่านได้อย่างไหลลื่นโดยไม่รู้สึกติดขัดอะไรครับ

ในเรื่องของศัพท์เฉพาะเอง ก็มีเยอะนะ แต่สกิลการถ่ายทอดเรื่องราวของคนเขียนค่อนข้างสูง เขาจะไม่สักแต่ยัดศัพท์เฉพาะที่ตัวเองบัญญัติขึ้นมาใหม่เข้ามาในเรื่องรัวๆ จนคนอ่านตามไม่ทัน แต่จะเริ่มจากเรื่องเบสิคให้คนเข้าใจโครงเรื่องก่อน แล้วศัพท์เฉพาะถึงจะค่อยๆเข้ามาแจมทีละนิดๆ จนอ่านแล้วไม่น่าเบื่อ หรือเกิดความรู้สึก "อะไรของมันวะ" แบบบางเรื่อง

และที่ประทับใจที่สุดคือ ฝ่ายคู่ปรับของพระเอกก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เวลาต่อสู้กันเลยไม่ให้ความรู้สึกแบบ "ทำร้ายผู้หญิงว่ะ" แถม เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เลยสามารถเข้าฉากแอคชั่นจัดเต็มได้ โชว์ความอลังการของเวทมนต์และเพลงดาบซัดใส่กันได้เต็มที่ โดนเข้าไปทีก็ได้แผล เลือดสาดกันไป ดีกว่าสู้กับผู้หญิง แล้วใช้กฎของโลก2Dที่ตัวละครหญิงจะไม่มีทางมีแผลเด็ดขาด สุดท้ายเวทมนต์ที่ระเบิดภูเขาได้เป็นลูกๆ ก็ทำได้แค่ฉีกเสื้อผ้าผู้หญิง กลายเป็นคอเมดี้เกรดต่ำด้วย นับว่าถูกใจมากเลยครับ

ทางด้านสนพ.ไทยนั้น สำหรับเรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างโอเคอยู่ จุดพิมพ์ผิดไม่ค่อยมี รูปเล่มกับราคาก็อยู่ในระดับที่รับได้ รวมๆแล้วไม่มีจุดที่ต้องคอมเม้นเป็นพิเศษครับ
ความน่าสนใจ : 5/5

14/6/59

Shuuen Sekai no Tensai-hime / เจ้าหญิงรีเบลเลียน ฝ่าวิกฤตโลกปิดตาย

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : นิยายเรื่องเยี่ยมเจ้าของรางวัลพิเศษ สนีกเกอร์อวอร์ด ครั้งที่ 18!

โลกใบนีได้อวสานไปแล้วไปแล้วครั้งหนึ่ง จากการบุกรุกของเหล่าอสูรนาม “แฟนทัสม่า” คุคิ ฟุโด จอมสร้างปัญหาผู้มีฉายาว่าตัวหายนะ เขามุ่งมั่นฝึกตนเข้าสู่เส้นทางปราบมารของ “เมโอโตะ” วันหนึ่งระหว่างการปราบปรามแฟนทัสม่า มีเพียงเด็กสาวคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหยุดพลังอันมหาศาลของเขาไว้ได้

“ไม่ ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอ ฉันสัญญา”

ด้วยพันธสัญญาที่ทั้งสองผูกขึ้นจะนำพาโลกสู่สิ่งใด?การสร้างโลก หรือการทำลายล้าง? สมรภูมิแห่งโลกแฟนตาซียุคใหม่ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : เรื่อง Shuuen Sekai no Tensai-hime หรือ Shuuen Sekai no Rebellion นี้รู้สึกว่ามันโคลนเรกิออสมาพอสมควรเลยนะครับ แต่ปรับเนื้อหาให้อ่อนลง โดยเปิดเรื่องจากโลกที่ล่มสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง ผู้คนเลยหนีมาสร้างเมืองในโดม อ้อ แต่เมืองในเรื่องนี้เดินไม่ได้นะ ส่วนโลกภายนอกก็เกิดสัตว์ประหลาดพันธุ์ใหม่ขึ้น พร้อมกับแร่ชนิดใหม่ที่มีพลังพิเศษช่วยให้มนุษย์(ที่ได้รับเลือก)สามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้

พระเอกเป็นนักดาบ(แน่นอน อาวุธมาตรฐานของพระเอกสายแฟนตาซี 555+) ยังอยู่ในวัยเรียน แต่เก่งเทพ ปัจจุบันสังกัดอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เน้นด้านบ่มเพาะนักรบสำหรับต่อกรกับเหล่าสัตว์ประหลาด จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้ถือครองดาบสวรรค์ เอ๊ย ผู้ดำรงตำแหน่ง 12 นักษัตร ตำแหน่งสูงสุดของนักรบที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุด 12 คน ได้ปรากฎตัวขึ้น และขอร้องให้เขาร่วมมือในภารกิจบางอย่าง

