21/10/59

Flame Oukoku Koubouki / นายแบงค์คู่คิด กู้พิษเศรษฐกิจต่างมิติ

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 5 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : "คุณคือ...ท่านผู้กล้าหรือเปล่าคะ"
"เปล่าครับ ผมเป็นพนักงานธนาคารธรรมดา"

มัทสึชิโระ โคตะ หลุดไปยังโลกต่างมิติขณะเดินทางไปทำงาน ทว่า ทั้งที่ถูกอัญเชิญไปในฐานะผู้กล้าแท้ๆ แต่ที่นั่นกลับไม่มีจอมปีศาจ จักรวรรดิชั่วร้ายเองก็อยู่ระหว่างปิดทำการ โคตะจึงถูกขับไล่ออกจากวังไปอยู่เมืองบ้านนอก

เมื่อคิดว่าจะได้เริ่มชีวิตอันสงบสุข เงื้อมมือปีศาจที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดก็บุกเข้าโจมตี

มันคือ "หนี้สาธารณะติดตัวแดง"

หากเป็นอย่างงี้ต่อไป การคลังสาธารณะก็จะล้มไม่เป็นท่า "พนักงานธนาคาร" อย่างโคตะจึงไม่อาจนิ่งเฉย

นี่คือเรื่องราวที่ตัวเอกผู้มีความสามารถในการโกงเป็นศูนย์ ลุกขึ้นต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมปีศาจ ด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ

มาเป็นพยานรู้เห็นประวัติศาสตร์ด้วยกันเถอะ
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้มีความสดใหม่นะเออ รู้สึกเล่ม5ที่ญี่ปุ่นเพิ่งวางแผงเมื่อเดือนที่แล้วเองมั้ง ซึ่งเรื่องราวโดยคร่าวๆก็เป็นอย่างในปกหลังครับ(ส่วนเรื่องย่อที่อยู่ข้างบน) ก็คือเป็นเรื่องของพนักงานธนาคารที่ถูกอัญเชิญไปต่างโลกที่แสนสงบสุข ถ้าไม่นับเรื่องที่เศรษฐกิจของโลกต่างมิตินั้นกำลังไม่ดีน่ะนะ เจ้าพระเอกหนุ่มก็เราก็เลยเข้าช่วยเหลือนั่นเอง

โดนคอนเซ้ปก็คงคล้ายๆ Maoyu หรือที่คนไทยส่วนใหญ่น่าจะเรียกว่าจอมมารเศรษฐศาสตร์นั่นแหละครับ (บังเอิญว่าเรื่องนี้ค่อนข้างดัง ก็เลยตัดสินใจไม่รีวิว ดังนั้นจึงไม่มี link แปะให้เหมือนทุกทีนะครับ) เพียงแต่จะแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่เรื่องนี้จะเน้นความเป็นทุนนิยมมากกว่า ประกอบกับพระเอกจะมองไปที่การพัฒนาเมืองเป็นหลัก อารมณ์แบบว่า หากเสียสละคนส่วนน้อยแล้วประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้ มันก็จะทำ อะไรประมาณนั้น

ยกตัวอย่างเช่น ใน Maoyu นั้น หากชาวบ้านทำการเกษตรได้รับความเดือดร้อนเรื่องดิน จอมมารก้อนเนื้อไร้ประโยชน์ก็จะพยายามหาวิธีแก้ปัญหาดิน

แต่ในเรื่องนี้ หากดินตรงที่เสียที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนนั้น เป็นที่ดินทำเลดี หากเอาไปใช้ทำอย่างอื่นนอกจากการเกษตร พระเอกมันจะกดดันให้ชาวบ้านแก้ปัญหา ด้วยการเอาเงินเข้ามาจับ อารมณ์ว่า ถ้าดินมันเสียก็ย้ายที่ซะสิ...ขายที่ซะ แล้วซื้อที่ใหม่...ที่ใหม่สวยกว่านะ...เงินไม่พอเหรอ...กู้เงินมั้ย...เซ็นสัญญากู้ตรงนี้...เอาบ้านพร้อมที่ดินมาจำนองโล้ด...ถึงกำหนดไม่จ่ายเหรอ...ยึดเลย (อืมมม สมเป็นพนักงานธนาคารจริงๆ ทำยอดเก่งมาก) เสร็จแล้วพระเอกก็เอาที่ดินตรงนั้นไปสร้างสิ่งที่สามารถพัฒนาเมืองได้

เรียกได้ว่าคาแรคเตอร์ของพระเอกในเรื่องจะค่อนข้างขัดกับที่ผู้เขียนบรรยายไว้ในตอนแรก เพราะเขาบรรยายไว้ในลักษณะว่าเป็นคนมีความสามารถ แต่ชอบประเมินตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง อ่อนน้อมถ่อมตน และซื่อสัตย์ แต่พอเดินเรื่องไปแล้ว เรื่องความสามารถน่ะไม่เถียงหรอก ที่ชอบประเมินตัวเองต่ำไปนั่นก็ไม่รู้ว่าพูดไปงั้นๆรึเปล่า เพราะโดยปกติแล้ว คนที่ประเมินตัวเองต่ำ จะไม่ค่อยกล้าพอที่จะลุกขึ้นมาเป็นพ่องานสักเท่าไหร่ ยิ่งกับงานที่มีความยากสูงแล้วด้วย

ไหนจะเรื่องที่ว่าอ่อนน้อมถ่อมตนอีก หากอ่านๆไปจะรู้สึกว่าพระเอกเป็นพวกที่มีแนวคิดแบบสัจนิยมพอสมควร มองอะไรตามความเป็นจริง สามารถตัดความรู้สึกส่วนตัวออกจากงานได้ในระดับนึง ทำให้ไม่ค่อยมีความอ่อนน้อมเลย

ด้านความซื่อสัตย์เอง จริงอยู่ว่าในทางธุรกิจแล้ว การพูดความจริงไม่หมด หรือการทำให้อีกฝั่งเข้าใจผิดแล้วตัวเองก็อาศัยเรื่องนั้นโกยผลประโยชน์เข้าตัว มันไม่ผิด แต่ในด้านศีลธรรมแล้ว จะบอกว่าคนแบบนี้เป็นคนซื่อสัตย์มันก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่หรอกนะ

อืมมม ก็ไม่รู้ว่าคนเขียนมันลืมบุคลิคที่ตัวเองวางไว้ หรือว่าเพราะตัวละครมันมีการพัฒนาไปในระหว่างที่เขียนกันนะ แต่มันจะเร็วเกินไปหน่อยมั้ยฟ่ะ แค่ไม่กี่หน้าเองนะเฟ้ย (นักเขียนบางส่วนชอบพูดว่า ตัวละครสามารถเติบโตได้เหมือนกับคน พอเดินเรืื่องไป ลักษณะนิสัยของตัวละครจะเริ่มแตกต่างไปจากที่วางไว้ในตอนแรก)


เรื่องการดำเนินเรื่องนั้น คนเขียนจัดว่าค่อนข้างใจเย็นทีเดียว เน้นเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด ทำให้เนื้อเรื่องในเล่มแรก ยังคงเป็นการโชว์สกิลของพระเอก ไปพร้อมๆกับแนะนำตัวละครหลักๆตัวอื่นๆ ปัญหาในเรื่องที่พระเอกจะต้องแก้ ยังคงเป็นปัญหาทั่วๆไป

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว คาดว่าคนเขียนเอาคอนเซ้ปในส่วนนี้มาจากบริษัทที่ล้มละลายแล้ว และมาเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ โดยพระเอกทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญยังไงยังงั้นเลย เพราะถ้าเทียบกับแล้ว เมืองที่มีหนี้ล้น จนเจ้าเมืองต้องใช้วิธีกู้หนี้ใหม่มาโป๊ะหนี้เก่า (วิธีนี้ผิดมาก เด็กยังรู้เลย) ก็เทียบได้กับสภาพที่ใกล้ล้มละลายเต็มทีนั่นแหละนะ ปัญหาส่วนใหญ่ของบริษัทในลักษณะนี้ก็เลยจะเป็นที่ เจ้าของกิจการที่แก้ปัญหาผิด ไม่ก็ทำตัวเป็นเตี้ยอุ้มค่อม รวมไปถึงพนักงานในบริษัทที่ไม่ได้คุณภาพนั่นแหละ พอค่อยๆแก้ปัญหาไปทีล่ะจุด มองเมืองให้เป็นบริษัท มองปัญหาในแต่ละด้าน ให้เป็นปัญหาในแต่ละแผนก มันก็ไหลไปได้

แม้จะขัดใจนิดหน่อยตรงที่ มันมีพนักงานธนาคารกินเงินเดือนธรรมดาๆที่ไหนมีความรู้รอบด้านขนาดนี้ฟ่ะ 555+

โดยสรุปแล้วก็อย่างที่บอกครับ เล่มแรกคือการเกริ่นนำ ยังไม่มีตัวละครที่ประสงค์ร้าย และมีความสามารถพอฟัดพอเหวี่ยงโผล่มาสร้างปัญหาให้กับพระเอกของเราสักเท่าไหร่ ประกอบกับวิธีการของพระเอก ถ้าพอมีความรู้ด้านนี้ก็จะเห็นช่องโหว่อยู่นะ คิดว่าคนเขียนคงเก็บไว้เล่นทีหลังล่ะมั้ง

ส่วนจุดติ หากให้ติจริงจังก็ยังไม่มีสักเท่าไหร่ นอกจากสไตล์การเขียนบทบรรยาย (ในช่วงแรก) คนเขียนแกจะชอบบรรยายแบบนึงไปก่อน แล้วหักด้วยคำว่า "ซะเมื่อไหร่" หรืออะไรคล้ายๆแบบนั้น ทำให้หากตั้งหลักไม่ดี ไม่เตรียมใจที่จะเจอการบรรยายแบบกลับไปกลับมา อาจจะอ่านแล้วงงได้ตั้งแต่หน้าแรก โชคยังดี ที่คนเขียนแกทำ(บ้าอะไรฟ่ะ)แบบนั้นเฉพาะช่วงต้นเรื่อง ไม่งั้นคงทนอ่านไม่ไหวแน่ๆ

อ้อ ขอเตือนไว้ก่อน ด้านเนื้อเรื่องนั้น นอกจากเศรษฐศาสตร์แล้ว ยังมีเนื้อหาของการเมือง การทูต บริหารธุรกิจ แล้วก็บัญชีเข้ามาด้วย ซ้ำยังลงรายละเอียดพอสมควรเลย แม้ว่าคนเขียนจะพยายามจับคู่พระเอกกับตัวละครตัวอื่น แล้วให้ตัวละครตัวนั้นมีหน้าที่ถาม เพื่อให้พระเอกอธิบายให้คนอ่านเข้าใจไปด้วยก็เถอะ แต่ถึงอย่างงั้นเนื้อหาก็ยังจัดว่าหนักอยู่ดี ดังนั้นโดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ากลุ่มคนอ่านที่คนเขียนเล็งเอาไว้น่าจะเป็นระดับเด็กมหาลัยไปจนถึงวันทำงาน มากกว่าจะเป็นเด็กประถม-มัธยม น่ะนะครับ นอกจากนั้นยังน่าจะต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องพวกนี้อยู่บ้างด้วย ใครที่ตัดสินใจจะอ่าน ก็ลองชั่งใจดูให้ดีนะ ไม่งั้นจะพาลเบื่อเอาได้เลย ยิ่งเล่มมันหนา ราคาก็เลยสูงด้วยสิ
ความน่าสนใจ : 5/5

20/10/59

Onna Kishi-san, Jusco Ikouyo / คุณวัลคิรีคะ ไปจัสโก้กันเถอะ

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Comedy
จำนวนเล่ม : 4 เล่มจบ
เรื่องย่อ : ณ ชนบทพื้นๆแห่งหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่ง เซตะ รินอิจิโร่ เด็กม.ปลาย ได้เจอกับเจ้าหญิงโปรีรีฟาและอัศวินหญิงคลาวเซร่ากำลังล้มหมดสติอยู่ที่ทุ่งนาในตอนกลางคืน ทั้งสองคนบอกว่าพวกตนหนีมาจากโลกอื่นในสภาพที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แล้วเรื่องราวเหลือเชื่ออลหม่านก็เริ่มต้นขึ้นจากตรงนั้น

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...

"อันที่จริง มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยในเมืองนี้นะ"
"ว่าไงนะ!"

เรื่องราวคอมเมดี้ในชีวิตประจำวันฉบับอัศวินสาวในเมืองชนบทกำลังจะเริ่มขึ้นอย่างไม่มีอะไรเป็นพิเศษและสบายอารมณ์

"เมื่อกี้ที่เธอแต่งชุดเจ้าสาว สวยดีนะ"
"พะ...พะ...พะ...พูดอะไรน่ะ ฆ่าฉันซะเลยสิ"
ความเห็นส่วนตัว : มันคือโฆษณาในฉบับนิยายครับ คนที่ซื้อมาก็ขอแสดงความยินดีด้วย คุณซื้อโฆษณาของจัสโก้มาแล้ว(ฮา)

ใครไม่รู้จัก ลองใส่คำว่า "ห้าง jusco" ลงใน google ดูก็ได้ ปัจจุบันเป็นของอิออนมั้ง

ก็น่าเสียดายนะ เพราะเรื่องนี้เปิดตัวเป็นนิยายแนวหลุดไปต่างโลกแบบรีเวิร์สซะด้วย แถมยังเกริ่นเรื่องของโลกเดิมไว้พอสมควรเลยอีกต่างหาก ถ้าเอาดีทางแฟนตาซีน่าจะมีลุ้นเลย ดันมาเลือกเดินสายคอเมดี้ซะได้

สุดท้ายช่วงเกริ่นนำอันแสนจะแฟนตาซีนั่นก็เลยไร้ค่าไปเลย เพราะพอ 2 สาวจากต่างโลกมานั่งอยู่ในบ้านของพระเอกที่แสนจะบ้านนอกแล้ว มันก็เอาแต่ยิงมุก ตบมุกกันไปตามสไตล์คอเมดี้สมัยนี้ แต่น่าเศร้าที่มุกมันไม่ค่อยจะเวิร์คเท่าที่ควร ส่วนนึงเป็นเพราะระดับสติปัญญาของตัวละครในเนื้อเรื่องค่อนข้างต่ำ บวกกับเป็นมุกเก่าๆที่เห็นกันมาตลอดหลายสิบปีนี้ ถูกขุดขึ้นมาใช้วนไปล่ะมั้ง

และก็แน่นอนว่าเพราะเป็นคอเมดี้เกรดล่าง ความเป็นเหตุเป็นผลของเรื่องราวก็เลยไม่ค่อยมีด้วยนะ อ่านแล้วก็อย่าคิดเยอะล่ะ


ทางด้านตัวละครก็มาตามสูตรมาตรฐานของแนวคอเมดี้ ยัยเจ้าหญิงตัวน้อยจากต่างโลกเป็นตัวปล่อยมุก ทำอะไรไม่ค่อยฟังใครเท่าไหร่ มีความเกรียนเต็มขั้น และเป็นโอตาคุ อ้อ แล้วเธอเป็นคนเดียวที่บางครั้งจะพูดจาในทำนองเหมือน รู้ว่าตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องแต่ง แต่ยังไม่ถึงขนาดเดทพูลนะ (หืม ทำไมต่างโลกถึงรู้จักญี่ปุ่น?? โถถถ มุกเก่าแบบนี้ยังต้องให้อธิบายอีกเหรอ งั้นคุณก็ไม่เหมาะกับเรื่องนี้แล้วล่ะ)

ฝ่ายพระเอกก็แน่นอนว่าเป็นตัวตบมุก พ่วงด้วยสกิลแบบพระเอกเลิฟคอมทั่วไป คือการไม่รู้ตัวว่ามีสาวชอบตัวเองอยู่ ทั้งๆที่สาวเจ้าเธอแสดงออกซะจนคนอื่นรู้หมดหมู่บ้านแล้ว

ส่วนตัวละครตัวรองๆตัวอื่นๆ มีหลายตัวที่ถ้าพูดแล้วจะสปอยมุกในเรื่องมากเกินไป แค่ตัวตนของมันก็เป็นการสปอยแล้ว ดังนั้นขอข้ามนะ

หืม แล้วมันเกี่ยวข้องกับห้างจัสโก้ยังไงน่ะเหรอ เฉพาะส่วนนี้จะให้สปอยมั้ยล่ะ โอเคนะ สปอยล่ะนะ

คือเรื่องนี้กำหนดเวทีไว้ว่าเป็นบ้านนอกมากๆ 3G 4G เข้าไม่ถึง กระทั่งทีวียังดูได้แค่บางช่อง เพราะบ้านนอกซะจนไม่มีสัญญาณ + ตัวเจ้าหญิงที่มาจากต่างโลกดันเป็นโอตาคุเต็มขั้นเลยใช่มะ การเอาโอตาคุไปปล่อยไว้ในที่ๆดูอนิเมะไม่ได้ เล่นเน็ตไม่ได้ มันจะเป็นยังไงล่ะ เข้าใจสินะ ก็นั่นแหละครับ แล้วพอเธอได้ยินว่าที่เมืองข้างๆมีห้างจัสโก้อยู่ด้วย ก็เลยพยายามดั้นด้นไป

และเมื่อยัยเจ้าหญิงเห็นความอลังการของห้าง ก็ติดอกติดใจ...อ้อ ช่วงนี้ ในเรื่องจะพยายามโฆษณาห้างจัสโก้แบบจัดเต็มมาก บอกละเอียดขนาดว่า แต่ละชั้นมีร้านอะไรบ้าง พวกแบรนด์ดังๆ(ที่คงจ่ายค่าโฆษณาให้) จะอธิบายเป็นพิเศษ แน่นอนว่าไม่มีการเซ็นเซอร์ชื่อ

หลังจากนั้น พอเจ้าหญิงรู้ว่า จัสโก้มีแผนจะมาตั้งสาขาที่เมืองของตัวเอง ที่มีแต่ทุ่งนาและกลิ่นโคลนสาบควาย เธอก็ดี้ด้าเป็นพิเศษ แต่พวกชาวบ้านกลับไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องดีเลย ก็เลยต่อต้านการก่อสร้างจนจัสโก้ยอมถอยไป ฝ่ายเจ้าหญิงก็เดือดสิ เลยพยายามยุยงคนนู่นคนนี้ เพื่อให้จัสโก้มาสร้างสาขาให้ได้

เรื่องมันก็แบบนี้แหละ

อืมมม จะว่าไป การโฆษณาของมันจะนับว่าประสบความสำเร็จก็ได้ละมั้ง อย่างน้อยๆผมก็จำชื่อห้างมันได้จริงๆนั่นแหละ 555+ แม่งย้ำจังเลย
ความน่าสนใจ : 1/5

Sate, Game Gerdo wo Kouryaku Shiyouka / ปาร์ตี้บิกินี่พิชิตต่างโลก

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 7 เล่มจบ
เรื่องย่อ : ขณะที่ ชิโดะ โยชิยะ ฮาร์ดคอร์เกมเมอร์วัยมัธยมปลายกำลังเล่นเกมกับน้องสาวตามปกติ จู่ๆ เขาก็ถูกพัดพาไปอีกโลกหนึ่ง นอกจากตัวเขาซึ่งตกอยู่ในอาการสับสนแล้ว ยูบิซากะ อันนะ นักเรียนสาวสวยที่เพิ่งย้ายมาก็มาที่โลกนี้เช่นเดียวกัน

เพื่อออกจากโลกซึ่งถูกเรียกว่าเกมกัลด์แห่งนี้กลับไปสู่โลกเดิมให้ได้ ทั้งสองต้องร่วมมือกันพิชิต ‘เควสท์’ ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคลียร์ได้มากว่า 100 ปี!!

