16/12/58

Mushoku Tensei -Isekai Ittara Honki Dasu- / เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ

สำนักพิมพ์ : Dexpress
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 7 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : หนุ่มว่างงานอายุ 34 ปี ที่เกาะพ่อแม่กินไปวันๆ เมื่อพ่อแม่จากไป พี่น้องก็ทนไม่ไหวไล่ตะเพิดเขาออกจากบ้าน ขณะกำลังสิ้นหวังและนึกเสียใจ เขาก็ถูกรถบรรทุกชนตาย

ทว่า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองเกิดใหม่ในโลกต่างมิติแห่งดาบและเวทมนต์

แม้ช่วงแรกจะรู้สึกสับสน แต่เขาก็ตัดสินใจใช้ความรู้และประสบการณ์ที่หลงเหลือจากชาติที่แล้ว เพื่อเริ่มชีวิตใหม่ให้เป็นผู้เป็นคน

นิยายแฟนตาซีแนวกลับชาติมาเกิดใหม่เพื่อแก้ไขชีวิตให้เป็นดั่งใจหวังได้เปิดฉากขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เนื่องจากเคยเป็นนิยายบนเวบมาก่อน แนวเรื่องก็เลยค่อนข้างจะมาตรฐานอย่างที่เห็นครับ อารมณ์แบบว่าแนวไหนเขียนแล้วเวิร์ค ก็จะมีคนอื่นเขียนตามกันเป็นกระบวน (แบบเด็กดีของไทยเรา)


แต่แม้เรื่องนี้จะเป็นสไตล์ระลึกชาติได้ แต่พระเอกก็ไม่ได้เทพขึ้นมาแบบไม่มีเหตุมีผลเหมือนนิยายเกรดล่างทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่คนเขียนพยายามถ่ายทอดความพยายามของพระเอก ภายใต้ธีมของเล่มแรกที่ว่าพระเอกมันนึกเสียใจกับความล้มเหลวในชาติที่แล้ว และต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และยังเน้นที่เรื่องราวของพระเอกตั้งแต่เกิดเลยทีเดียว (เล่มแรกเป็นช่วงทารกจนถึงราวๆ 7 ขวบ) ทำให้เราจะเห็นว่า เขาใช้ความผิดพลาดในชาติที่แล้วของตัวเองเป็นบทเรียน และพยายามแก้ไขไม่ให้ผิดซ้ำสอง ทั้งยังพยายามศึกษาหาความรู้ใส่ตัวไม่มีหยุด ฝึกฝนดาบ ฝึกฝนเวทมนต์ ช่วยทำงานบ้าน เลี้ยงดูน้อง ฯลฯ

จะมีจุดที่แตกต่างจากชาติที่แล้วก็ตรงที่พ่อของเขาเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ มีสาวๆในฮาเร็มเยอะแยะมากมาย พระเอกมันก็เลยได้รับการสั่งสอนเรื่องการสร้างฮาเร็มมาจากพ่อนี่สิ (เอ็งสอนเด็ก 5 ขวบให้สร้างฮาเร็มนี่นะ พ่อแม่งเจ๋งจริง 555+) โชคดีที่พระเอกมันระลึกชาติได้ เนื้อในเลยเป็นตาลุงอายุ 30 กว่าๆในคราบหนุ่มน้อยอัจฉริยะ + ด้วยสกิลสร้างฮาเร็มที่พ่อสั่งสอนมา อาาาาา แบบนี้ไปรุ่งแน่นอน 555+

ในแง่ของการเดินเรื่องก็นับว่าแปลกใหม่ ขนาดผมคิดว่าตัวเองอ่านนิยายมาเยอะพอสมควร ก็ยังคาดเดาเรื่องราวได้ลำบากเลย แบบนึกไม่ถึงว่าจะไปทางนั้นแฮะ เห็นเกริ่นมาแบบนู่น คิดว่าจะเข้าสู่เรื่องราวตลาดซะอีก ผิดคาดเลย อะไรเทือกนั้น แต่ขอไม่ลงลึกในรายละเอียด ไม่งั้นสปอยแน่นอน

โดยรวมแล้วเลยเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมาก ขนาดว่าในเวบต่างประเทศนั้น เห็นหลายคนยกให้เป็นหนึ่งใน LN ที่ดีที่สุดเลยทีเดียวเชียว