ก็นั่นแหละ เปิดเรื่องเหมือนดีเลยนะ แต่หลังจากนั้นก็เข้าสู่เลิฟคอมในรั้วโรงเรียนเต็มสตรีมไปเลยซะอย่างงั้น ทำเอาปรับอารมณ์ไม่ทันเลยนี่ดิ 555+ เจอกับนางเอกสายแบ๋วที่บางครั้งก็ชอบเล่นมุกหื่น นางรองก็เป็นโลลิยันเดเระ คาแรคเตอร์ตลาดๆอันแสนคุ้นเคยทั้งนั้น การเดินเรื่องหลังจากนี้ก็ตามสูตรเลิฟคอมทุกอย่าง จนไม่รู้จะตบมุกตรงไหนดีเลย เปิดไปไม่กี่หน้าก็มองเห็นเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

(ย่อหน้านี้สปอย) อ้อ เรื่องราวในเล่มมีขัดแย้งกันเองด้วยนะ ทั้งภูมิหลังของพระเอกที่วางไว้ค่อนข้างดราม่า พ่อแม่ถูกองค์กรลับฆ่าตาย มันเลยมีความแค้นกับองค์กรอยู่ ถึงขนาดบทบรรยายเขียนไว้เลยว่า ถ้าพระเอกเจอกับพวกคนในองค์กร ความแค้นจะพวยพุ่งออกมา มันจะควบคุมตัวเองไม่ได้ บลาๆๆ แต่ถึงอย่างงั้น เวลาพระเอกเจอเข้าจริงๆ ไม่เห็นมันจะควบคุมไม่ได้เลยฟ่ะ มีสติมากกว่าที่คิดซะอีก รู้ว่าควรสนใจเรื่องอะไรก่อนอะไรหลัง ไม่ได้ปล่อยตัวเองไปตามความแค้น

(ย่อหน้านี้สปอย) หรืออีกจุดนึงก็ นางเอกเป็นศัตรูกับทุกฝ่าย ทั้งองค์กรลับ และรัฐบาล ทำให้เพื่อนสนิทของเธอที่เป็น 12 นักษัตรซึ่งขึ้นตรงกับรัฐบาลไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรเพื่อช่วยเหลือได้ คุณเพื่อนต้องมาขอร้องให้พระเอกช่วยได้ แต่หลังจากนั้น พระเอกดันไปรับตำแหน่ง 12 นักษัตร ซะงั้น แถมยังอยู่คุ้มครองนางเอกด้วย ตกลงมันอะไรของแกฟ่ะ รัฐบาลเปลี่ยนความคิดเร็วมากเกินไปมั้ย

(ย่อหน้านี้ก็สปอย) ฝั่งตัวร้ายก็เหมือนกัน เปิดตัวเหมือนเป็นลูกกระจ๊อกเฝ้าโกดังเก็บของ แต่เดินเรื่องไปเดินเรื่องมา กลายเป็นบอสกลาง(หรือลาสบอสฟ่ะ) ที่สเกลพลังระดับ12นักษัตรก็ชนะไม่ได้ซะงั้น ตกลงไอ้ตำแหน่ง 12สัตว์นี่มันเก่งไม่เก่งเนี่ย

เรียกว่าหลายๆอย่างมันชวนให้รู้สึกขัดใจเหลือเกิน จนแอบแปลกใจว่านี่คือผลงานที่ได้รับรางวัลเหรอเนี่ย อารมณ์แบบ ดีที่สุดคือแค่นี้เหรอ แต่เอาหน่า ช่างมันล่ะกัน

มาที่สนพ.ของไทยบ้าง ในเรื่องนี้ พิมพ์ผิดเพียบเลยครับ แถมกว่า 40% ของที่ผิด ดันเป็นจุดผิดที่กระทบกับเนื้อเรื่องด้วยนะ รูปประโยคจาก Yes กลายเป็น No ไปเลยก็มี อ่านแล้วต้องตั้งสติสุดๆ การตัดขอบก็ไม่ดี ส่วนที่เป็นลิ้น(เรียกลิ้นรึเปล่าหว่า) เบี้ยวเฉียงออกมานอกเล่มเลย บางหน้าพิมพ์เลื่อนด้วย คือบรรทัดล่างสุดของหน้ามันแทบจะตกขอบหลุดออกไปนอกเล่มแล้ว บลาๆๆ

สรุปว่า จากทั้งหมดทั้งปวงที่พูดมานี้ เรื่องนี้ไม่น่าสนใจเลยครับ แนะนำให้ซื้อไม่ลงเลยอะ

เออ ใช่ๆ ส่วนจำนวนเล่มของเรื่องนี้ เท่าที่เช็คดู บางที่ก็บอกว่า 3 เล่มจบ (โดนตัดจบสินะ) บางที่ก็บอกว่ายังไม่จบนะครับ ในส่วนนี้เลยจะเขียนว่ายังไม่จบไว้ก่อนก็แล้วกัน
ความน่าสนใจ : 1/5