ทว่า โยชิยะกลับไม่รู้เรื่องวิชาดาบและเวทมนตร์เลยสักนิด เพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ เขาจึงต้องจัดตั้งปาร์ตี้กับสาวสวยผู้มีความสามารถพิเศษเฉพาะทางแต่ไม่มีใครอยากจับกลุ่มด้วยเหล่านี้ โยชิยะต้องไปกินข้าวกับพวกเธอ ไปซื้อของด้วยกัน แถมยังจะถูกไล่ตามอีก…สุดท้ายแล้วเขาจะได้กลับบ้านจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย!?

เรื่องราวเลิฟคอมเมดี้กับการใช้ชีวิตประจำวันในต่างโลกของนักเรียนมัธยมปลาย และเหล่าสาวสวยผู้มีความสามารถสุดโกงได้เปิดม่านขึ้นแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : ชื่อเรื่องนี้ ตรง Game Gerdo ตกลงมันสะกดยังไงหว่า บางที่บอก Game Gardo บางที่บอก Game Grado แต่ของไทยใช้ Game Gerdo

ช่างมันเนอะ ก็เอาเป็นว่า มันก็คือ Game Guard นั่นแหละครับ

เป็นแนวหลุดไปต่างโลก และโลกที่หลุดไปมีลักษณะเหมือนเกมอีกแล้วครับ เพียงแต่โลกต่างมิติคราวนี้จะแตกต่างจากทั่วไปนิดหน่อย

ทุกคนรู้จักเกมแนวบริหารร้าน หรือเกมแนวสร้างเมืองในมือถือกันสินะครับ ที่พื้นที่ร้าน(หรือพื้นที่เมือง) ตอนเริ่มเกมจะมีขนาดเล็ก เช่นสมมุติว่าขนาด 6x6 ช่อง แล้วพอผ่านเงื่อนไขต่างๆ เช่นเลเวลอัพ หรือมีเงินถึงกำหนด หรือผ่านเควสที่กำหนด บลาๆๆ ก็จะสามารถขยายพื้นที่ได้ทีละนิด เป็น 6x7 ช่อง 7x7 ช่อง กระดื้บๆไป นั่นแหละครับ คอนเซ็ปของโลกต่างมิติของเรื่องนี้ โดยมีเงื่อนไขการขยายพื้นที่เป็นการผ่านเควสที่กำหนด

แต่แล้ว เมื่อขยายพื้นที่ไปจนถึงจุดๆหนึ่ง เควสต่อไปกลับไม่มีใครสามารถผ่านได้ พวกเขาก็เลยต้องอัญเชิญผู้กล้าจากต่างโลกให้มาช่วยทำเควสให้หน่อย ซึ่งก็คือคู่พระนางของเรานั่นเอง แต่แน่นอนว่าจู่ๆโดนบังคับให้ช่วยกันแบบมัดมือชกแบบนี้ คนที่ยอมช่วยคงมีน้อย ฝั่งโลกต่างมิติก็เลยเอาข้อมูลมายั่ว (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า) ว่า ถ้าอยากจะกลับโลกเดิม ต้องขยายพื้นที่ของโลกนี้ไปให้ถึงหอคอยที่อยู่ไกลลิบๆนั่น ชั้นบนสุดของหอคอยจะสามารถกลับโลกเดิมได้

เอิ่ม ขามา มีเวทอัญเชิญไปลากตัวตรูมา แต่ขากลับ ดันไม่มีวิธีอื่นส่งกลับให้ซะงั้น ถ้าข้อมูลนี้เป็นความจริง ไอ้โลกต่างมิติใบนี้มันเห็นแก่ตัวจังว้อย

เนื่องจากนางเอกได้ขึ้นปกไปแล้ว เลยเอารูปนางรองทั้ง 2 มาให้ดูบ้าง
แต่ก็นั่นแหละ คู่พระนางไม่มีทางเลือกอื่น เพราะข้อมูลอย่างอื่นนอกจากนี้ก็ไม่มี เลยต้องพยายามทำเควสกันไป

เอาล่ะ พล็อตเรื่องผ่านไป ต่อไปคือคาแรคเตอร์ ในเรื่องนี้ พระเอกจะเป็นหนุ่มสาย Int อีกแล้ว ที่มีเซ้นส์ในการเล่นเกมสูงมาก และเมื่อโลกต่างมิติใบนี้มีคอนเซ้ปเหมือนกับเกม อะไรๆก็เลยแลดูจะเข้าทางหมอนี่ซะหมด แต่นอกจากเรื่องเกมแล้ว อย่างอื่นห่วย อย่าว่าแต่ฝีมือการต่อสู้ หรือเวทมนต์เลย แม้แต่ความสามารถในการหุงหาอาหารอันเป็นพื้นฐานของการเอาชีวิตรอดก็ยังไม่มี

แถมยังมีออฟชั่นเสริมคือพระเอกจะเป็นคนโชคไม่ดี ค่า luck น้อยนิด แต่สงสัยคนเขียนจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่าโชคมากพอ เพราะส่วนขยายของคำว่าโชคไม่ดี กลับไม่ค่อยเกี่ยวกับโชคสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเดินตกท่อ ทำของหาย บลาๆๆ ส่วนมากมันเป็นเพราะตัวเองขาดความระมัดระวังไม่ใช่เรอะ แต่ถึงอย่างงั้นพระเอกมันก็ยังโทษว่าเป็นเพราะโชคของตัวเอง แถมตัวละครตัวอื่นๆก็ดันไม่มีใครแย้งในจุดนี้เลยด้วย ทำให้กลายเป็นว่า บุคลิคของพระเอกจะค่อนข้างเหมือน loser ในโลกจริง แต่บังเอิญไปอยู่ในโลกที่เหมือนเกมก็เลยดูดีขึ้นมา ประมาณนั้น

ส่วนนางเอกเป็นนักเรียนดีเด่น ที่ความสามารถสูงลิบ ทั้งพลังกายและความรู้ ไหนจะความเป็นแม่ศรีเรือนอีก เป็นตัวละครที่มีออลสเตตัสสูงลิ่ว กิริยามารยาทก็เรียบร้อย...........เอ่อ นางเอกนิสัยเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี กับเรื่องแนวแฟนตาซีเนี่ยนะ นักอ่านเลเวลสูงคงสัมผัสได้สินะ อืมๆ แต่เราจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้

กลุ่มประธานฯ ที่มีบทบาทพอควรในเล่ม1 แต่ดันไม่มีแม้แต่รูปประกอบ
ตัวละครรองๆลงมา (แน่นอนว่าหญิงล้วนตามสไตล์นิยายเกรดประมาณนี้) ก็จะเป็นตัวละครที่มีสเตตัสบางอย่างสูง แต่อย่างอื่นแทบไม่มี ถ้าให้พูดจาภาษา RO ก็คือ มีไนท์หญิง 1 หน่อ ที่อัพ STR มาจนทะลุ 99 ไปไกลลิบ แต่อย่างอื่นกลับคาไว้ที่ 1

กับวิหญิงอีก 1 หน่อ ที่นอกจาก INT ล้นทะลักจนโคตรโกง แต่อย่างอื่นกลับไม่สนใจเลย กระทั่ง DEX ก็ยังไม่มี

ประมาณนั้นแหละ

ทางด้านการเดินเรื่องก็ยังคงเป็นแบบมาตรฐานครับ คือช่วงต้นจะเป็นฉากโชว์เทพของพระเอก ถัดมาก็เป็นเลิฟคอม กับการที่พระเอกได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับสาวๆ มีฉากเซอร์วิสให้บ้างอะไรบ้าง (แต่เรื่องนี้มันแทบจะเซอร์วิสตลอดเวลาอยู่แล้ว ฉากเซอร์วิสเลยดูกากไปเลย 555+) ปิดท้ายด้วยการต่อสู้ที่จริงๆครั้งแรก ก็เป็นอันจบเล่มแรกไป

ซึ่งเรื่องนี้ บังเอิญว่าเป็นแนวทำเควส ไม่ได้บู้แบบผู้กล้าปราบจอมมาร ช่วงโชว์เทพก็เลยเป็นการเคลียร์เควสธรรมดาๆที่คนอื่นทำกันไม่ได้สักเล็กน้อย ส่วนการต่อสู้ช่วงท้ายเล่ม ก็เปลี่ยนเป็นการเคลียร์เควสที่ยากๆแทน แค่นั้นแหละครับ

สรุปว่าเป็นแนวต่างโลกระดับกลางๆ ที่ถ้ามีจุดให้ติแบบเห็นได้ชัดก็คือ การออกแบบเครื่องแต่งกายของตัวละครเนี่ยแหละ ทำไมต้องเป็นบิกินี่อาร์เมอร์ ถึงจะแถๆไปว่า ใช้โลหะเวทมนต์ชนิดพิเศษ ทำให้แม้จะใส่เกราะที่น้อยชิ้นระดับชุดชั้นใน ก็มีพลังป้องกันสูงเพียงพอก็เถอะ แต่มันดูออกนะเฟ้ย ว่าพวกเอ็งจงใจใช้นมใช้ตูดมาหลอกกลุ่มลูกค้าที่ยังเป็นเด็กเห่อ...เอ่อ โทษๆ คำไม่สุภาพ แต่ก็นั่นแหละ ทำให้รู้สึกขัดใจตรงนี้เป็นหลักเลย จริงๆตัวละครหญิงในชุดฟูลเพลทอาร์เมอร์มันเซ็กซี่กว่าชัดๆ ไอ้พวกไม่เข้าใจเสน่ห์ของนักรบหญิงเอ้ยยยย (ขอเหวี่ยงแบบเด็กเกรียนเล็กน้อย 555+)
ความน่าสนใจ : 3/5

19/10/59

Zettai Naru Isolator / ไอโซเลเตอร์ ศึกพลังเหนือโลก

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : เดือนสิงหาคม ปี 2019

มีสิ่งมีชีวิตอินทรีย์จากนอกโลกจำนวนมากที่มนุษญชาติได้ติดต่อด้วยเป็นครั้งแรก ตกลงมายังเมืองหลายๆแห่งบนโลก หลังจากนั้นวัตถุทรงกลมที่ถูกเรียกว่า "เธิร์ดอาย" ก็ได้มอบ "พลัง" ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ให้กับเหล่าคนที่ได้สัมผัสมัน

บางคนได้ "ความเร็ว" ที่เหนือกว่าเสียง
บางคนได้ "ดาบ" ที่ตัดได้แม้แต่เหล็กกล้า
และบางคนก็ได้ "ฟัน" ที่กัดทุกอย่างขาด

เด็กหนุ่มวัย 17 ปี อุตสึงิ มิโนรุ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียว และพลังที่เขาได้มาก็คือ "ความโดดเดี่ยว"

แต่ "พลัง" ซึ่งทำให้ความโดดเดี่ยวอย่างสมบูรณ์เป็นจริงนั้น กลับพามิโนรุเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่เขาไม่ต้องการเลยสักนิด

เขาใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาวบุญธรรมที่แม้จะธรรมดา แต่ก็สงบสุข ในตอนที่เวลานั้นถูกทำลาย มิโนรุก็ได้ตื่นขึ้นในฐานะ "ไอโซเลเตอร์" สมบูรณ์แบบ
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้คนเขียนคนเดียวกับ SAO และ AW นั่นแหละครับ ดังนั้นความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราว การดำเนินเรื่อง และการกระทำของตัวละครหลักเลยอยู่ในระดับดีอยู่แล้วอย่างที่รู้ๆกัน เพียงแต่พล็อตของเรื่องในครั้งนี้ กลับไม่ได้น่าสนใจเหมือนอย่าง 2 เรื่องแรกของเขา

พล็อตของเรื่องนี้คือ เอเลี่ยนจากอวกาศ ลงมายังโลก แล้วมอบพลังให้กับสิ่งๆหนึ่ง เพื่อต่อสู้กันแทนตน ฝั่งหนึ่งคือออโตบอท...ไม่ใช่สิ ฝั่งนึงคือลูกแก้วสีดำ อีกฝั่งคือลูกแก้วสีแดง โดยฝั่งสีแดงเป็นฝ่ายร้ายน่ะนะ ในเนื้อเรื่องจะบรรยายว่า มนุษย์ที่ได้รับพลังจากลูกแก้วสีแดง จะถูกมันครอบงำจิตใจด้วย ทำให้ออกล่ามนุษย์อื่น

(ย่อหน้านี้สปอย) แน่นอนว่า นักอ่านเลเวลสูงๆ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเกิดความรู้สึกว่า แล้วฝั่งสีดำล่ะ มันไม่ได้ครอบงำจิตใจเหมือนกันเหรอ ซึ่งถ้าเป็น LN ระดับล่าง คนเขียนคงไม่ได้พูดถึงหรอก แต่บังเอิญเรื่องนี้มันไม่ใช่ระดับนั้นละนะ คนเขียนจะมีฉากที่กล่าวถึงความลังเลของพระเอกอยู่เหมือนกัน ว่าตกลง การกระทำของตัวเอง เป็นการกระทำที่มาจากความตั้งใจของตัวเองรึเปล่า รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆมากมาย ที่จะไม่ขอลงรายละเอียดมาก


ทางด้านตัวละครต่างๆ ผู้เขียนจะใช้วิธีให้ตัวละครดำเนินชีวิตประจำวันไป แล้วมีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามา ให้ตัวละครได้เลือกตัดสินใจ ซึ่งการตัดสินใจต่างๆนั้น จะทำให้ผู้อ่านรับรู้ได้เองว่าตัวละครตัวนั้นๆมีลักษณะนิสัยอย่างไร แทนที่จะบรรยายนิสัยตัวละครออกมาในบทบรรยายสั้นๆย่อหน้าเดียวจบ แล้วผ่านไป ทำให้ตัวเล่มค่อนข้างหนา (ช่วงเกริ่นต่างๆ ปาไป 1/3 ของเล่มแล้วอะ) แต่มันก็จะมีข้อดีคือ ตัวผู้อ่าน จะอินกับตัวละครได้ดีกว่า ยิ่งถ้าชีวิตประจำวันของตัวละครตัวนั้นๆ ค่อนข้างธรรมดาสามัญด้วยก็จะยิ่งง่ายขึ้นไปอีกน่ะนะ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่บรรยายคาแรคเตอร์ของตัวละครนะครับ ให้อ่านแล้วพิจารณากันเองดีกว่า ว่าตกลงแล้ว เป็นยังไง

แต่ก็อย่างที่เห็น ว่ายังไงเรื่องราวมันก็หนีไม่พ้นการต่อสู้ของผู้มีพลังพิเศษ ที่สำหรับยุคนี้ สมัยนี้ พล็อตแนวนี้มันไม่ได้ถือว่าแปลกใหม่อะไรเลย และที่สำคัญ เรื่องนี้ยังไม่มีจุดไหนที่สร้างอิมแพ็คได้ แล้วทำให้รู้สึกแตกต่างไปจากนิยายเรื่องอื่น สุดท้ายแล้วคงบอกได้แค่ว่า แม้สกิลของคนเขียนจะสูง แต่ถ้าพล็อตเรื่องมันไม่ได้อลังการสักเท่าไหร่ การดำเนินเรื่ิองไปสู่ไคล์แม็กซ์ยังไม่มีพลังมากพอ มันก็คงยกระดับนิยายให้ไปสู่ขั้นที่ต้องบอกว่า "ไม่ควรพลาด" ได้ยาก

ยิ่งกับคนเขียนคนนี้ ที่มีความสามารถในการยืดเรื่องได้น่ากลัวมาก จนพาให้สงสัยว่าตกลงนายวางสตอรี่บอร์ดไว้แล้วจริงๆใช่มั้ย(ฮา) แถมนิยายทั้งหมดของเขายังไม่มีเรื่องไหนเขียนไปจนจบด้วย มันก็ยิ่งไม่กล้าแนะนำเข้าไปใหญ่
ความน่าสนใจ : 3/5

17/10/59

Valkyrie Works / ภารกิจใหม่ของยัยวัลคิโหลย

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Action Comedy
จำนวนเล่ม : 4 เล่มจบ
เรื่องย่อ : "ถ้าอย่างนั้นก็.....มาจูบกันมั้ยครับ"

"เดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ!?"
เฟลซุสเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

"คุณเฟลโกะเอาชนะไอ้เจ้าตัวใหญ่ๆนั่นด้วยตัวเองได้เหรอครับ"
"เรื่องนั้นเอ่อ...ชนะได้อยู่แล้วค่ะ"
"จริงเหรอ"
"อาจจะ"
"จริงเหรอ"
"..."

ที่ที่ริคิหลงทางอยู่ข้างในคือโลกที่สูญเสียสีสัน ที่นั่นมีสาวน้อยผู้ห่อหุ้มร่างกายด้วยสีสันอยู่คนหนึ่ง ชื่อของเธอคือเฟลซุส "วัลคีรี่" สาวน้อยแห่งสงคราม

การพบกับเธอทำให้คืนวันอันสงบสุขของริคิพังทลายลง และได้สัมผัสกับความเป็นจริงของโลกใบนี้ที่ไม่มีใครล่วงรู้

และ

การรวมร่างกันครั้งแรก....

เรื่องราวแอคชั่น x คอเมดี้ของเด็กหนุ่มกับวัลคิรี่เสียของเปิดฉากขึ้นแล้ว!!!
ความเห็นส่วนตัว : จริงๆเรื่องนี้ ชื่อเรื่องมัน ตรงคำว่า Valkyrie เขียนด้วยตัว V นี่หว่า ทำไมดูปกของไทย ดันใช้ตัว W เอาเถอะ ช่างมัน

เรื่องนี้เป็นผลงานของคนเขียนเนียลโกะครับ นางเอกคราวนี้ก็เลยชื่อเฟลโกะ แถมยังเป็นแนวเทพนิยายเหมือนกันด้วย แต่เปลี่ยนจากตำนานคุธูลู มาเป็นตำนานเทพที่แสนจะโด่งดังอย่างนอร์สบ้าง................อะไรนะ ไม่รู้จักเรอะ ธอร์ไง โลกิไง โอเคนะ รู้จักแล้วใช่มั้ย

ว่าแต่ คนเขียนคนนี้ จริงๆเขียนเรื่องอื่นนอกจากเนียลโกะกับเฟลโกะด้วยนะ เพียงแต่คิดว่า ถ้ายกตัวอย่างเนียลโกะน่าจะง่ายที่สุด เพราะมันก็ลอกกันมา เอ่อ...ไม่ใช่สิ คนเขียนคนเดียวกัน จะบอกว่าลอกตัวเองก็ไม่น่าใช่ ต้องใช้คำว่าอะไรหว่า...นึกไม่ออก ช่างเถอะ 555+

สรุปว่าเรื่องนี้ก็แนวนั้นละครับ พระเอกมีความสามารถในการปรับตัวสูง ตามมาตรฐานของเรื่องแนวนี้ แล้วก็เลยเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ของวัลคิรี่สาวสวย กับเหล่าปีศาจ แต่บังเอิญวัลคิรี่นางนี้ เป็นวัลคิรี่ไม่ได้เรื่อง ที่สเตตัสทุกอย่างต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แม้แต่ความสามารถในการดำรงชีวิตก็ไม่มี ในขณะที่เหล่าปีศาจในเรื่องนั้น เดิมทีเป็นพลังของเหล่าเทพเจ้าที่ถูกผนึกเอาไว้ในหินรูน แต่หินรูนนั้นดันตกลงมายังโลกมนุษย์ กลายเป็นปีศาจออกอาละวาด (จริงๆต้องบอกว่าตกลงมายังญี่ปุ่นนะ 555+ มันมารวมกันอยู่ที่ประเทศนั้นประเทศเดียว) วัลคิรี่อย่างนางเอกก็เลยต้องมาเก็บคืนไป

ส่วนนางเอก นอกจากที่พูดไปแล้วนั้น เธอยังใสซื่อเกินคาด จนสงสัยว่ามีสามัญสำนึกรึเปล่าเลยทีเดียว เพราะเธอยอมอาบน้ำกับผู้ชายที่เจอหน้าไม่กี่ครั้ง ยอมนอนห้องเดียวกัน แถมถึงจะทำท่าเขินอายแต่ก็ยอมให้จูบด้วย นี่ตกลงใสซื่อไร้เดียงสาเวอร์ๆ หรือว่าร่านแอ๊บใสหว่า อืมมม น่าจะอย่างแรกละมั้ง ถ้าเป็นอย่างหลังมันก็แอ๊บเนียนเกินไปหน่อย

การดำเนินเรื่องนั้นก็ค่อนข้างธรรมดา เป็นเรื่องที่พล็อตธรรมดา และเดินเรื่องแบบธรรมดาจนน่าตกใจ ก็แค่ส่งมุก ตบมุกตามสไตล์เลิฟคอมไปเรื่อยๆ จะว่าภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับเรื่องราวทำนองนี้ของผมสูงมาก จนไม่รู้สึกอะไรก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันเต็มไปด้วยความธรรมดาจริงๆนะ เปิดเรื่องแบบจู่ๆพระเอกก็หลงเข้าไปในพื้นที่ปิด แล้วก็เจอปีศาจตัวใหญ่อาละวาดอยู่ข้างใน ต่อจากนั้นนางเอกที่ไม่ใช่สาวผมแดงถือคาตานะที่มีไฟลุก และก็ไม่ใช่พระเจ้า H ก็โผล่มา บลาๆๆ หลังจากนั้น แม้จะเกิดเรื่องอะไรที่น่าจะขัดกับสามัญสำนึก ก็จะหาอะไรมาแถๆไป จนเรื่องราวเข้าทางพระเอกตลอดตามมาตรฐานของนิยายสมัยนี้

จุดเซอร์ไพร์สก็ไม่มี ไคล์แม็กซ์แม่งก็ดันสปอยไว้ที่ปกหลังเรียบร้อยแล้วอีกต่างหาก เลยไม่รู้จะให้ตื่นตาตื่นใจกับอะไร เป็นเรื่องที่ไม่มีทั้งความประทับใจ ทั้งความผิดหวังเลย ถ้าจับผลัดจับผลูได้ทำเป็นอนิเมะ ก็คงจะเป็นอนิเมะขายตัวละครทั่วไป ที่ถ้าไม่ยัดฉากเซอร์วิสเข้ามาเยอะๆก็คงจะขายไม่ได้ล่ะมั้ง ธรรมดาประมาณนั้นเลยล่ะ ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่ถูกตัดจบ
ความน่าสนใจ : 2/5

Machigai Eiyuu no Isekai Shoukan / ปีศาจผู้กล้า พลิกชะตาคว้าใจเธอ

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : Unknown
เรื่องย่อ : ฮานางาตะ ทาคุมะ นั้นแข็งแกร่งที่สุด และก็เพราะว่าแข็งแกร่งจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว สิ่งที่ค้ำจุนจิตใจของเขาไว้คือ ซากุระจัง เด็กสาวที่เขารักเพียงข้างเดียว นับรวมแล้วเขาคิดจะสารภาพรักับเธอถึง 124 ครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง


แล้วเขาก็ได้รู้ ด้วยกฎของโลกนี้กำหนดให้ทาคุมะกับซากุระจัง "ไม่อาจผูกพันกันได้อย่างเด็ดขาด"..."ถ้าอย่างนั้นก็ต่อยเทพเจ้าให้กระเด็นแล้วเปลี่ยนโลกใบนี้ซะก็พอไม่ใช่เหรอ?"



เมื่อประเมินความแข็งแกร่งของเขาแล้ว นักรบหญิงพิลิก้าจึงประกาศว่าจะเรียกตัวเขามายังวัลฮัลล่าในฐานะ "ผู้กล้า" ทาคุมะจึงออกเดินทางไปพร้อมกับเธอ


จะใช้พลังแห่งรักเอาชนะโชคชะตาและเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ได้ ทั้งหมดก็เพื่อซากุระจังที่รัก!!!
ความเห็นส่วนตัว : ถ้าให้พูดสั้นๆ เรื่องราวจะคล้ายๆแก๊งเด็กเกรียนต่างโลก3หน่อนั่นแหละครับ แต่จะเป็นเวอร์ชั่นดาวน์เกรด

พระเอกมีพลังสไตล์อิซาย้วย คือออลสเตตัสสูงปรี้ดแบบเป็นปริศนา แต่ย้วย Int เหนือกว่าลิบลับ หรือไอ้หมอนี่มันน้อยเองหว่า ทางด้านนิสัยก็คล้ายๆกัน คือมีเป้าหมายของตัวเอง และพยายามทำเต็มที่เพื่อเป้าหมายนั้น แตกต่างกันนิดหน่อยก็ตรงผู้เขียนเรื่องนี้แจกบทสไตล์เลิฟคอมให้มากกว่า แล้วเลิฟคอมสมัยนี้มันก็รู้ๆกันอยู่อะนะ ส่งผลให้ย้วยดูดีกว่าซะอย่างงั้น

ทางด้านนางเอกของเรื่องนั้นค่อนข้างแตกต่าง จะให้ใช้คาแรคเตอร์แบบคุณหนู หรือโยโย่ก็ไม่ได้ ส่วนนึงคงเพราะคนเขียนมันเน้นเลิฟคอมดึงดูดลูกค้าเด็กๆ วัยกำลังอยากรู้อยากเห็นด้วยมั้ง ก็เลยมีฉากแจกเซอร์วิสโดยไร้สาระค่อนข้างเยอะ น่าสงสารเธอเหมือนกัน

ส่วนตัวฮา คราวนี้จะไม่ใช่กระต่ายดำจากดวงจันทร์ แต่เป็นแม่นกพิราบปัญญานิ่มแทน 555+ บทเหมือนกันเป๊ะ คือเป็นคนชักชวนเหล่าตัวเอกให้มาที่สวนกล่อง เอ๊ย วัลฮาลา แล้วเข้าต่อสู้เพื่อทวงชื่อกับตราธง...เอ่อ ไม่ใช่สิ แต่โดยรวมก็เพื่อยกระดับฐานะของกิลกลับมา โดยคนที่ถูกชักชวนโดยนางฟ้า(มั้ง แต่ดูเหมือนนกพิราบมากกว่านะ โดยเฉพาะระดับของสติปัญญา) คนเดียวกัน จะต้องอยู่ทีมเดียวกัน แน่นอน เหตุผลที่บอกว่าปัญญานิ่ม ก็เพราะเธอเป็นแบบนั้นจริงๆครับ คาแรคเตอร์ที่ดูน่าเป็นห่วงว่าน็อตในหัวหายไปรึเปล่า ในโลก2Dจะค่อนข้างได้รับความนิยม และเธอก็เป็นแบบนั้นแหละ อธิบายแบบนี้น่าจะเห็นภาพเนอะ ทำให้หน้าที่เรียกเสียงฮา(?)ของเธอ จะมาจากตัวเธอเองโดยตรง ไม่ได้มีคาแรคเตอร์น่าแกล้งแบบกระต่ายดำแต่อย่างใด

รวมๆแล้วคาแรคเตอร์ตัวหลักๆก็จะค่อนข้างดูดาวน์เกรดลงมาพอสมควรอย่างที่เห็น โครงเรื่อง เท่าที่พูดไปบ้างแล้วก็คงพอนึกออกเนอะ ลดสเกลลงมาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

ส่วนความสัมพันธ์กับชื่อเรื่องก็คือ ในเรื่องนี้ ผู้ที่ถูกเชิญเข้ามายังสวนกล่อง...เอ่อ วัลฮาลานั่นแหละ (มันพิมพ์ยากอะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้จะเรียกว่าสวนกล่องละกันนะ มันเหมือนกันเป๊ะเลย) จะต้องเป็นผู้กล้าเท่านั้น แต่ถึงอย่างงั้น พวกผู้กล้าจอมปลอมอย่างพวกตัวเอกก็มีหลุดเข้ามาได้บ้างเหมือนกัน ก็เลยเป็นธีมที่ผู้เขียนจะใช้ในเล่มแรก

ส่วนพวกรายละเอียดปลีกย่อยก็แทบจะโคลนกันมา อย่างกิ้ฟการ์ด ซึ่งเรื่องนี้รู้สึกจะใช้ชื่อว่าเจเนซิสการ์ดละมั้ง ที่เปลี่ยนแค่ชื่อนะ ความสามารถก็แนวเดียวกัน หรือการต่อสู้ที่มาในทำนองเกมการแข่งขัน แต่ไม่มีแจกกิอัสโรลอะไรขนาดนั้น

นอกจากนั้น รายละเอียดปลีกย่อยที่เห็นแล้วขัดใจที่สุดคือการแถของคนเขียนละมั้ง เหมือนยังทำการบ้านมาไม่พอ นึกเหตุผลอะไรไม่ออกก็ดริฟเอาสดๆเลย เช่น อาหารญี่ปุ่น อาหารพื้นบ้านด้วยนะ เขาให้เหตุผลว่าเป็นอาหารจากประเทศเกาะเล็กๆของโลกของพระเอก ไม่มีทางที่จะมีคนรู้จัก สรุปก็คือบรรยายอย่างดิบดีว่า ญี่ปุ่นไม่เป็นที่รู้จักในโลกนี้ แต่พอเป็นออนเซ็น ทะลึ่งบอกว่าเพราะเป็นโลกที่รวบรวมวัฒนธรรมทั้งหมดเอาไว้ซะงั้น แถมตัวเรียวกังดันตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเลยอีกต่างหาก คนเขียนแม่งดริฟชิบเป้งเลยเนอะ

การเดินเรื่องนำไปสู่ไคล์แม็กซ์ของเล่มก็ดีไม่พอ คือตอนต้นเรื่องดันไปเปิดตัว ตัวละครประเภทเทพที่สุดในสวนกล่อง เหนือข้าไม่มีใคร ทำนองนั้น มาจำนวนหนึ่ง เรียกว่าแกรนด์ ซาริโอ้ แต่เล่มแรกเล่มเดียว ไอ้แกรนด์ๆอะไรนั่น โดนพระเอกสอยไปแล้วมากกว่า 1 ซะงั้น แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นตัวที่เก่งที่สุดด้วย...เอ่อ คุณมึงจะรีบเดินเรื่องไปไหนครับ คนอ่านยังไม่ทันจะอินกับเรื่องราวเลย จริงๆยืดเนื้อเรื่องเอาไอ้แกรนด์ๆคนแรกที่แพ้ ไปไว้ท้ายเล่ม1 ยังได้เลยนา เพราะฉากโชว์เทพของพระเอก มันก็โชว์ไปแล้วก่อนหน้านั้นด้วย ไม่จำเป็นต้องเอาไอ้พวกนี้มาแพ้ซ้ำอีกครั้งให้พระเอกโชว์เทพใหม่เลย พอตัวละครที่โม้ว่าเทพมากๆ แพ้ง่ายๆติดต่อกัน ความสนุกมันลดลงนะเฟ้ย หนักกว่านั้นคือไอ้ตัวที่คนเขียนโม้ไว้ว่าเก่งที่สุดในโลก ดันให้แพ้พระเอกใน 5 นาทีอีก

ก็...นั่นแหละครับ รวมๆแล้วเป็นแก๊งเด็กเกรียนเวอร์ชั่นดาวน์เกรดอย่างที่บอกไปแล้ว โคลนมาซะเยอะเลย แถมยังไม่มีจุดไหนทาบติดอีกต่างหาก แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบเรื่องแนวนี้อยู่แล้ว อาจจะถูกใจนะ เหมือนมีเรื่องแนวที่ชอบงอกมาอีกหนึ่ง อะไรประมาณนั้น(มั้ง)
ความน่าสนใจ : 2/5

19/9/59

Angel Festa! / แองเจิล เฟสต้า นางฟ้าไอดอล

สำนักพิมพ์ : Dexpress
แนวเรื่อง : Comedy, School Life
จำนวนเล่ม : 3 เล่มจบ
เรื่องย่อ : นี่คือเรื่องราวของเหล่าเด็กสาว กับเส้นทางสู่ “แองเจิลปาร์ตี้” เวทีประชันไอดอลแสนเร่าร้อน!

“ซากุระงิ ริคุ” อดีตทหารรับจ้างหนุ่มผู้ไม่เคยได้ข้องเกี่ยวกับชีวิตในประเทศสงบสุข ทักษะติดตัวมีเพียงวางแผนออกรบและการฝึกฝนร่างกายสุดโหดที่ห่างไกลจากความเป็นไอดอล เขาจับพลัดจับผลูกลายเป็นโค้ชประจำ "ภาควิชาฝึกหัดไอดอล" ของโรงเรียนสตรีเซย์กะได!? แถมยังต้องรับมือกับ "มินาเสะ มินาโมะ" เด็กสาวผู้มีพรสวรรค์แต่กลับไม่ยอมเปิดใจกับแองเจิ้ลปาร์ตี้

เหตุผลที่แท้จริงของมินาโมะคืออะไร... แล้วเรื่องราวของ "เขา" และ "พวกเธอ" จะลงเอยเช่นไร ความพยายามครั้งใหม่ของเหล่าไอดอลเบิกม่านขึ้นแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : ถ้าหาก IM@S (Idol Master) รวมกับ LL (Love Live) จะเป็นยังไงน้า ช่วงที่ LL ออกซิงเกิ้ลที่2 ผมเคยคิดแบบนั้นจริงๆนะ แม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่มีคนสนใจ LL สักเท่าไหร่ก็เถอะ

ใช่แล้วครับ นิยายเรื่องนี้ก็คือการรวมกันของ 2 เรื่องที่ว่าข้างบนน่ะแหละ โดยโครงเรื่องก็มีอยู่ว่า ในช่วงเวลาหลังจากสคูลไอดอลเป็นที่นิยมแล้ว โรงเรียนแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ใกล้กับทะเล ก็(เคย)มีสคูลไอดอลอยู่ล่ะ แต่พักหลังมานี้ ไม่รู้เพราะปัญหาการเกิด หรือเพราะปัญหาด้านอื่น(ในเรื่องน่าจะบอกนะ แต่ผมลืมไปแล้ว 555+) ทำให้แผนกสคูลไอดอลของโรงเรียนไม่มีคนนิยม จนใกล้จะเจ๊ง สาวๆที่เหลืออยู่นี้คือฟางเส้นสุดท้าย พวกเธอต้องเข้าร่วมการแข่งขันเลิฟไลฟ์ แล้วคว้ารางวัลมาให้ได้...แม้ว่าในเรื่องจะไม่ได้ใช้คำว่าเลิฟไลฟ์ก็เถอะนะ

ในเมื่อวางเป้าหมายไว้สูงขนาดนี้ การจะปล่อยให้นักเรียนต้องงมกันเอง ฝึกกันเองแบบแก๊ง LL ก็กระไรอยู่ โรงเรียนก็เลยจ้างโปรดิวเซอร์ซังมาช่วยอีกแรงนึง แม้ว่าในเรื่องจะใช้คำว่าโค้ชก็เถอะนะ

พระเอกของเรา อายุ17(ถ้าจำไม่ผิด) โปรดิวเซอร์ซังประจำเรื่อง จะต้องจีบสาวๆสคูลไอดอล...เอ๊ย จะต้องพยายามฝึกฝนสาวๆสคูลไอดอล เพื่อให้ทันลงแข่งเลิฟไลฟ์ให้ได้

เรื่องราวก็ประมาณนี้แหละ ในเล่มแรก น่าจะไปจบแถวๆตอน3ของเลิฟไลฟ์ละมั้ง (ฮา) ก็คือรวบรวมสาวๆมาได้ 3 หน่อ แล้วก็ขึ้นแสดงครั้งแรกในหอประชุมของโรงเรียน 555+ ส่วนการเดินเรื่องจะใช้คอเมดี้ โต้ตอบกันของสาวๆและโปรดิวเซอร์ซัง เล่นมุกตบมุกกันไปบ้างอะไรบ้าง

ทางด้านคาแรคเตอร์นั้น พระเอกไม่มีอะไรให้พูดถึงเท่าไหร่ ในเรื่องย่อพูดไปแล้ว ส่วนสาวๆนั้น ในเล่มแรกจะเป็นสาว 3 ตัวหลักก่อน ตรงจุดนี้นับว่าคนเขียนทำดีทีเดียว ขีดจำกัดของคนส่วนใหญ่เวลาอ่านนิยายแล้วจดจำตัวละครได้จะอยู่ที่ 3-4 คนนี่แหละ การเปิดตัวตัวละครมากเกินกว่านี้ นอกจากจะทำให้แจกบทยาก คนอ่านจะจำยากไปด้วย นอกจากนั้น จำนวน 3 คนก็พอเหมาะสำหรับไอดอลกรุ๊ป กลุ่มเล็กๆพอดี

ยัยนางเอก เป็นเซ็นเตอร์และหัวหน้าวง ตามปกติแล้ว นางเอกของเรื่องสายไอดอลมักจะเป็นพวกไฮเปอร์นิดๆ ทำอะไรแบบไม่ค่อยคิดเท่าไหร่ ดับเครื่องชนเป็นหลัก แต่ก็มีเสน่ห์สูง ในแง่ของการดึงดูดผู้คนให้มารวมกัน เป็นศูนย์รวมจิตใจของเพื่อนๆในวงได้ อะไรประมาณนั้น ซึ่งเรืองนี้ก็มาแนวเดียวกัน เพียงแต่ว่า คนเขียนเพิ่มดราม่าของเธอเข้ามาด้วย คือปกติแล้วเรื่องอื่นยัยนางเอกจะเป็นคนอยากแจ้งเกิดสุดๆ เลยรวบรวมเพื่อนๆเข้าด้วยกันเป็นวง แต่เรื่องนี้ นางเอกจะเคยมีแผลใจกับไอดอลมาก่อน ทำให้แม้จะมีพรสวรรค์สำหรับการเป็นไอดอล แต่เธอกลับไม่ยอมขึ้นเวทีซะนี่ เดือดร้อนให้โปรดิวเซอร์ซังต้องมาช่วยรักษาแผลใจ(ฮา) แล้วเคี่ยวเข็นเธอให้มีใจขึ้นมาให้ได้

2สาวเพื่อนสนิทของนางเอก และเป็นเพื่อนในวงด้วย ก็จะมาตามคอนเซ็ปครับ เมื่อนางเอกเป็นพวกทำอะไรไม่ค่อยคิด เพื่อนๆของเธอก็เลยจะมีคนนึงที่เป็นคนคอยวีน ในขณะที่อีกคนจะคอยโอ๋ อันนี้ก็ไม่มีอะไรผิดอิมเมจสักเท่าไหร่ ดราม่าของทั้งคู่ค่อนข้างน้อย จนเรียกว่าไม่มีก็ได้ หลักๆของเล่มแรกจะไปอยู่ที่ดราม่าของนางเอกมากกว่า

ส่วนสาวๆคนอื่นจะยังไม่มีบทเท่าที่ควรครับ นอกจากยัยโลลิที่โผล่มาให้กำลังใจพระเอก กับยัยเอริ...ไม่ใช่สิ คุณประธานนักเรียนที่ ออกมาโวยวายวงไอดอลตามสูตร เหมือนปักธงแล้วยังไงชอบกล ว่าถ้าประธานนักเรียนมาวีนใส่วงสคูลไอดอลแล้วล่ะก็ เวลาผ่านไป เธอจะกลายเป็นสมาชิกวง 555+

รวมๆแล้ว ถ้าทำเป็นดราม่าซีดี หรืออนิเมะล่ะก็ น่าจะโอเคเลยล่ะครับ ยิ่งช่วงนี้กระแสไอดอลมาแรง คงพอแย่งพื้นที่ตลาดได้ แต่พอเป็นนิยายแล้ว มันมีข้อเสียรุนแรงอยู่นี่สิ นั่นก็คือ นิยายมันไม่มีเสียง ไม่มีภาพ ให้คนอ่านรับรู้ถึงความโมเอะได้โดยง่าย ดังนั้นถ้าคนเขียนถ่ายทอดความโมเอะของสคูลไอดอลผ่านตัวหนังสือไม่ได้ ทุกอย่างก็จบครับ ยิ่งกับฉากร้องเพลง (นิยายแปลด้วยสิ) แค่เนื้อเพลง(ที่แปลเป็นไทยแล้ว) แปะมา มันสัมผัสถึงความเป็นไอดอลได้ยากอยู่นะ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เรื่องนี้ 3 เล่มจบรึเปล่าก็ไม่รู้สิ
ความน่าสนใจ : 4/5

18/9/59

Dowl Masters

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Action Sci-Fi
จำนวนเล่ม : 4 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : [ดอล] นั่นคือชื่อย่อของ [ไททานิคดอล] อาวุธขับเคลื่อนรูปทรงมนุษย์ที่ขยาย [กำลังนึกคิด] ของคนขับให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังต่อสู้ออกมา

ดอลมาสเตอร์มือใหม่อย่างซาโอโตเมะ อาโออิ ที่สังกัดหน่วยประจำเมืองเล็กๆบนโลก [ออตอน] พร้อมกับพี่สาวอาคาริต้องเข้าปะทะกับกองกำลังโยโกฮาม่าโพลิส

ช่วงวินาทีที่กำลังจะถูกการโจมตีของศัตรู พลังพิเศษในตัวของอาโออิก็ตื่นขึ้นทำให้เขากลายเป็น [เอ็กเซอร์]

ด้วยเหตุนี้อาโออิจึงถูกย้ายไปประจำหน่วยดอลที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง [โซเฟีย] แทน จึงต้งมุ่งหน้าขึ้นสู่อวกาศ

ที่นั่นเองโชคชะตาก็ได้นำพาเขาไปพบกับเรย์เนะ ดอลมาสเตอร์ผู้แข็งแกร่งที่สุดซึ่งเป็นผู้ขับขี่ [มิสตี้มูน]...

การต่อสู้ของเหล่าหนุ่มสาวโดยมี [โลก] เป็นเดิมพันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้คนเขียนเดียวกับจอมเวทซิสค่อนที่วางแผงที่ญี่ปุ่นมา 20 กว่าเล่มแล้วครับ

เปิดเล่มมา ด้านหน้าจะมีคำอธิบายศัพท์(ที่คนเขียนบัญญัติขึ้นมาเอง)เยอะแยะมากมาย คล้ายๆกับเขาย้ายบทบรรยายจากในเล่มมาไว้ตรงคำอธิบายข้างหน้าแทน แน่นอนว่าผมไม่อ่านครับ เอาไว้ทีหลัง ลองอ่านเรื่องราวดูก่อนเลย ว่าคนเขียนจะสามารถเขียนให้คนอ่านเข้าใจได้รึเปล่า โดยที่ไม่ต้องไปนั่งเปิดหาคำนิยายศัพท์ทั้งหลายที่เขาแต่งขึ้นมา เพราะเราซื้อนิยายมาอ่านอะนะ ไม่ได้อยากอ่านหนังสือเรียน ถ้าต้องอ่านไปเปิดคำอธิบายไป เปิดวิกิไป มันก็ไม่ใช่แล้ว

และนั่น ก็ทำให้รู้สึกว่า จากผลงานชิ้นนี้ ความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราวของนาย ดีขึ้นใช่มั้ยเนี่ย 555+ เหมือนเรื่องนี้อ่านแล้วเข้าใจง่าย โดยไม่เยิ่นเย้อเท่าจอมเวทซิสค่อนแฮะ

ในส่วนของเรื่องราวนั้น เปิดเรื่องไม่ค่อยตลาดเท่าไหร่ครับ เวทีของเรื่องค่อนข้างกว้างใหญ่ แต่สาระของเล่มแรกก็ตามในเรื่องย่อข้างบนน่ะแหละ เป็นเรื่องแนวๆกันดั้ม สงครามอวกาศ อะไรประมาณนี้ ซึ่งถ้าให้เล่า สปอยต่อจากเรื่องย่อ มันก็ค่อนข้างตามสูตรมาตรฐานอยู่นะ คือเล่มแรกเป็นเล่มแนะนำตัวละคร ให้คนจำได้ แล้วก็มีศัตรูโผล่มาให้พระเอกได้โชว์เทพช่วงท้ายเล่มเล็กน้อย เป็นอันจบ

และถ้าให้พูด คาแรคเตอร์พระเอกทำให้ผมไม่ค่อยชอบเรื่องนี้เลยล่ะ พระเอกเป็นซิสค่อนติดพี่สาว วันๆไม่ค่อยทำอะไรเท่าไหร่(เหมือนคนเขียนแจกบทไม่ดี ไม่ค่อยบรรยายในส่วนนี้ เดาเลยว่า หลังจากมาเข้าโรงเรียนสอนขับหุ่นแล้ว มันต้องตั้งฮาเร็มแหงๆ เพราะชีวิตแลดูว่าง) แล้ววันดีคืนดี จู่ๆพลังพิเศษในตัวก็ลืมตาตื่นระหว่างการขับหุ่นสู้ ทำให้หุ่นกากๆรุ่นผลิตจำนวนมาก สามารถพลิกเกมกลับมาจากการต่อสู้กับหุ่นที่เป็นเครื่องเฉพาะตัวได้

หลังจากนั้นก็เหมือนบุญหล่นทับ นอกจากจะมีพรสวรรค์ที่ฟ้าบันดาลแล้ว พระเอกก็ได้เข้ากองทัพ ถูกส่งไป(หาเมีย)ที่โรงเรียนสอนขับหุ่น ได้หุ่นที่เป็นเครื่องเฉพาะตัว ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีรุ่นล่าสุด ทำให้เทพขึ้นไปอีก

อืมมมม พระเอกสายนี้ไม่ค่อยชอบเลยแฮะ ชอบไอ้ฝั่งตัวร้ายมากกว่าอะ เพราะตัวร้ายเป็นคนธรรมดา พลังและความสามารถในการขับหุ่นอยู่ในระดับธรรมดา ชีวิตประจำวันของเขาส่วนมากจะเป็นการฝึกซ้อม ขัดเกลาฝีมือ ดูแล้วมันน่าเอาใจช่วยมากกว่าไอ้พระเอกอีกนะเนี่ย 555+

ตัวละครตัวอื่นๆก็อ่านแล้วรู้สึกเหมือนแจกบทไม่ดีเช่นกัน อย่างตัวละครหญิงรุ่นพี่ ที่ถูกวางไว้ว่าเป็นตัวที่นางเอกมักจะทำเย็นชาใส่ เนื่องจากมีนิสัย yuri ชอบลวนลาม แต่ทั้งๆที่กำหนดบุคลิคกันไว้แบบนั้น แต่ยัยรุ่นพี่ก็ไม่เห็นจะทำแบบนั้นเลยนะ กำหนดเองแล้วลืมเองรึเปล่าเนี่ย

นอกนั้นก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงเท่าไหร่ครับ เป็นฉากแอคชั่นของหุ่นยนต์ซะเยอะ ทั้งการสู้กันบนพื้น และการสู้กันกลางอวกาศ มีกองกำลังนู่นนี่นั่น ทั้งฝ่ายสภา ฝ่ายต่อต้าน มีหุ่นสีแดงแต่ความแรงจะ 3 เท่ารึเปล่าต้องดู มีท่านคิระ (ชื่อนี้จริงๆนะ) บลาๆๆ

รวมๆแล้วก็เป็นเรื่องที่สายเรียลโรบอตน่าจะอ่านได้อยู่ครับ ไม่ได้ถึงกับแย่อะไร ไม่แนะนำแค่เฉพาะกับคนที่ไม่ชอบแนวไซไฟเท่านั้นแหละ นิยายไซไฟกับอนิเมะไซไฟฟิลลิ่งมันต่างกันอยู่นะ ใครที่ชั่วโมงบินน้อยอยู่ก็ตัดสินใจดีๆละกันนิ
ความน่าสนใจ : 3/5

13/9/59

Nanase Kourei Gakuen no Akuma / โรงเรียนเจ็ดดาราพิชิตมาร

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 6 เล่มจบ
เรื่องย่อ : “หยุดไม่ได้! ช่วยด้วย พี่ชาย!”

“เซกกะ!”

ผม ฮานามุระเกตโตะและเซกกะน้องสาวฝาแฝดเรียนอยู่โรงเรียนอัญเชิญวิญญาณเจ็ดดาวเหนือเพื่อฝึกฝนการเป็น [ผู้เชิญวิญญาณ] เพื่อจัดการกับปีศาจร้าย และระหว่างการทดสอบการอัญเชิญวิญญาณเพื่อแบ่งห้องเรียนก็เกิดความอลหม่านขึ้น สิ่งที่ออกมาจากจัตุรัสกลก็คือ...

“ข้าไม่ใช่แมว! แต่เป็นปีศาจ!”

แมวดำตาสีทอง!?

พวกผมดันอัญเชิญปีศาจออกมาซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถเข้าเรียนในชั้นการต่อสู้หรือชั้นกำลังสนับสนุนตามที่ต้องการ แถมยังต้องไปอยู่ในห้อง X ห้องเรียน [แบบอื่น]!?

นิยายแนวเลิฟแอคชั่นของพี่น้องสวีทหวานเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : เห็นจั๋วหัวมาแนวนางเอกเป็นน้องสาวแบบนี้ ทำเอาผมมีอคตินิดๆเลยนะเนี่ย ยิ่งกับ LN ส่วนใหญ่ในสมัยนี้ที่มันค่อนข้างตลาดด้วย ยิ่งทำให้ความอยากอ่านลดน้อยลงไปอีก

แต่พอลองอ่านดูกลับเกินความคาดหมายไปหลายอย่างเลยครับ คาแรคเตอร์ตัวละคร ผิดจากที่คาดไว้พอสมควร ไม่ใช่แนวฮาเร็มดาดๆแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปอย่างที่คิดไว้ด้วย คู่พระนางก็ไม่ใช่ซิสค่อน บราค่อนที่จ้องจะซั่มกันอย่างเดียวโดยไม่สนใจชาวบ้านชาวช่อง พระเอกเป็นไอ้หนุ่มธรรมดาๆ ฝีมืออ่อนหัด แต่มีความพยายามในการพัฒนาตัวเอง และมีความเป็นผู้นำสูง ส่วนนางเอกก็มีสกิลในการยิงปืนสูง ติดพี่ในระดับที่ยอมรับได้ ไม่ถือว่าผิดปกติ ถ้ามองว่าเป็นพี่น้องที่มีอยู่แค่ 2 คน พ่อแม่ตายหมดน่ะนะ

ตัวละครตัวรองอื่นๆก็ไม่ใช่ตัวละครหญิงสายร่านแบบแนวตลาดๆทั่วไป ผิดคาดพอสมควรเลย เพราะเป็นเพื่อนร่วมชั้น หญิง1 ชาย1 ตัวหญิงค่อนข้างจะเป็นเด็กเงียบๆ มาสไตล์เด็กหัวดี ทฤษฎีแม่น แต่เรี่ยวแรงไม่มี เลยออกงานภาคสนามไม่ค่อยไหว ส่วนตัวชายก็กลับกัน เป็นไอ้หนุ่มนักกล้ามที่เรี่ยวแรงเหลือเฟือ


การแจกบทตัวละครต่างๆก็ทำได้ค่อนข้างโอเค การเดินเรื่องก็ไม่ถือว่าตลาดอะไรมากมาย มีจุดที่เดินเรื่องเกินคาดหลายจุดเลยด้วย ทำเอาต้องมองใหม่เลย ถ้ามัวอคติอยู่คงไม่ได้ล่ะ

โครงเรื่องก็เป็นโลกมนุษย์ที่ถูกปีศาจรุกราน พวกตัวเอกอยู่ในโรงเรียนที่ฝึกสอนให้เป็นนักปราบปีศาจเพื่อมาต่อสู้กับพวกปีศาจนั่นเอง แต่มันก็ดูตลาดถึงแค่ตรงนี้แหละ เพราะพระเอกมันไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ไม่มีความสามารถแบบที่ตัวเองมีอยู่แค่คนเดียว พลังในการปราบปีศาจก็ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผู้หญิง โรงเรียนเองก็ไม่ใช่โรงเรียนหญิงล้วน และไม่ต้องทำเรื่องลามกแบบไร้จิตสำนึกเพื่อพาวเวอร์อัพอะไรด้วย

กลับกัน พระเอก รวมถึงตัวเอกอื่นๆ คือพวกนอกคอกที่ไม่สามารถจัดทีมเข้ากับคนอื่นได้ เพราะไม่มีความสามารถในการต่อสู้ที่สูงส่งแบบพวกหน่วยรบ ไม่มีความสามารถในการซัพพอร์ต จัดการงานเบ็ดเตล็ดแบบพวกสายธุรการ ไม่มีความสามารถในการวิจัย ไม่มีความสามารถทางการแพทย์ เป็นพวกที่ไม่มีอะไรตรงกับการแบ่งห้องเรียนของโรงเรียนได้เลย เลยถูกโยนมาอยู่ในห้องแยกต่างหากสำหรับพวกนอกคอก

ชีวิตในแต่ละวันของพวกตัวเอกเลยเน้นหนักไปที่การฝึกซ้อม และการถูกพวกนักเรียนหัวกะทิดูถูก แต่แม้จะฝึกซ้อมมาแค่ไหน ช่องว่างระหว่างคนธรรมดากับพวกอัจฉริยะก็กว้างจนไม่อาจใช้ความพยายามเติมเต็มได้ เป็นธีมของความพยายาม แล้วก็ล้มเหลว ผิดหวัง แต่ก็ยังลุกขึ้นสู้ แม้จะมีท้อแท้บ้างแต่ก็ไม่ท้อถอย

จุดพิเศษของตัวเอกที่มีความธรรมดาอย่างเดียวคือ ในโลกที่ใช้การอัญเชิญเทพมาสู้กับปีศาจ ไอ้พระเอกมันดันอัญเชิญปีศาจนี่สิ 555+ หรือเพราะแบบนี้มันถึงถูกจัดว่านอกคอกก็ไม่รู้นะ และถึงจะบอกว่าอัญเชิญปีศาจ แต่พระเอกมันก็ไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น ปีศาจที่มันอัญเชิญมาเลยมีหน้าที่หลักๆอยู่ที่การเป็นเมด (ปีศาจสาวสวยอะนะ) คอยดูแลบ้าน ทำอาหารให้ เป็นหลัก ความสามารถในการให้ยืมพลัง เพื่อต่อสู้ยังเป็นปริศนา

แถม เพราะเป็นปีศาจเนี่ยแหละ ทำให้พระเอกและน้องสาวค่อนข้างต่อต้านยัยปีศาจสาวอยู่พอสมควร กลับกัน ยัยปีศาจเองก็เช่นกัน ทำให้ในเล่มแรก เลยเป็นการปูพื้นถึงการพยายามปรับตัวเข้าหากันของทั้ง2ฝ่ายเป็นหลัก ปมที่ผูกเอาไว้ยังมีไม่มาก แต่ก็ชวนให้ติดตาม (ซึ่งในส่วนนี้ ไปอ่านเองละกันนะ)

เรียกว่าเป็นเรื่องที่ดูเหมือนตลาด แต่ก็ไม่ตลาดล่ะ หนำซ้ำ สนพ.ของไทยเองก็ทำได้เหนือความคาดหมายซะด้วย ข้อผิดพลาดแบบที่ชวนให้ปาทิ้งนั้น ยังไม่เห็นนะ น่าตกใจจริงๆ และถ้าดูจากจำนวนเล่มทั้งหมดแล้ว ยังคาดเดาได้ยากว่าเนื้อเรื่องจบแค่นั้นแบบไม่อยากยืดเรื่องให้เสียอรรถรส หรือว่ามันถูกตัดจบกันแน่ 555+ ความน่าสนใจก็เลยเป็นอย่างที่เห็น
ความน่าสนใจ : 4/5

12/9/59

Masou Gakuen HxH / เกราะผสานใจ HxH

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : 9 เล่ม - ยังไม่จบ (เล่ม7 มีปก2แบบ)
เรื่องย่อ : ผลงานที่ได้รับรางวัล <<ชนะเลิศ>> ในงานประกวดสนีกเกอร์ครั้งที่ 18!!

ฮิดะ คิสึนะ ถูกพี่สาวเรียกให้ไปหาที่โรงเรียนยุทธศาสตร์การป้องกันอทาแร็กเซียและได้พบกับสาวน้อยที่สวมชุดเกราะเวทมนตร์ <<ฮาร์ต ไฮเบริด เกียร์>> นาม จิโดริกะฟุจิ ไอเนะ

แล้วจู่ๆ ไอเนะก็ถอดเสื้อผ้าออกพร้อมกับบอกว่า
"อย่ามองนะเจ้าคนลามก"
"เธอต่างหาก!!"

จากนั้นพี่สาวก็ติดต่อเข้ามาเพื่อมอบหมายหน้าที่อันสำคัญยิ่งให้ เนื้อหาของมันก็คือ———

การจับหน้าอกของไอเนะ!?

ความจริงก็คือคิสึนะมีพลังพิเศษที่เมื่อทำเรื่องลามกกับเด็กผู้หญิง แล้วจะส่งผลให้เธอ "แข็งแกร่งขึ้น" แถมยังต้องฝากอนาคตของโลกไว้กับพลังนี้ด้วย!!
ความเห็นส่วนตัว : เสียเวลาอ่านชิบเป๊งเลย พักหลังมานี้ ชักสงสัยแล้วสิ ว่าไอ้รางวัลสนีกเกอร์อะไรนี่มันเป็นรางวัลไก่กาที่แค่เขียนเรื่องที่มีสาวร่านเยอะๆ มีฉากหื่นเยอะๆ ก็ได้รางวัลแล้วรึเปล่า

แค่นี้แหละ จบ!!

ไม่ใช่สิ ขืนพูดแค่นี้ คนเลิกอ่านบล็อคกันพอดี 555+ เอาใหม่ล่ะกัน เสียงในใจที่หลุดไปตะกี้ไม่นับนะ เอาล่ะ คือเรื่อง Masou Gakuen HxH หรือ Hybrid x Heart Magis Academy Ataraxia เนี่ย มันเป็นแนวที่ควรจัดเรตไว้แถวๆ 17.9 ครับ พูดง่ายๆก็คือเป็นแนวที่อ่านแล้วรู้สึกเหมือนคนเขียนอยากข้ามไปอยู่ด้านมืด แต่ใจไม่กล้าพอ หรือไม่ก็เป็นไอ้หนุ่มเชอร์รี่บอย ที่ไร้ประสบการณ์ ก็เลยไม่รู้จะเขียนด้านมืดออกมายังไงให้สมจริง สุดท้ายแล้วพระเอกในเรื่องก็เลยค้างๆคาๆ เป็นไอ้หนุ่มนกเขาไม่ขัน ที่ได้ขยำนมสาวๆ ลูบไล้ ล้วงควัก บลาๆๆ แต่ก็หมดแค่นั้น ไม่มีความกล้าพอจะทำมากเกินไปกว่านั้น

เฮ้ย แกมีไข่รึเปล่าฟ่ะ สถานการณ์แบบนั้น ถ้าไม่ใช่พระอิฐพระปูน มันต้องมีหลุดๆบ้างแหละหน่า เอ๊ะ หรือมันเป็นเกย์ 555+

นอกเหนือจากความอ่อนด้อยไร้ประสบการณ์ของคนเขียน ที่ทำให้เรื่องราวมันคาอยู่ตรง 17.9 แล้ว คาแรคเตอร์ทั้งหลายก็ค่อนข้างตลาดครับ มาตามสูตรสำเร็จทุกประการ อย่างการที่พระเอกครอบครองพลังที่ปกติแล้วจะมีแต่ผู้หญิงที่ใช้งานได้ดี ก็เลยถูกโยนเข้ามาอยู่กลางวงสาวๆ ฝั่งสาวๆก็เป็นตัวละครหญิงสายร่านที่ไม่เคยเจอผู้ชายมาก่อน พอเห็นตัวผู้หลงฝูงก็เลยตาลุกวาว แห่กันเข้ามาแย่งดุ้นทองคำกันใหญ่ แต่น่าเสียดาย ไอ้ตัวผู้ที่ว่าแม่งดันเป็นเกย์ซะชิบ

ทางด้านโครงเรื่องก็แค่ โลกจู่ๆก็ถูกเหล่าสาวก(?)รุกราน หลายครั้ง ตั้งแต่เฟิร์สอิมแพ็ค(?) เซคันด์อิมแพ็ค(!!) จนมนุษย์โลกสูญเสียดินแดนเป็นจำนวนมาก ชาวญี่ปุ่นต้องหนีมาสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ นีโอโตเกียว...อืม แต่เมืองนี้เป็นเกาะเทียมลอยน้ำน่ะ โดยมีกองกำลังป้องกันการตามราวีของเหล่าสาวกที่ไม่ได้มีชื่อว่าเนิร์ฟหรอกนะ

ไอ้พระเอกที่จู่ๆก็ถูกพี่สาว ที่ไม่ได้ใส่แว่นตา แล้วก็ไม่ได้ชอบนั่งเท้าคางเรียกตัวมา แล้วจู่ๆก็บอกให้ขึ้นไปขับหุ่นที่มีรหัส 01....ไม่ใช่ล่ะ จู่ๆก็บอกให้ไปขยำนมสาวๆต่างหาก เพื่อเพิ่มพลัง(ด้วยการทำลามก) ฝ่ายสาวๆ ไม่เคยถูกใครจับมาก่อน พอโดนขยำเข้าไปก็ฮิสแตก กลายเป็นสาวฮิสทีเรียเต็มขั้นอย่างที่พูดไปแล้ว ข้ามไปละกันเนอะ

สาระก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นครับ เป็นเรื่องที่อ่านไปแค่ไม่กี่หน้า นอกจากจะเดาเนื้อเรื่องรวมๆได้แล้ว ยังเดาได้แม้แต่การดำเนินเรื่องกันเลยทีเดียวเชียว เทียบๆกันแล้ว ขนาดอดัมที่ว่าห่วยๆ ยังดูดีกว่าเรื่องนี้เลยล่ะ อย่างน้อยๆเรื่องนั้นคนเขียนมันก็กล้าคลาสเชนจ์เป็น Night Walker ไม่ใช่มาปอด เลยเขียนกั๊กๆอยู่ที่ 17.9

ทางด้านภาพประกอบเองก็วาดออกมาเหมือนไม่ได้คุยกับคนเขียน ตามเนื้อเรื่องนางเอกนมใหญ่กว่านางรอง และมีฉากนางเอกแซวนางรองตลอดว่าอกแบน แต่ภาพประกอบนี่ ไซส์นมสลับกันเลย ไหนจะเรื่องอื่นๆอีก

สรุปว่า ถ้าใครชอบแนวนี้ ไปถามอากู๋ด้วยคีย์เวิร์ดพื้นฐานที่รู้ๆกันอยู่แล้ว ยังจะเจอเรื่องที่ดีกว่านี้เพียบเลยมั้งครับ คนไทยบางคนแต่งดีด้วยนะ แถมไม่ต้องเสียเงินด้วยสิ
ความน่าสนใจ : 1/5

30/6/59

Maou ga Yachin wo Haratte Kurenai / ยัยจอมมารค้างค่าเช่า

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : 7 เล่มจบ
เรื่องย่อ : “จอมมารออกมานะ! วันนี้จะเก็บทั้งต้นทั้งดอกเลย!” ชั้นทุบประตูโครมๆ

จอมมารอาสะที่ 14 จอมมารที่น่าสะพรึงกลัว ผู้ยึดครองโลกได้ถึง 60% ในเวลาเพียงไม่กี่วัน แถมมีลูกน้องเป็นปีศาจกว่าแสนตน

แต่ที่พูดมานี่ก็เป็นแค่เรื่องในอดีตเท่านั้น

เพราะผู้กล้าได้จัดการโค่นจอมมารลงซะราบคาบไปแล้ว ยัยจอมมารตอนนี้ก็เลยหมกตัวอยู่แต่ในอพาร์ทเมนต์ถูก ๆ วัน ๆ นั่งเล่นแต่เนตจนกลายเป็น NEET ไปแล้ว แถมยังชอบโชว์กางเกงในอล่างฉ่างอีกต่างหาก ชั้นเป็นลูกชายเจ้าของอพาร์ทเมนท์นี่ ก็เลยใช้สิทธิ์นั้นส่องกงเกงในยัยจอมมารจนฟิน ...ซะเมื่อไรล่ะ !

เอาเหอะน่า รีบ ๆ จ่ายค่าเช่ามาได้แล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : แม้ตอนแรกจะไม่ได้สังเกตปีที่วางแผงของนิยายเล่มนี้ ว่าที่ญี่ปุ่นมันตั้งแต่ปี 2011 แต่อ่านไปสัก 10 หน้าก็สัมผัสได้ล่ะครับ คือมันเป็นนิยายเกาะกระแสความนิยมของสมัยนั้นชัดๆเลย ตัวละครหญิงที่เป็นนางเอกมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ไม่ฟังใคร คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาลประดุจพระเจ้าฮาxฮิ แถมยังพ่วงโปรไฟล์ไว้เก๋ๆว่าเป็นจอมมารด้วย แต่ก็นั่นแหละ ยังไม่เคยเห็นฉากที่สมเป็นจอมมารของเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว

พล็อตเรื่อง วางไว้ว่าเป็นคอเมดี้ ยิงมุกตบมุกกันตลอดทั้งเล่ม แน่นอนว่าตัวตบมุกคือพระเอกตามสูตร แต่มุกที่ใช้ในเล่ม นอกเหนือจากมุกมาตรฐานที่ใช้กันเกร่อแล้วก็จะค่อนข้างเฉพาะทาง ไม่ก็เก่าไปหน่อย บางทีล้ำลึกซะจนเชิงอรรถยังไม่สามารถอธิบายมุกได้เลยด้วยซ้ำ 555 ทำให้อ่านแล้วอาจจะงงได้ นอกนั้นก็ไม่มีสาระอะไรครับ

เรื่องมันคือ ยัยนางเอกผู้เป็นจอมมาร มาเช่าอพาร์ทเม้นต์โกโรโกโสของพระเอกอยู่ แล้วก็เบี้ยวค่าเช่า พอพระเอกมาทวง มันก็เล่นมุกแถไป (บ่นเรื่องมุกไปย่อหน้าข้างบนแล้ว) พระเอกมันก็ดันรับมุก ไปๆมาๆ หมดวัน แยกย้าย วันใหม่ก็วนลูป เรียกว่ามีสาระมั้ยล่ะคุณ

ส่วนตัวอยากจะวางมันลงตั้งแต่ยังไม่ถึง 100 หน้าดีซะด้วยซ้ำ คือมันไม่สนุกเลย แนวเล่นมุกแบบนี้ ถ้าแป๊กแล้วมันจะแป๊กยาวเลยอะ เล่มนี้ก็เป็นแบบนั้น ถ้าไม่ติดว่าต้องอ่านให้จบ เพื่อจะเอามาเขียนบล็อคนี่ คงไม่อ่านแน่ๆ

ส่วนไอ้แนวแฟนตาซีที่จั่วอยู่ข้างบน (และปกหลังของเล่ม) มันไม่ได้สื่อถึงแฟนตาซีทั่วไปที่หลายคนชื่นชอบหรอกครับ แค่มีเวทมนต์(ที่ไม่เคยใช้ แค่พูดถึงเฉยๆ) กับนางเอกที่สเตตัสแปะว่าจอมมาร เท่านั้นก็เป็นแฟนตาซี..........บ้าชิบ อย่าดูถูกแฟนตาซีนะเฟ้ย

คาแรคเตอร์อื่นนอกจากนางเอกที่เป็นศูนย์รวมของกระแสดังๆในสมัยนั้น และพระเอกผู้เป็นคนธรรมดา มีหน้าที่ตบมุกแล้ว ตัวละครอื่นๆเป็นตัวหญิงล้วนๆ ทำเอาได้ยินเสียงบก.คุยกับนักเขียนว่า "ยัดตัวหญิงลงไปเยอะๆ แจกเซอร์วิสหนักๆ ยังไงก็ขายได้หน่า" แว่วเข้ามาในหูเลย มันอะไรกันฟ่ะเนี่ย

แม้ปัญหาของสนพ.ไทยจะไม่ค่อยมี (ทำไมนายถึงทำดีกับนิยายระดับนี้ๆล่ะเนี่ย ไอ้นิยายที่เรื่องดีๆ ใช้มาตรฐานประมาณนี้ไม่ได้เรอะ) แต่เพราะตัวนิยายมันทำลายตัวเองไปซะป่นปี้แล้วก็เลยไม่อยากแนะนำให้ซื้อเลยครับ ให้อ่านฟรียังขอคิดดูก่อนเลยอะ ประมาณนั้นเลย

หรือเพราะแนวเล่นมุกแบบนี้มันมีอยู่ล้นตลาดแล้ว และเรื่องอื่นๆมันก็ทำดีกว่า นอกจากจะถูกเปรียบเทียบแล้ว เลยทำให้เรื่องนี้ไม่มีทางเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆได้เลยหว่า ถึงได้สัมผัสได้แต่ความแย่ของมัน
ความน่าสนใจ : 1/5

28/6/59

Apocalypse Alice / วงกตวิบัติอลิส

สำนักพิมพ์ : Dexpress
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่มจบ
เรื่องย่อ : เอาละ ทุกคน มาสังหารเด็กสาวแล้วช่วยโลกกันเถอะ

เมื่อโลกกำลังจะล่มสลายลงเพราะ "โรควงกต" โรคพิศดารที่พบเฉพาะในเด็กสาว เหล่านักเรียนมัธยมปลายจึงต้องสังหารเด็กสาวให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด หากไม่ทันเวลา โลกจะถึงคราวพินาศสิ้น

"ผมไม่สนใจโลกสักนิด บอกตามตรงมันน่ารำคาญ"

อาริสุ ชินโนะสุเกะ พระเอกผู้นิสัยเสียที่สุดในประวัติศาสตร์ประกาศเช่นนั้นแล้วทะยานเข้าสู่วงกต จุดประสงค์ของเขาคืออะไร โลกจะรอดพ้นหรือไม่ นิยายแฟนตาซีแห่งเวทมนต์ที่มีโลกเป็นเดิมพัน เปิดฉากขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : Apocalypse Alice หรือ Mokushiroku Alice นั้น เป็นผลงานของอ.คากามิครับ อ.แกฝากผลงานดีๆไว้หลายเรื่องทีเดียว (ไม่มี LC ในไทยนะ) แต่เรื่องดังๆที่นักอ่านรุ่นเก่าหน่อยน่าจะรู้จักก็คงเป็นซีรีย์  Densetsu no Yuusha no Densetsu ล่ะมั้ง

แน่นอนว่าในเรื่องอลิสนี้ก็เช่นกัน เจ้าตัวยังคงคุณภาพเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นความแหวกแนว ไม่ตลาดๆของเนื้อเรื่อง คาแรคเตอร์ตัวละครที่สมเหตุสมผลกับภูมิหลัง หรือการกระทำของตัวละครแต่ล่ะตัวที่สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่พบเจอ บลาๆๆ

ในเรื่องนี้ โครงเรื่องถูกกำหนดว่าเป็นโลกในยุคปัจจุบัน ที่มีโรคประหลาดๆเกิดขึ้น มันเป็นโรคที่พบในเด็กสาวเท่านั้น หลังจากเด็กสาวติดเชื้อ เธอจะสร้างดันเจี้ยน เอ๊ย วงกต ขึ้น โดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง ขนาดของวงกต และความยากของมันจะแตกต่างกันไปตามเด็กสาวแต่ละคน และวงกตของเด็กสาวคนนั้น จะกลืนกินเมือง และผู้คนที่อยู่รอบๆไปเลย หากไม่สามารถฆ่าเด็กสาวซึ่งกลายเป็นลาสบอสในวงกตได้ภายในเวลาที่กำหนด วงกตที่สร้างขึ้นจะกลายเป็นวงกตถาวรที่ไม่อาจทำให้กลับเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลย หนำซ้ำ ความยากของวงกตหลังจากกลายเป็นวงกตถาวรแล้วจะยากขึ้นอย่างน้อย 10 เท่าอีกต่างหาก

ในอดีต โลกถูกวงกตเหล่านั้นกลืนกินไปเพียบ โดยเฉพาะทวีปที่กำลังทหารอ่อนแอ ไม่สามารถต่อกรกับมอนสเตอร์ในวงกต และตะลุยไปถึงเด็กสาวได้อย่างทวีปแอฟริกา หรือประเทศที่มีดินแดนกว้างใหญ่เกินไป จนไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึงอย่างประเทศจีน


คาแรคเตอร์นั้น ตัวพระเอกเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายพอสมควร แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง (ออกแนวดาร์คฮีโร่มั้ง) ไม่ยอมเชื่อใจใครนอกจากเงินและตัวเอง มองว่ามิตรภาพเป็นสิ่งจอมปลอม เวลาอยู่ในสถานการณ์คับขัน มนุษย์ย่อมทิ้งคนอื่นเพื่อเอาตัวเองรอดอยู่แล้ว บลาๆๆ ซึ่งถ้ามองไปที่ภูมิหลังของพระเอกที่เคยเจอมานั้น ก็ไม่แปลกอะไรล่ะนะ อันนี้ลองดูในเรื่องเองละกันเนอะ

แต่เป้าหมายของพระเอกมีอย่างเดียว นั่นคือ การช่วยเหลือน้องสาวของเขา ที่ติดโรคนี้ และยังเป็นลาสบอสของวงกตที่ยากที่สุดในโลกอีกต่างหาก ซึ่งแนวทางของพระเอกเลยจะแตกต่างจากแนวคิดสามัญของโลกสุดๆ อย่างที่บอกตอนต้นไปแล้วนั้น "โลก" ตัดสินว่า หากเด็กสาวคนไหนติดเชื้อ ต้องฆ่า เท่านั้น ไม่มีใครมีความคิดว่าจะช่วยเหลือเด็กสาวเลยแม้แต่นิดเดียว........ยกเว้นพระเอกล่ะนะ แต่มันจะทำได้รึเปล่าก็ว่ากันไป สไตล์นักเขียนคนนี้ เนื้อเรื่องไม่ค่อยโลกสวยด้วยสิ 555+

ส่วนตัวละครอื่นๆนั้น เนื่องจากเรื่องนี้กลุ่มตัวเอกมีกันหลายคน แถมไม่ได้มีแต่สาวๆรายล้อมเป็นฮาเร็มเกรดต่ำด้วย และแต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ค่อนข้างละเอียด ดังนั้นพูดเฉพาะพระเอกก็แล้วกันเนอะ

ส่วนเวทมนต์ในเรื่องนี้ ก็ไม่ได้เป็นสไตล์แฟนตาซีอย่างการฝึกฝนเวทมนต์ แล้วร่ายเวทยิงกันเปรี้ยงปร้าง แต่เป็นเวทมนต์ที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากเงิน และมีไว้เพื่อคนมีเงิน เนื่องจากเวทมนต์ในเรื่อง คือวิทยาการจากวงกตของเหล่าเด็กสาวที่ติดโรคนั้นเอง เอามาวิจัย และพัฒนา สร้างอุปกรณ์กระตุ้นสมองในสามารถใช้เวทมนต์ได้ ยิ่งเป็นวิทยาการที่มีความซับซ้อนมาก ก็ยิ่งต้องใช้งบประมาณในการวิจัยมากตามไปด้วย รวมไปถึงอุปกรณ์ที่ใช้กระตุ้นสมองก็ต้องเป็นของคุณภาพสูงมากขึ้น บลาๆๆ เรียกว่าเป็นเวทมนต์ที่ความแข็งแกร่งแปรผันตรงกับเงินเลยทีเดียวเชียว

การเดินเรื่อง เล่มแรกจะยังไม่เน้นอะไรเท่าไหร่ เป็นเหมือนการแนะนำตัวละคร และแนะนำเนื้อเรื่องไปพร้อมๆกัน ให้คนอ่านเข้าใจว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงมายังไง ปิดท้ายด้วยการตะลุยวงกตกันสักยกหนึ่ง ให้มีฉากแอคชั่นพอเป็นน้ำจิ้มปิดท้าย แต่ถึงอย่างงั้น ก็ยังอ่านเพลินมาก จัดว่าสนุกเลยทีเดียว

เรียกว่า ถ้าใครเบื่อแนวตลาดๆ แล้วไม่มีอะไรจะอ่าน เรื่องนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีเรื่องนึงเลยครับ
ความน่าสนใจ : 5/5

17/6/59

Shikai Ryuuou to Kyokutou no Avalon / ศึกพิทักษ์เจ็ดนครา แห่ง อวาลอน

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 4 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : เมื่อมนุษย์รับรู้ถึงการมีตัวตนของ “เทพ” สงครามที่ไม่มีวันสิ้นสุดลง ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้นโอริจิน [อามาเทราสุ] และทัตสึมิยะ มินาโตะ ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์เดินทางกลับมาที่ดินแดนที่เคยเป็นประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้ง แรกในรอบสิบปี... ที่ตั้งของเขตปกครองพิเศษทั้งเจ็ด ที่นี่คืออวาลอนแห่งแดนอาทิตย์อุทัยที่เหล่าเทพผู้คํ้าจุนทั้งเจ็ดรวมตัวกัน สร้างขึ้นมาเพื่อให้ [มนุษย์และเทพอยู่ร่วมกัน] อย่างสงบสุข แต่ระหว่างพิธีเลี้ยงต้อนรับการกลับมา กลุ่มก่อการร้าย [อาโพคาลิพส์]ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ต้องการทำลายล้างเหล่าเทพก็บุกเข้าโจมตี และมินาโตะก็ได้เห็นเพื่อนเก่าอย่างฮิดะ เร็นจิอยู่ในกลุ่มคนร้ายด้วย.......? เพื่อสร้างดินแดนที่เหล่าเทพและมนุษย์อยู่ร่วมกันได้ ชายหนุ่มผู้สืบสายเลือดมังกรจึงกวัดแกว่งดาบ...! การสร้างดินแดนในอุดมคติที่ยากลำบากก็เริ่มต้นขึ้น!
ความเห็นส่วนตัว : Shikai Ryuuou to Kyokutou no Avalon หรือ Shikai Ryuuou to Kyokutou no Nanabashira Tokku เป็นแนวแฟนตาซีที่ค่อนข้างจะฉีกออกจากแนวเดิมๆอยู่สักหน่อย นั่นก็คือ ตามโครงเรื่องของการขัดแย้งระหว่าง 2 เผ่าพันธุ์ในอดีต นำมาซึ่งนิสัยโลกสวยของนางเอกในปัจจุบันที่ต้องการอยู่ร่วมกันนั้น โดยส่วนมาก แก๊งตัวเอก หรืออย่างน้อยๆก็พระเอก จะอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า ในกรณีนี้ ซึ่งเป็นความขัดแย้งระหว่างเทพกับมนุษย์ มันก็ควรจะเป็นมนุษย์

แต่เรื่องนี้กลับตรงกันข้าม ให้แก๊งตัวเอกทั้งหมดเป็นเทพซะอย่างงั้น เล่นประเด็นดราม่าของคนที่แข็งแกร่ง ต้องการอยู่ร่วมกับผู้ที่อ่อนแอกว่า ซึ่งก็แน่นอนว่า สันดานของมนุษย์ ถ้าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด ก็จะไม่ยอมอยู่ร่วมกับใคร ต้องฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อีกฝ่ายให้หมด ตัวเองถึงจะรู้สึกปลอดภัย อันเป็นสิ่งที่ทำให้เทพอย่างพวกตัวเอกต้องปวดหัวกันไม่น้อย

ทางด้านคาแรคเตอร์ เมื่อเป็นแนวแฟนตาซี พระเอกต้องเป็นนักดาบแน่นอน 555+ แต่เมื่อเป็นเทพทั้งที จะใช้ดาบธรรมดาก็กระไรอยู่ พระเอกเลยเป็นนักดาบเวทมนต์ไปซะ แต่เวทมนต์ที่พระเอกใช้ก็กลับเซอร์ไพร์สมากครับ มันใช้ "น้ำ"

เพราะตามปกติแล้ว เวทมนต์ของตัวเอกที่พบเห็นในนิยายบ่อยๆมักจะเป็นไฟ รองมาคือลม ซึ่งเป็นธาตุที่สามารถแสดงความเวอร์วังอลังการ ในฉากโชว์เทพของตัวเอกได้ง่าย และไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย สร้างลูกไฟแล้วยิ่งตูมๆเป็นอันจบ

แต่พอใช้น้ำปุบ ก็วัดความคิดสร้างสรรคของคนเขียนล่ะ ว่าจะสามารถจินตนาการ "น้ำ" ในฐานะอาวุธออกมาได้ดีแค่ไหน และถ่ายทอดออกมาอย่างไร ซึ่งตรงนี้บอกเลยว่าทำได้ดีนะครับ นอกจากดาบน้ำที่เปลี่ยนแปลงระยะ และเปลี่ยนแปลงสถานะได้ตามใจชอบแล้ว เวทมนต์สายน้ำ ก็แสดงความอลังการออกมาได้เหมือนกัน นี่ยังไม่รวมถึงการประยุกต์ใช้น้ำในสถานะต่างๆได้ตามสถานการณ์ต่างๆด้วยนะ แต่ไปอ่านเองดีกว่า 555+

การเดินเรื่องและการแจกบทตัวละครก็ทำได้ดี ทั้งๆที่เทพญี่ปุ่นนั้น บอกเลยว่าคนไม่ค่อยรู้จักหรอก คนเขียนเลยพยายามใช้เทพที่มีชื่อเสียง คนรู้จักอยู่แล้ว หรืออย่างน้อยก็น่าจะเคยผ่านหูมาบ้าง อย่างอามาเทราสุ แล้วยังดึงเทพตะวันตกที่มีชื่อเสียงอย่าง ทูตสวรรค์ มิคาเอล มาแจมด้วย ส่วนเทพแปลกๆในตำนานอื่น คนเขียนเก็บไว้ในฐานะตัวประกอบไปก่อน ไม่ฝืนแจกบทให้ตัวละครโผล่มาพรึ่บพรับเยอะแยะเต็มไปหมดโดยไม่จำเป็นเหมือนบางเรื่อง เมื่อมาประกอบกับการเดินเรื่องที่ไม่มีความตลาด ทั้งจุดไคล์แม็กซ์เองก็กำหนดไว้ชัดเจน ทำให้สามารถอ่านได้อย่างไหลลื่นโดยไม่รู้สึกติดขัดอะไรครับ

ในเรื่องของศัพท์เฉพาะเอง ก็มีเยอะนะ แต่สกิลการถ่ายทอดเรื่องราวของคนเขียนค่อนข้างสูง เขาจะไม่สักแต่ยัดศัพท์เฉพาะที่ตัวเองบัญญัติขึ้นมาใหม่เข้ามาในเรื่องรัวๆ จนคนอ่านตามไม่ทัน แต่จะเริ่มจากเรื่องเบสิคให้คนเข้าใจโครงเรื่องก่อน แล้วศัพท์เฉพาะถึงจะค่อยๆเข้ามาแจมทีละนิดๆ จนอ่านแล้วไม่น่าเบื่อ หรือเกิดความรู้สึก "อะไรของมันวะ" แบบบางเรื่อง

และที่ประทับใจที่สุดคือ ฝ่ายคู่ปรับของพระเอกก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน เวลาต่อสู้กันเลยไม่ให้ความรู้สึกแบบ "ทำร้ายผู้หญิงว่ะ" แถม เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เลยสามารถเข้าฉากแอคชั่นจัดเต็มได้ โชว์ความอลังการของเวทมนต์และเพลงดาบซัดใส่กันได้เต็มที่ โดนเข้าไปทีก็ได้แผล เลือดสาดกันไป ดีกว่าสู้กับผู้หญิง แล้วใช้กฎของโลก2Dที่ตัวละครหญิงจะไม่มีทางมีแผลเด็ดขาด สุดท้ายเวทมนต์ที่ระเบิดภูเขาได้เป็นลูกๆ ก็ทำได้แค่ฉีกเสื้อผ้าผู้หญิง กลายเป็นคอเมดี้เกรดต่ำด้วย นับว่าถูกใจมากเลยครับ

ทางด้านสนพ.ไทยนั้น สำหรับเรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างโอเคอยู่ จุดพิมพ์ผิดไม่ค่อยมี รูปเล่มกับราคาก็อยู่ในระดับที่รับได้ รวมๆแล้วไม่มีจุดที่ต้องคอมเม้นเป็นพิเศษครับ
ความน่าสนใจ : 5/5

14/6/59

Shuuen Sekai no Tensai-hime / เจ้าหญิงรีเบลเลียน ฝ่าวิกฤตโลกปิดตาย

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : นิยายเรื่องเยี่ยมเจ้าของรางวัลพิเศษ สนีกเกอร์อวอร์ด ครั้งที่ 18!

โลกใบนีได้อวสานไปแล้วไปแล้วครั้งหนึ่ง จากการบุกรุกของเหล่าอสูรนาม “แฟนทัสม่า” คุคิ ฟุโด จอมสร้างปัญหาผู้มีฉายาว่าตัวหายนะ เขามุ่งมั่นฝึกตนเข้าสู่เส้นทางปราบมารของ “เมโอโตะ” วันหนึ่งระหว่างการปราบปรามแฟนทัสม่า มีเพียงเด็กสาวคนเดียวเท่านั้นที่สามารถหยุดพลังอันมหาศาลของเขาไว้ได้

“ไม่ ว่าเมื่อไหร่ ฉันก็จะอยู่เคียงข้างเธอ ฉันสัญญา”

ด้วยพันธสัญญาที่ทั้งสองผูกขึ้นจะนำพาโลกสู่สิ่งใด?การสร้างโลก หรือการทำลายล้าง? สมรภูมิแห่งโลกแฟนตาซียุคใหม่ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : เรื่อง Shuuen Sekai no Tensai-hime หรือ Shuuen Sekai no Rebellion นี้รู้สึกว่ามันโคลนเรกิออสมาพอสมควรเลยนะครับ แต่ปรับเนื้อหาให้อ่อนลง โดยเปิดเรื่องจากโลกที่ล่มสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง ผู้คนเลยหนีมาสร้างเมืองในโดม อ้อ แต่เมืองในเรื่องนี้เดินไม่ได้นะ ส่วนโลกภายนอกก็เกิดสัตว์ประหลาดพันธุ์ใหม่ขึ้น พร้อมกับแร่ชนิดใหม่ที่มีพลังพิเศษช่วยให้มนุษย์(ที่ได้รับเลือก)สามารถต่อกรกับสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้

พระเอกเป็นนักดาบ(แน่นอน อาวุธมาตรฐานของพระเอกสายแฟนตาซี 555+) ยังอยู่ในวัยเรียน แต่เก่งเทพ ปัจจุบันสังกัดอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เน้นด้านบ่มเพาะนักรบสำหรับต่อกรกับเหล่าสัตว์ประหลาด จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้ถือครองดาบสวรรค์ เอ๊ย ผู้ดำรงตำแหน่ง 12 นักษัตร ตำแหน่งสูงสุดของนักรบที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุด 12 คน ได้ปรากฎตัวขึ้น และขอร้องให้เขาร่วมมือในภารกิจบางอย่าง

ก็นั่นแหละ เปิดเรื่องเหมือนดีเลยนะ แต่หลังจากนั้นก็เข้าสู่เลิฟคอมในรั้วโรงเรียนเต็มสตรีมไปเลยซะอย่างงั้น ทำเอาปรับอารมณ์ไม่ทันเลยนี่ดิ 555+ เจอกับนางเอกสายแบ๋วที่บางครั้งก็ชอบเล่นมุกหื่น นางรองก็เป็นโลลิยันเดเระ คาแรคเตอร์ตลาดๆอันแสนคุ้นเคยทั้งนั้น การเดินเรื่องหลังจากนี้ก็ตามสูตรเลิฟคอมทุกอย่าง จนไม่รู้จะตบมุกตรงไหนดีเลย เปิดไปไม่กี่หน้าก็มองเห็นเรื่องราวทั้งหมดแล้ว

(ย่อหน้านี้สปอย) อ้อ เรื่องราวในเล่มมีขัดแย้งกันเองด้วยนะ ทั้งภูมิหลังของพระเอกที่วางไว้ค่อนข้างดราม่า พ่อแม่ถูกองค์กรลับฆ่าตาย มันเลยมีความแค้นกับองค์กรอยู่ ถึงขนาดบทบรรยายเขียนไว้เลยว่า ถ้าพระเอกเจอกับพวกคนในองค์กร ความแค้นจะพวยพุ่งออกมา มันจะควบคุมตัวเองไม่ได้ บลาๆๆ แต่ถึงอย่างงั้น เวลาพระเอกเจอเข้าจริงๆ ไม่เห็นมันจะควบคุมไม่ได้เลยฟ่ะ มีสติมากกว่าที่คิดซะอีก รู้ว่าควรสนใจเรื่องอะไรก่อนอะไรหลัง ไม่ได้ปล่อยตัวเองไปตามความแค้น

(ย่อหน้านี้สปอย) หรืออีกจุดนึงก็ นางเอกเป็นศัตรูกับทุกฝ่าย ทั้งองค์กรลับ และรัฐบาล ทำให้เพื่อนสนิทของเธอที่เป็น 12 นักษัตรซึ่งขึ้นตรงกับรัฐบาลไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรเพื่อช่วยเหลือได้ คุณเพื่อนต้องมาขอร้องให้พระเอกช่วยได้ แต่หลังจากนั้น พระเอกดันไปรับตำแหน่ง 12 นักษัตร ซะงั้น แถมยังอยู่คุ้มครองนางเอกด้วย ตกลงมันอะไรของแกฟ่ะ รัฐบาลเปลี่ยนความคิดเร็วมากเกินไปมั้ย

(ย่อหน้านี้ก็สปอย) ฝั่งตัวร้ายก็เหมือนกัน เปิดตัวเหมือนเป็นลูกกระจ๊อกเฝ้าโกดังเก็บของ แต่เดินเรื่องไปเดินเรื่องมา กลายเป็นบอสกลาง(หรือลาสบอสฟ่ะ) ที่สเกลพลังระดับ12นักษัตรก็ชนะไม่ได้ซะงั้น ตกลงไอ้ตำแหน่ง 12สัตว์นี่มันเก่งไม่เก่งเนี่ย

เรียกว่าหลายๆอย่างมันชวนให้รู้สึกขัดใจเหลือเกิน จนแอบแปลกใจว่านี่คือผลงานที่ได้รับรางวัลเหรอเนี่ย อารมณ์แบบ ดีที่สุดคือแค่นี้เหรอ แต่เอาหน่า ช่างมันล่ะกัน

มาที่สนพ.ของไทยบ้าง ในเรื่องนี้ พิมพ์ผิดเพียบเลยครับ แถมกว่า 40% ของที่ผิด ดันเป็นจุดผิดที่กระทบกับเนื้อเรื่องด้วยนะ รูปประโยคจาก Yes กลายเป็น No ไปเลยก็มี อ่านแล้วต้องตั้งสติสุดๆ การตัดขอบก็ไม่ดี ส่วนที่เป็นลิ้น(เรียกลิ้นรึเปล่าหว่า) เบี้ยวเฉียงออกมานอกเล่มเลย บางหน้าพิมพ์เลื่อนด้วย คือบรรทัดล่างสุดของหน้ามันแทบจะตกขอบหลุดออกไปนอกเล่มแล้ว บลาๆๆ

สรุปว่า จากทั้งหมดทั้งปวงที่พูดมานี้ เรื่องนี้ไม่น่าสนใจเลยครับ แนะนำให้ซื้อไม่ลงเลยอะ

เออ ใช่ๆ ส่วนจำนวนเล่มของเรื่องนี้ เท่าที่เช็คดู บางที่ก็บอกว่า 3 เล่มจบ (โดนตัดจบสินะ) บางที่ก็บอกว่ายังไม่จบนะครับ ในส่วนนี้เลยจะเขียนว่ายังไม่จบไว้ก่อนก็แล้วกัน
ความน่าสนใจ : 1/5

21/4/59

Announcement : รายละเอียดการแก้ไขเนื้อหาในบล็อค ครั้งที่4




รายละเอียดการแก้ไขเนื้อหาในบล็อค ครั้งที่4

1. แก้ไข "ความเห็นส่วนตัว" ในเรื่องต่อไปนี้เล็กน้อย
Excellcia to Shoukan Kishi
Kenshin no Succeed
Kasou Ryouiki no Elysion
Taimadou Gakuen 35 Shiken Shoutai
Mushoku Tensei -Isekai Ittara Honki Dasu-


2. แก้ไข "ความน่าสนใจ" ของ LN ต่อไปนี้
ปรับขึ้น
Grancrest Senki จาก 4 >> 5

ปรับลง
Ruriiro ni Boketa Nichijou จาก 5 >> 4
Sekai no Owari no Encore จาก 4 >> 3
Mushoku Tensei -Isekai Ittara Honki Dasu- จาก 5 >> 4
Eromanga-sensei จาก 3 >> 2
Life Alive! จาก 3 >> 2

3. แก้ไข "จำนวนเล่ม" ของ LN เรื่อง Buta wa Tondemo Tada no Buta

20/4/59

Nejimaki Seirei Senki Tenkyou no Alderamin / สงครามภูตล้างบัลลังก์ อันเดรามินแห่งฟากฟ้า

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 9 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : จักรวรรดิคาโธวาน่าอยู่ในสภาวะสงครามับสาธารณรัฐคิโอก้าประเทศข้างเคียงมาเป็นเวลานาน ทว่า ในมุมหนึ่งของจักรวรรดิกลับมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งต้องเข้าสอบคัดเลือกนายทหารระดับสูงอย่างไม่เต็มใจ เพราะสาเหตุบางประการ

ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าคนที่ทั้งเกลียดสงคราม ขี้เกียจสันหลังยาว และบ้าผู้หญิงอย่างเด็กหนุ่มนามอิคตา โซลอต ผู้นี้ จะกลายเป็นนายทหารซึ่งได้ขนานนามว่าจอมทัพผู้เกรียงไกรในภายหลัง...

เส้นทางของอิคตา ผู้จำต้องฝ่าฟันเอาชีวิตรอดบนโลกอันวุ่นวายด้วยวังวนแห่งสงครามในฐานะทหารด้วยวัยที่ยังไม่พร้อมจะเป็นอย่างไร

สงครามแฟนตาซีสุดยิ่งใหญ่ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันระหกระเหินของเขากำลังจะเปิดม่านขึ้นแล้ว ณ บัดนี้
ความเห็นส่วนตัว : ระยะหลังมานี้ LN ที่มีตัวเอกสายบุ๋น เน้นใช้สมองมากกว่ากำลังถูก LC เข้ามาในไทยมากขึ้นแฮะ เรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ตามท้องเรื่องแล้ว เป็นยุคสงครามในสมัยที่ปืนกำลังเริ่มเข้ามามีบทบาทพอดี แต่ยังไม่ได้เป็นตัวเอกเหมือนสมัยนี้ ยังเป็นยุคที่ธนู / หน้าไม้ กับ ปืน ยังมีจุดเด่นจุดด้อยก่ำกึ่งกัน การปะทะกันด้วยอาวุธประชิดตัวยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ ส่วนพวกตัวเอกก็ยังเป็นวัยรุ่นกันหมด

พระเอกเป็นคนขี้เกียจ เกลียดทหารมาก แต่ถึงอย่างงั้นก็เป็นอัฉริยะที่หาตัวจับยาก ทางด้านการทหาร ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะคนวางแผน หรือคนลงภาคสนามก็ตาม เป็นตัวเอกที่มีความดาร์คอยู่ในตัวค่อนข้างสูง นอกจากเรื่องใช้กำลังแล้ว อย่างอื่นอยู่ในเกณฑ์ดี อ้อ มีเรื่องบ้าผู้หญิงด้วยนี่นะ สกิลในการจีบสาวของมันอยู่ในระดับเทพ เผลอแปปเดียวก็ลากสาวที่เพิ่งพบหน้าขึ้นเตียงได้แล้ว เหอๆ


นางเอกเป็นชานะตอนโต เอ๊ย เพื่อนสนิทกับพระเอกมาตั้งแต่เด็ก ตระกูลของเธอเป็นเลิศด้านการต่อสู้ประชิด เธอจึงเชี่ยวชาญศาสตร์ในการต่อสู้ประชิดตัวมาก สามารถสร้างพายุเลือดกลางสนามรบได้สบายๆ ยามปกติ เธอเปรียบดั่งผู้ปกครองของพระเอก คอยหยุดพระเอกที่ทำตัวออกนอกลู่นอกทางไว้เสมอ และเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ต่างฝ่ายต่างรู้ไส้รู้พุงกันดี ความสัมพันธ์ก็เลยหยุดอยู่ที่เพื่อนที่รู้จักกันมานานเท่านั้น

พระรองเป็นอัจฉริยะด้านการยิงปืนจากตระกูลที่เป็นเลิศด้านศาสตร์แห่งการใช้ปืน อ้อ ตระกูลนี้ศูนย์รวมหนุ่มหล่อด้วยนะ 555+ ยามปกติเป็นคนอ่อนโยน เป็นมิตรกับทุกคน บุคลิคเหมาะจะเป็นพี่ชายของคนในกลุ่ม เชี่ยวชาญการซุ่มยิงจากระยะไกล ความสามารถในการเป็นสไนเปอร์ของเขาหาตัวจับยากมาก

นางรองเป็นเด็กสาวธรรมดาผู้โอบอ้อมอารี สงสัยเพราะเธอเป็นพี่สาวคนโตในหมู่พี่น้องด้วย เลยมีคาแรคเตอร์แบบพี่สาวประจำกลุ่มตัวเอก เชี่ยวชาญด้านการรักษา และเพราะนิสัยโอบอ้อมอารีนี่แหละ เลยมักจะถูกพระเอกเข้ามาจีบอยู่ตลอด แต่เพราะความรักนวลสงวนตัว เลยไม่พลาดท่าให้

เพื่อนพระเอก เป็นตัวแทนคนธรรมดาในกลุ่มคนไม่ธรรมดา แม้จะเป็นพวกเดียวกัน แต่เขาก็เห็นพวกพระเอกเป็นคู่แข่ง โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น เขาก็เฝ้าฝึกฝนตัวเองอยู่ตลอด

ส่วนเรื่องราวจะเป็นในโรงเรียนทหาร คล้ายๆเรื่องกองพลพลังเวทช่วงแรกๆ แต่จะเน้นไปที่เนื้อเรื่องหนักๆ โดยไม่ค่อยมีคอเมดี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ธีมของเรื่องจะเป็นการทหาร สงคราม และการเมืองเกือบทั้งหมด ทำให้คนที่ไม่ชอบเรื่องราวที่มีเนื้อหาหนักๆ อาจจะไม่ชอบเรื่องนี้ (จริงๆเพราะปกเล่ม1มันหลอกด้วยละนะ 555+ จริงๆน่าเอาปกเล่ม3 ไม่ก็เล่ม7 ขึ้นเป็นเล่ม1)

ในเล่มแรกจะเป็นการเปิดเรื่องตรงกลุ่มตัวเอกที่ตั้งใจจะเดินทางไปสอบเป็นนายทหารระดับสูง แต่ระหว่างทางก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นจนไม่ได้ไปสอบ แถมไอ้พระเอกยังไปช่วยชีวิตองค์หญิงของประเทศตัวเองกลางดินแดนของศัตรูเข้าอีกต่างหาก หลังจากนั้นเรื่องราวก็กลับตาลปัตรไปหมด หลังจากช่วยกันฝ่าฟันจนกระทั่งหนีรอดกลับมาได้ พวกเขาก็ได้รับสิ่งตอบแทนมากมายจนผิดปกติ มีเพียงคู่พระนางเท่านั้นที่สังเกตเห็นได้ว่าตัวเองกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่จะปฏิเสธสิ่งที่กษัตริย์มอบให้ก็ไม่ได้ซะด้วย

หลังจากนั้นพระเอกก็โชว์สกิลวางแผนในการซ้อมรบ ถล่มฝ่ายตรงข้ามที่เป็นทหารมีประสบการณ์ในการรบจริงซะราบ ยังไม่พอ ด้วยการตัดสินใจของเขา หน่วยของตัวเอกจึงไปสร้างวีรกรรม ที่เป็นความดีความชอบต่อประเทศในระหว่างซ้อมรบไว้ได้อีก

สุดท้ายพระเอกถูกองค์หญิงขอร้องให้เป็นเครื่องมืองทางการเมืองหน้าตาเฉย โดยหลังจากนี้ ให้เขาพยายามเลื่อนตำแหน่งจากพันจ่าธรรมดาๆในกองทัพ ขึ้นมาเป็นจอมพล และหลังจากนั้น เขาจะต้อง..................

อืมมม ยังไงดีล่ะ พยายามไม่สปอยเต็มที่แล้วนะเนี่ย เรื่องนี้มีจุดที่เป็นปริศนา มีปม มีอะไรให้ควรจะต้องไปลุ้นเอาเองเยอะมาก แต่เขียนแบบระวังสปอยก็กลัวจะอ่านไม่เข้าใจแฮะ

อาาา เอาเป็นว่า ใครสนใจก็ไปอ่านรายละเอียดในเล่มก็แล้วกันนะครับ บอกได้แค่ว่าเป็น LN แนวทหาร ศึกสงคราม การเมือง บลาๆๆ ที่ดีทีเดียวล่ะ คนที่เป็นโอตาคุทหาร ชอบเรื่องแนวสงคราม ชอบตัวเอกสาย INT ที่เน้นใช้สมองเป็นหลักก็คงไม่น่าพลาดละมั้ง แบบว่า ถ้าไม่ติดว่าราคาต่อเล่มมันทะลุ 200 ไปแล้ว ก็อยากจะแนะนำเลยล่ะ

ว่าแต่อันเดรามินคืออะไรหว่า รู้ว่ามันคือดาวเหนือนะ แต่ในเรื่องยังไม่ได้ใช้ดวงดาวมาเล่นประเด็นอะไรเลยสักนิด
ความน่าสนใจ : 5/5

19/4/59

Grancrest Senki / บันทึกสงครามแกรนเครสท์

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 7 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ณ ทวีปซึ่งถูกครอบงำด้วยเคออส เหล่าผู้คนต่างหวาดกลัวต่อภัยพิบัติที่เกิดจากเคออสนั้น จึงต้องใช้ชีวิตมาโดยได้รับการคุ้มครองจาก "ลอร์ด" ผู้มีพลังของตราศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถสยบสิ่งเหล่านั้นได้

ทว่า ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่พวกลอร์ดต่างละทิ้งหลักการ "ปกป้องผู้คน" แล้วเลือกที่จะเข้าห้ำหั่นแย่งชิงตราศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนกัน จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามอันวุ่นวาย

ชิรูก้า จอมเวทผู้โดดเดี่ยวซึ่งดูแคลนเหล่าลอร์ดที่ไร้หลักการ

เทโอ อัศวินเร่ร่อนผู้ออกเดินทางฝึกฝนตนเอง เพื่อหวังว่าสักวันจะกลับไปปลดปล่อยบ้านเกิดจากการถูกกดขี่

"ฉันขอทำพันธสัญญากับเครสท์ของอัศวินเทโอ และสาบานว่าจะจงรักภักดีตลอดไปค่ะ"

พันธสัญญานายบ่าวที่ทั้งสองทำขึ้นจะเปลี่ยนแปลงทวีปที่วุ่นวายไปด้วยสงครามและความโกลาหลได้หรือไม่ เรื่องราวมหาสงครามแฟนตาซีที่อุบัติขึ้นเพราะ "แกรนเครสท์" (ตราจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์) ผลึกที่จะถือกำเนิดขึ้นจากกฎระเบียบ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : แนวแฟนตาซีแห่งดาบและเวทมนต์ในยุคสงครามครับ ดังนั้นก็ตามแพนเทิร์นคือเป็นสงครามระหว่างอาณาจักร มีการยกทัพรบพุ่งกัน ถ้าให้เทียบอรรถรสที่ได้จากการอ่านแล้ว ที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นเรื่องวานาดีสนะครับ ผู้นำหนุ่มกับหญิงสาวมากความสามารถ ลุกขึ้นมาสู้กับอาณาจักรเพื่อประชาชน แต่เรื่องนี้จะใส่ใจรายละเอียดมากกว่า คงเป็นวานาดีสเวอร์ชั่นอัพเกรด ที่รายละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น เซอร์วิสน้อยลงล่ะมั้ง

ปูเรื่องที่เคออส(ความโกลาหล)กระจายอยู่ทั่วทวีป เป็นยุคที่คอสมอส(กฎระเบียบ)จางหายไป ขนาดเหล่าเมจ(ผู้ใช้เวทมนต์)ในเรื่องเองก็ใช้เวทมนต์โดยอาศัยเคออสสร้างความโกลาหลในแบบที่ตัวเมจต้องการนั่นเอง เหล่าปีศาจที่เกิดจากเคออสมารวมตัวครั้ง แม้จะนานๆครั้ง แต่ก็สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน และคนที่ขจัดเคออส และเปลี่ยนแกนกลางของเคออส(เคออสคอร์)ให้กลายเป็นคอสมอสนั้นก็คือผู้ที่ถูกเรียกว่า "ลอร์ด" นั่นเอง ตรงนี้เป็นความประทับใจแรกครับ แม้จะเป็นความขัดแย้งของแสงสว่างและความมืด ก่อให้เกิดการต่อสู้ แต่แทบจะไม่มีนิยายเรื่องไหนในยุคนี้ที่ใช้นามธรรมอย่างเคออสกับคอสมอสเลย อย่างเก่งก็เป็นความดีกับความชั่ว เทพกับมาร เซราฟกับเซเว่นซิน วนเวียนอยู่แค่นั้น

จากนั้น ในเรื่องก็ขยายความต่อไป ถึงรายละเอียดของลอร์ด ว่าลอร์ดจะมีเรย์จู...ไม่สิ เครสท์ ซึ่งเป็นลวดลายเวทมนต์ประทับอยู่ที่ตัว ความซับซ้อนของลวดลายจะบ่งบอกถึงระดับของเครสท์ และเครสท์เองก็จะแสดงยศถาบรรดาศักดิ์ของลอร์ดคนนั้น ว่ามีความสามารถเพียงพอจะปกครองดินแดนกว้างใหญ่แค่ไหน สามารถจะทำพันธสัญญากับเมจได้กี่คน รวมไปถึงพลังพิเศษที่เครสท์แต่ละระดับจะทำได้ เช่นสร้างธงประจำตัวที่มีผลเป็นการบัฟกองทัพทั้งหมดของตัวเองเวลาออกรบเป็นต้น นอกจากนั้น เครสท์ยังสามารถที่จะส่งมอบ หรือช่วงชิงได้ รวมถึงการสวามิภักดิ์ยอมเป็นข้ารับใช้ของลอร์ดคนอื่น

การจะเป็นลอร์ดนั้นจะมี 2 วิธี 1. คือได้รับมอบมาจากคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นรางวัล หรือเป็นมรดกตกทอด และ 2. คือทำให้เคออสกลายเป็นคอสมอส และนำมาเป็นเครสท์นั้นเอง และก็แน่นอนว่าในยุคสมัยตามท้องเรื่อง ลอร์ดส่วนมากจะเป็นกันโดยวิธีที่1 และดันไม่ใช้พลังนั้นในการปราบเคออสเพื่อช่วยเหลือประชาชน แต่กลับใช้พลังที่มีมารบพุ่งกัน เพื่อแย่งชิงเครสท์และดินแดนซะนี่

เอาล่ะ เกริ่นกันมาเท่านี้คงพอละมั้ง พูดถึงเนื้อเรื่องกันบ้างดีกว่า เรื่องนี้จะเดินเรื่องโดยตัวเอกซึ่งเป็นผู้หญิงครับ นางเอกของเรื่องเป็นเมจที่เกลียดลอร์ดมาก (เพราะลอร์ดส่วนมากเป็นพวกที่1 ตามย่อหน้าข้างบน) เลยตั้งเป้าที่จะศึกษาเวทมนต์และไปเป็นอาจารย์สอนเวทมนต์แทน โดยไม่ทำพันธสัญญากับลอร์ด แน่นอนว่าอัจฉริยะอย่างเธอ กวาดปริญญาไปได้ 6 จากทั้งหมด 7 ใบแล้วในเวลาสั้นๆ แต่ช่วงเวลาที่กำลังจะเอาใบที่7 อันเป็นใบสุดท้ายของเมจ อะคาเดมี่นั้น เธอถูกลอร์ดนิสัยเสียที่ขึ้นชื่อว่าบ้าผู้หญิงมาก ใช้อำนาจการเมืองกดดัน ซึ่งไอ้หมอนี่จะทำสัญญากับเมจสาวเท่านั้น และต้องเป็นสาวเอ๊าะๆอายุไม่เกิน 25 คนที่เกินจะถูกยกเลิกพันธสัญญา แน่นอนว่านางเอกไม่ต้องการ แต่เพราะโดนเกมการเมืองของผู้ใหญ่ ตัวเองก็เลยถูกส่งตัวไปยังแคว้นของลอร์ดคนดังกล่าว

ระหว่างเดินทางไป เธอถูกโจรป่าลอบโจมตี แน่นอนว่าโจรธรรมดาๆ ไม่มีทางทำอะไรเมจอัจฉริยะได้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างงั้น พระเอก...ลอร์ดเร่ร่อน(หมายถึงลอร์ดที่ไม่มีดินแดนปกครอง) ก็เข้ามาช่วย แม้ฝีมือจะอ่อนหัด แต่ความจริงใจของเขาเป็นของจริง นอกจากนั้นเมื่อได้ฟังความคิดของลอร์ดหนุ่ม เมจสาวก็เปลี่ยนความคิดของตัวเองโดยทันที เธอตัดสินใจขัดคำสั่ง และขอทำพันธสัญญากับลอร์ดเร่ร่อนคนนี้ด้วยตัวเอง

พระเอกของเราเป็นลอร์ดประเภทที่2นั่นเอง เขาออกเดินทางฝึกฝนตัวเองเพื่อขจัดเคออส เหตุผลที่เข้ามาช่วยนางเอกก็เป็นเพราะเขามีความคิดว่าลอร์ดต้องช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน ความฝันสูงสุดคือการพัฒนาตัวเองจนเก่งพอที่จะเอาชนะลอร์ดชั่วร้าย เป็นทรราชที่ปกครองบ้านเกิดของตัวเองนั่นเอง เจ้าพระเอกของเราเป็นลอร์ดประเภทที่ไม่น่าจะมีตัวตนเหลืออยู่แล้วในยุคสมัยอย่างนี้ ความมุ่งมั่นและความจริงใจของเขากระแทกใจเธออย่างจัง เธอเข้าใจโดยทันทีว่านี่คือคนที่ตัวเองควรรับใช้ เป็นคนที่ตัวเองจะใช้ความสามารถทุกอย่างที่ตัวเองมีผลักดันเข้าไปให้ถึงจุดสูงสุดให้ได้

และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดครับ หลังจากนี้เมจสาวก็วางแผนที่จะทำให้ลอร์ดของเธอมีดินแดน มียศถาบรรดาศักดิ์ มีกองทหารของตัวเอง และมีอิทธิพลเพียงพอที่จะเปิดศึก ซึ่งรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ อ่านเอาในเรื่องนะ แค่นี้ก็สปอยจนจบบทนำละ 555+

การเดินเรื่องจะเดินเรื่องโดยใช้สงครามเป็นหลัก โดยนางเอกของเรื่องจะมีหน้าที่เหมือนเสนาธิการ วางแผนการรบ รวมถึงแผนทางการทูต ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆอย่างแยบยล เพราะแน่นอนว่า เนื้อเรื่องแนวสงครามแบบนี้ ฝั่งตัวเอกไม่มีทางได้เปรียบเลย 555+ ต้องเป็นการรบแบบที่เสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องกำลังทหาร

หน้าปกเล่ม1 ของภาค Adept ซึ่งเป็น Side Story ของเรื่องนี้
และ!! นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้น่าสนุกกว่าวานาดีส ทั้งๆที่รสชาติคล้ายกันครับ นั่นก็คือ ตัวเอกในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะพระเอกหรือนางเอก ก็ล้วนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ดังนั้นแผนการที่นางเอกวางไว้ ใช่ว่าจะเป็นแผนระดับเทพยังตะลึง ที่ล้ำลึกจนไม่มีใครเข้าใจ แยบยลจนศัตรูตั้งตัวไม่ทันแต่อย่างใด บางครั้งเธอก็ผิดพลาด บางครั้งก็ล้มเหลว บางครั้งก็ถูกกุนซือของฝั่งตรงข้ามรู้ทันแล้วตลบหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการศึกกับลอร์ดระดับสูงๆ ไม่มีทางที่ผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ระดับนั้น และบริวารของเขาจะโง่เขลาไปกันหมด เพราะถ้าโง่ก็คงปกครองผู้คนไม่ได้หรอกเนอะ ดังนั้นเล่ห์เหลี่ยม การชิงไหวชิงพริบ การหลอกใช้ การซ้อนแผน การวางกับดัก สงครามบนโต๊ะของเหล่าเสนาธิการก็เลยเกิดขึ้น

ในขณะเดียวกัน ภาคสนามเองก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เนื่องจากตัวบู้เทพๆในเรื่องนี้ ไม่ได้มีพลังขนาด 1ต่อ1,000 ก็สู้ได้สบายๆ ไม่ได้มีพลังพิเศษที่แค่ชักดาบออกมาตะโกน เอ็กคุซุคาลิบ้าาาา แล้วศัตรูก็ถูกเป่ากระเด็นไปเป็นร้อย แต่เป็นมนุษย์ธรรมดา แค่สู้ 1 ต่อ 10 ก็นับว่ายอดคนมากแล้ว ทำให้เหตุการณ์ที่นิยายเกรด3ชอบใช้อย่างการเอาตัวเทพแหกกองทัพศัตรูไปด้วยพลังแห่งมิตรภาพ หรือพลังพิเศษเฉพาะตัว บลาๆๆ นั้นไม่เกิดขึ้นในนิยายเรื่องนี้ อารมณ์ว่า แม้จะมีแม่ทัพเก่งกาจระดับเทพเจ้ากวนอู ก็ยังไม่สามารถชนะศึกได้ด้วยการพึ่งเขาคนเดียวนั่นเอง เป็นความสมจริงที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกสนุกมากขึ้นไปอีก

เรียกได้ว่าเป็นแฟนตาซีแห่งดาบและเวทมนต์ในยุคสงครามที่สร้างความประทับใจได้เกิดหน้าเกิดตาเรื่องอื่นอยู่พอสมควร

ข้อเสียอย่างเดียวของเรื่องนี้คือ ทั้งๆที่วางรายละเอียดไว้ค่อนข้างเนียนตาขนาดนี้ มีแม้กระทั่งสงครามจิตวิทยา หรือการคาดเดาลักษณะนิสัยของเสนาธิการฝั่งตรงข้ามเพื่ออ่านแผนให้ออก แต่ดันไม่ได้สนใจความคิดของเหล่าทหารเลวเลยแม้แต่น้อย ยกตัวอย่างเช่น ในการศึกครั้งหนึ่ง กองทัพของตัวเอก มีจำนวนน้อยกว่าฝั่งตรงข้าม 5-6 เท่า หนำซ้ำยังเป็นทหารชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาสดๆร้อนๆ ฝึกฝนได้ไม่ถึงอาทิตย์ ทำให้ชาวบ้านจำคำสั่งได้แค่ แบบไหนคือเดินหน้า แบบไหนถึงถอยทัพ เท่านั้นเอง แต่กลับไม่มีท่าทีตื่นกลัว หรือระส่ำระส่ายเวลาเผชิญหน้ากับฝั่งตรงข้ามเลย นี่พวกแกใส่สูตรโกงทำ max morale เหรอไงฟ่ะ จะไม่กล่าวถึงสักหน่อยเหรอ ว่าพวกตัวเอกทำยังไงถึงปลุกใจทหารได้

ในส่วนสนพ.ของไทยเอง เรื่องนี้มีการพิมพ์ผิดเล็กๆน้อยๆอยู่หลายจุด ซึ่งไม่กระทบกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่ เพียงแต่ความเยอะของมันก็ทำให้รู้สึกรำคาญๆอยู่บ้าง และก็ แม้จะเข้าใจว่าเล่มมันหนา ต้นทุนหลายๆด้านก็เลยสูงขึ้น จนทำให้ราคาของมันสูงกว่าเล่มอื่นๆอยู่ก็เถอะ แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อคนที่ทรัพย์จางอยู่ไม่มากก็น้อย ตรงส่วนนี้ก็ต้องตัดสินใจเอานะครับ
ความน่าสนใจ : 5/5

18/4/59

Rensa no Carneades / หักเหลี่ยมเซียนพิชิตกลเกมมรณะ

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Investigate, Thriller
จำนวนเล่ม : 2 เล่มจบ
เรื่องย่อ : "ทากะจัง ช่วยด้วย"

วันหนึ่งซาโอโตเมะ ทาคาชิ เด็กมัธยมสี่ติดเกมก็ได้พบกับข้อความของเพื่อนสมัยเด็กที่น่าจะตายไปแล้ว และในทันทีที่เขาตอบกับคำถามประหลาดๆว่า "กรุณาเลือกเกมที่ชอบ" ซึ่งถูกส่งเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ ทาคาชิก็ถูกพาไปยังโลกที่ไม่รู้จักเพื่อเล่นเกม

นอกจากเขาแล้ว ยังมีเด็กหนุ่มสาวที่แต่งกายแตกต่างกันไปอีกสิบสองคนมารวมตัวกัน แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังดื่มด่ำกับความสามารถพิเศษที่ได้รับมานั้น กลับมีผู้เล่นคนหนึ่งเกมโอเวอร์ไป และพวกเขาก็ต้องได้รับฟังกฎและเงื่อนไขอันน่าสิ้นหวัง ซึ่งพวกเขาไม่มีทางหนีไปได้

เกมเซอร์ไววัลเอาชีวิตรอดของหนุ่มสาวทั้ง 13 เริ่มขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : Rensa no Carneades ที่ชื่อญี่ปุ่นเขียนว่า カルネアデス (karuneadesu) แต่ออกเสียงว่า Carneades จ้า แต่ถ้าให้เรียกง่ายๆกว่านั้น เรียกมันว่า Danganronpa ภาคใหม่ก็ได้นะ 555+

เรื่องราวของเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมาก เอา Danganronpa มารวมกับแนวเกมออนไลน์นั่นเอง หรือพูดให้ชัดๆก็คือเป็นแนวที่ตัวเอกหลุดเข้าไปในเกมออนไลน์ และก็แน่นอน ตามมาตรฐานพล็อตแนวนี้ เกมออนไลน์นี้ log out ไม่ได้ 555+ มันก็แหงอยู่แล้วล่ะ แทบจะเป็นกฎพื้นฐานของนิยายแนวนี้ไปล่ะ และก็แน่นอนว่าความเบสิคยังไม่จบแค่นั้น การเกมโอเวอร์ในเกมนี้ก็ตายนะจ๊ะะะะ

ส่วนคอนเซ้ปของเกมนี้จะไม่ใช่ MMORPG ในโลกแฟนตาซีแต่อย่างใด แต่จะเป็นเซอร์ไววัลเกม ที่เพลเยอร์จะต้องฆ่ากัน โดยมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะกลับออกไปยังโลกจริงได้

แต่ถ้าจะให้ฆ่ากันอย่างไร้รสนิยมมันก็ไม่สนุก โมโนคุมะ...เอ๊ย เวต้าจัง เกมมาสเตอร์ประจำเกมนรกนี้ก็เลยตั้งกฎขึ้นมาว่า คนที่จะฆ่า ต้องส่ง sms มาให้เวต้าจังก่อน ว่าตัวเองจะลงมือฆ่าแล้วนะ แต่ไม่ต้องบอกว่าฆ่ายังไง บลาๆๆ นะ รายละเอียดไม่ต้อง ขอแค่บอกว่าจะลงมือก็พอ เวต้าจังจะได้ประกาศให้ทุกคนรู้อย่างพร้อมเพรียงกันว่ามีคนประกาศว่าจะฆ่าคนอื่นแล้วนะ เตรียมตัวเตรียมใจฆ่ากันได้แล้ว หากคนส่ง sms ฆ่าสำเร็จก็จะเคลียร์ อ๊ะ แต่ถ้าลงมือแล้วพลาด ตัวเองก็เกมโอเวอร์นะ

แน่นอนว่าการฆ่า ถ้าให้ฆ่ากันด้วยวิธีการปกติมันก็ไม่สนุก เวต้าจังเลยให้พลังพิเศษไปคนล่ะอย่าง คล้าย Danganronpa ที่ตัวละครแต่ล่ะตัวจะเป็นอัจฉริยะทางด้านต่างๆ เรื่องนี้ก็เช่นกัน ตัวเอกจะได้พลังพิเศษจากเกมที่ตัวเองถนัดไป ยกตัวอย่างเช่น สาวน้อยมอนฮัน ผู้มีพลังพิเศษแบบเกมมอนฮัน หรือไอ้หนุ่มสตรีทไฟเตอร์ที่มีพลังพิเศษแบบตัวละครสตรีทไฟเตอร์ หรือพลังพิเศษสายบุ๋น เช่น ไอ้หนุ่ม objection ที่สามารถสอบสวนชาวบ้านได้ และคำตอบที่ได้มานั้น จะเป็นข้อเท็จจริงที่เชื่อถือได้แน่นอน

แต่พลังพิเศษแบบนั้น มันก็ไม่สมดุล ดังนั้นผู้ที่มีพลังพิเศษแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็จะแบกรับความเสี่ยงที่จะพลังจะล้มเหลวจนทำลายตัวเองจนเกมโอเวอร์ไว้มากเท่านั้น ส่วนผู้ที่พลังพิเศษอ่อนแอ ความเสี่ยงก็จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนแทบจะถือว่าไม่มีเลยก็ได้ เป็นต้น ดังนั้นเลยเป็นสไตล์ที่จะพึ่งพาพลังพิเศษอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าไม่มีหัวคิด ก็ไร้ค่า

ซึ่งไอ้พระเอกของเราก็เป็นผู้ใช้พลังพิเศษจากเกมแนว Strategy (เกมวางแผน ตั้งฐาน รบกันน่ะ) เป็นสายบุ๋นเต็มสูบ เพราะใครที่เล่นเกมแนวนี้คงจะรู้กันอยู่แล้ว มันเป็นเกมที่เน้นสกิลเพลย์จากเพลเยอร์ในการคิด การวางแผน ส่งยูนิตกลุ่มนั้นไปทางนั้น ส่งยูนิตสอดแนมนี้ไปทางนี้ ควรส่งยูนิตไหนโจมตีตอนไหน ควรขยับยูนิตไหนไปตรงไหน อีกฝั่งเคลื่อนไหวแบบนี้ เราควรทำยังไง บลาๆๆ 

และพระเอกมันตั้งเป้าที่จะไม่ยอมฆ่าใคร แต่หันความเป็นศัตรูไปหาเวต้าจัง เกมมาสเตอร์ และผู้ที่อยู่เบื้องหลัง จะไม่ยอมเล่นไปตามเกมของเวต้าจังหรอก ส่วนเวลาที่เวต้าจังประกาศ sms เขาและคนอื่นๆที่เขาคิดว่าเชื่อใจได้ในตอนนั้น ก็จะสืบหาตัวจริงของคนส่ง sms เพื่อจะได้ระวังตัวกัน ประมาณนั้น เป็นอารมณ์แบบ Danganronpa น่ะแหละ แต่เรื่องนั้นจะหาตัวฆาตกร ส่วนเรื่องนี้จะหาตัวคนที่กำลังจะเป็นฆาตกร

อาา แต่เป้าหมายของเขาจะเป็นจริงหรือไม่ เพราะเบสิคแล้ว เนื้อเรื่องทำนองนี้ ฝั่งเกมมาสเตอร์จะต้องมีคนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มเพลเยอร์อยู่แล้วในฐานะเพลเยอร์คนนึง เวลาที่เพลเยอร์ไม่ยอมให้เกมดำเนินต่อ คนๆนี้ซึ่งปะปนอยู่ในกลุ่มเพลเยอร์ก็ต้องหาทางสร้างสถานการณ์ขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการลงมือเอง หรือหลอกล่อให้เพลเยอร์คนอื่นลงมือก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

รวมๆแล้วเลยยังหาจุดที่แตกต่างจาก Danganronpa อย่างเห็นได้ชัดไม่เจอเลยอะนะ อรรถรสในการชิมเรื่องนี้มันค่อนข้างคล้ายกัน เป็น LN โคลนไม่ผิดแน่ เพียงแต่ว่า ในไทยมันไม่มี LN แบบ Danganronpa เลยนี่นา ถ้าจำไม่ผิด LN ที่ถูก LC เข้ามายังไม่มีแนวนี้เลยด้วยสิ ถ้ามองจากมุมของคนที่ไม่ได้เสพยุ่น เรื่องนี้ก็เลยน่าสนใจเป็นธรรมดาล่ะนะ แม้ว่าที่ยุ่นจะถูกตัดจบก็เถอะ
ความน่าสนใจ : 3/5

17/4/59

Mojo-kai no Futekisetsu na Nichijou / ชมรมสาวเพื้ยนไขคดีผี 4 มิติ

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Romantic Drama
จำนวนเล่ม : 3 เล่มจบ
เรื่องย่อ : "ชมรมสมาคมชายหญิงร่วมสร้างชีวิตในโรงเรียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น" หรือที่โดนคนทั่วไปย่อแบบเพี้ยนๆว่า "ชมรมสาวต้องสู้" ของพวกผมเป็นชมรมที่ไม่มีคนนิยม แต่กระนั้นสมาชิกชมรมก็เป็นคนที่มีชีวิตชีวา ทั้งน้องสาวบุญธรรมขี้โวยวาย สาวน้อยนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง และรุ่นพี่แสนสวยที่รักของผม

แม้กิจกรรมชมรมอาจจะเพี้ยนๆ ไม่เหมือนชาวบ้าน แต่เราก็อยู่กันอย่างสงบสุข จนกระทั่งเจอเด็กสาวคนนั้น นั่นทำให้ผม ฮานาวะ เมงุรุรู้ว่าชีวิตประจำวันของพวกนั้น จริงๆแล้วไม่สมเหตุสมผล...

เด็กสาวที่เรียกตัวเองว่า ไอ ดอ ล่า นั้นปรากฎตัวต่อหน้าผมและสอนผมย้อนเวลาเพื่อแก้ไขอดีตที่ทำให้ผมต้องจบชีวิตลงพร้อมกับเงื่อนงำปริศนาที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน
ความเห็นส่วนตัว : Mojo-kai no Futekisetsu na Nichijou หรือ Mojo-kai no I-do-la na Nichijou นั้นเป็นเรื่องที่อ่านรอบ2รอบก็ยังไม่รู้เรื่องเลย ไม่ว่าจะอ่านของยุ่นหรือของไทยก็ไม่รู้เรื่อง..........แต่นั่นไม่ได้เป็นเพราะคนแปลแปลไม่ดี หรือคนแต่งบรรยายไม่ดีอะไรนะครับ แต่เป็นเพราะเนื้อเรื่องมันโหด และซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกิน จนไม่คิดเลยว่าจะเป็นผลงานของคนเขียนยายะหุ่นหื่น

และเพราะระดับความซับซ้อนของเรื่องราวสูงเกิน ผมจะพยายามพูดถึงตามความเข้าใจที่น้อยนิดของตัวเอง โดยที่ระวังให้สปอยน้อยที่สุดนะครับ

เรื่องราวนั้นจะเปิดฉากแบบเลิฟคอมในรั้วโรงเรียนทั่วไป ที่ระดับความสมเหตุสมผลต่ำ แต่เพราะเรื่องนี้ความไม่สมเหตุสมผลเป็นธีมอยู่แล้วก็เลยปล่อยผ่านได้ (แต่ตอนอ่านครั้งแรกก็ไม่รู้นะ เลยหงุดหงิดอยู่ช่วงนึงเหมือนกัน 555+)

จนกระทั่งพ้นช่วงแนะนำตัวไป ผู้อ่านรู้จักตัวละครในเรื่องครบถ้วนดีแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงดราม่าทันที ตัวหลักล้มตาย กระทั่งพระเอกเองก็ด้วย แต่แล้วพอพระเอกของเรารู้สึกตัวอีกที เขาก็มาอยู่ในโลกแปลกๆ และตรงหน้ามีสาวสวยปากร้ายและออกจะซึนเดเระอยู่หน่อยๆอยู่ด้วย หลังจากพูดคุยกัน พระเอกก็พอจะจับประเด็นได้ว่า ตัวเองเป็นมนุษย์จำพวกหนึ่ง ที่หลุดออกมาจากการไหลของกระแสแห่งกาลเวลา อันเป็นโลก4มิติ ไม่ได้อยู่ในแกนเดียวกับโลกเดิมที่ตัวเองอยู่ ซึ่งเป็นโลก3มิติ (ใครเข้าใจทฤษฎีของไอน์สไตน์น่าจะเข้าใจนะ)

หลังจากนั้นก็ทฤษฎีมาเต็มครับ เป็นช่วงที่อ่านแล้วเข้าใจยากมาก แต่เอาเป็นว่าพอจะสรุปได้ว่า เมื่ออยู่ในโลก4มิติ อันเป็นมิติที่มีแกนเวลาเพิ่มเข้ามาด้วย พระเอกก็เลยสามารถเดินทางข้ามเวลาได้ ส่วนประเด็นที่ว่าจะเกิดทฤษฎีโลกคู่ขนานเอย ไทม์พาราด็อคเอย โลกเอกเทศ บลาๆๆ อันนั้นไปพยายามทำความเข้าใจกันเองในเรื่องนะครับ บอกแค่ว่า พระเอกมันก็เลยพยายามจะใช้การย้อนเวลานี้ ช่วยเหลือพวกพ้องทั้งหมดนั่นเอง

แต่ระหว่างที่ย้อนเวลาช่วยเหลือพรรคพวก ปริศนาต่างๆก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นทุกทีๆ ความจริงค่อยๆปรากฎขึ้นมาเรื่อยๆ....แต่ เอ๊ะ ในเมื่อคนในโลก4มิติสามารถย้อนเวลา แล้วเข้าแทรกแซงอดีตได้ แล้วเหตุการณ์ไหนคือความจริงที่แท้จริงอันเป็นดั่งเดิมของโลก3มิติมาตั้งแต่ต้นล่ะ ความบิดเบี้ยวที่เกิดขึ้นนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากตรงไหน ไทม์พาราด็อคคือตรงไหน โลกไหนคือเอกเทศที่ตัดขาดจากโลกก่อนหน้าแล้ว และไม่มีผลกระทบไปโลกถัดไป และที่สำคัญที่สุด ใครใน4มิติ ที่เป็นคนยื่นมือเข้ามาสร้างความบิดเบี้ยวใน3มิติตั้งแต่ต้น

อาาา ซับซ้อนซ่อนเงื่อน หลอกลวง ทรยศ หักหลัง เข้าใจผิด เศร้าโศก เสียใจ บลาๆๆ เยอะแยะมากมาย เป็นเรื่องราวที่อยากแนะนำให้อ่านรวดเดียวจบ เพื่อให้งงน้อยที่สุด (คือยังไงก็น่าจะงงนะ 555+) และสัมผัสถึงความสนุกของเรื่องราวที่มาพร้อมกับความงง แต่พูดมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่งั้นสปอยแน่

ส่วนทางสนพ.ไทยนั้น นอกจากราคาที่สูงกว่าทุกทีนิดหน่อย อย่างอื่นก็ปกติครับ อ้อ ในเล่มมีจุดพิมพ์ผิดที่นึง และอาจทำให้คนอ่านสตันไปยาวๆได้อยู่นะ ก็คือ เขาเขียนชื่อตัวละครผิดอะ ในฉากเป็น A กับ C แต่ในย่อหน้านึง มี B โผล่มาซะงั้น จริงๆคือตรงนั้นต้องเป็น A ไม่ก็ C อะแหละ B มันไม่ได้วาบมาแต่อย่างใด ซึ่งถ้าเป็นเรื่องทั่วไปก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่เรื่องนี้ เรื่องราวมันซับซ้อนอยู่แล้ว พอผิดตรงนั้นก็เลยจะทำให้สตันกันง่ายๆเลย 555+ อ่านแล้วก็ตั้งสติกันหน่อยนิ

โดยรวมแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ตลาดแน่นอน แต่น่าสนใจไม่สุด เพราะต้องใช้ความสามารถในการทำความเข้าใจสูงพอสมควร เหมาะกับคนชอบเสพเนื้อเรื่องเป็นที่สุด แต่กับคนที่ชอบเซอร์วิส เสพตัวละคร ขอบอกว่า พลาดแล้ว 555+ นอกจากบทแรกๆที่เป็นเลิฟคอม เลยมีเซอร์วิสอันแสนจะน้อยนิดราวกับโอเอซิสกลางทะเลทราย ที่เหลือก็เป็นทุ่งกว้างอันแสนโหดร้ายที่เต็มไปด้วยพายุแห่งเรื่องราวของความสับสน ที่ถ้าไม่ตั้งสติดีๆก็อาจจะถูกดูดกลืนไปได้ง่ายๆ

ส่วนจำนวนเล่มนั้น คิดว่าไม่น่าจะเป็นเพราะถูกตัดจบนะ แต่พล็อตมันยืดเรื่องได้ยาก ก็เลยจบตามโครงเรื่องมากกว่าล่ะมั้ง เอาจริงๆตอนอ่านเล่ม1จบ ความรู้สึกมันยังเหมือนๆเป็นนิยาย 1-2 เล่มจบเลย การที่มีเล่ม3นี่เซอร์ไพร์สพอสมควรแล้ว 555+
ความน่าสนใจ : 4/5