จะน่าเสียใจก็ตรง LC ในไทยนี่แหละ มันตกเป็นของสนพ.ที่ขึ้นชื่อว่าราคามหาโหด ทำให้ไม่กล้าแนะนำสักเท่าไหร่ พูดได้แค่ว่า ถ้าใครไม่ซีเรียสกับราคาก็น่าจะลองซื้อดูครับ ส่วนคนที่ซีเรียสและมีสกิลภาษาญี่ปุ่นเพียงพอ ผมรู้ว่าพวกคุณหาทางได้ ในขณะที่คนซีเรียสกับราคาแต่สกิลไม่ถึงก็......พยายามเข้านะ สักทาง 555+
ความน่าสนใจ : 4/5

22/11/58

Death March kara Hajimaru Isekai Kyousoukyoku / โศกนาฏกรรมต่างโลกเริ่มต้นจากเดธมาร์ช

สำนักพิมพ์ : First Page Pro
แนวเรื่อง : Harem Fantasy
จำนวนเล่ม : 5 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : "ซาตู" ซูสุกิ อิจิโร (29) โปรแกรมเมอร์ซึ่งกำลังง่วงอยู่กับงานอย่างเอาเป็นเอาตายได้เผลองีบหลับไป แต่พอรู้สึกตัวอีกครั้งตอนที่ลืมตาขึ้น เขาก็ถูกนำมาปล่อยไว้ยังต่างโลก

ระหว่างที่สัตว์ประหลาดฝูงใหญ่ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนนั้น ได้แห่เข้ามาเล่นงานโดยไม่ทันตั้งตัว ทันใดนั้นฝนดาวตกก็ได้โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า และพอรู้สึกตัวอีกที ก็ได้เลเวลกับทรัพยากรมาเพียบ

ตำนานการผจญภัยต่างโลกที่ "ซีเรียสนิด ฮาเรมหน่อย" ของซาตู จึงเริ่มต้นขึ้นด้วยประการฉะนี้
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้ชื่ออังกฤษ และเป็นชื่อที่ถูกใช้บนปกหลังคือ Death Marching to the parallel world rhapsody ครับ ว่าแต่ทำไมไม่ใช้ชื่อยุ่นว้า หาข้อมูลยาก 555+

ว่าแต่ว่า เรื่องนี้ก็เป็นแนวแฟนตาซีแบบหลุดไปต่างโลกอันเป็นพล็อตมาตรฐานครับ และยังเพิ่มรายละเอียดว่าโลกแฟนตาซีแห่งนั้นเป็นโลกที่มีรายละเอียดคล้ายเกม MMORPG เข้าไปอีก ความรู้สึกแรกเริ่มก็เลยไม่ได้มีอะไรประทับใจสักเท่าไหร่

แต่พออ่านไปจนจบแล้วต้องบอกว่าน่าเสียดายมากเลย เป็นนิยายแนวนี้เรื่องที่3ในชีวิตที่เคยอ่านแล้วรู้สึกว่าเสียดายมาก ที่คนเขียนใส่ความเป็นเกมเข้ามาในเรื่อง (เรื่องที่2เป็นนิยายไทย) คือถ้าเป็นแฟนตาซีเฉยๆ ไม่มีความเป็นเกม มันจะสนุกกว่านี้เยอะเลยนะเนี่ย แต่พอพยายามตามกระแสตลาดจนเรื่องราวของตัวเองขัดแย้งกัน ความสนุกมันก็เลยตกลงเห็นๆ

(ย่อหน้านี้สปอย) พูดลงรายละเอียดก็คือ พอหลุดมาต่างโลกปุบ ตัวละครเลเวล1 ก็ไปโผล่กลางดงมอนสเตอร์เลเวล50+ เป็นฝูง แต่ถึงอย่างงั้นมันก็เล่นมุกแบบนิยายแนวนี้ของจีนสมัยเมื่อราวๆ 10 ปีก่อน นั้นก็คือ พระเอกมันจะมีเหตุที่ทำให้ชนะมาได้ และก็ได้รับ EXP และไอเทมมหาศาล กลายเป็นเทพทรูที่สมบูรณ์แบบทั้งความโหดของตัวละครและทรัพย์สินที่มีไปในพริบตาเดียว แถมพระเอกมันเทพกว่านั้นตรงที่ นอกจากล้างบางมอนสเตอร์ระดับบอสที่โหดขนาดที่ว่าทำลายโลกได้ในชั่วพริบตาแล้ว มันยังเผลอฆ่าเทพไปแบบไม่ได้ตั้งใจด้วย โกงขนาดนั้นเลย สังหารพระเจ้าได้ง่ายยิ่งกว่าสั่งน้ำมูก เหอๆ

(ย่อหน้านี้สปอย) หลังจากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรล่ะครับ พระเอกได้รับสกิลต่างๆมาอย่างง่ายๆ แถมด้วยความที่มี skill point ไร้ขีดจำกัด (คือมันผลาญราวกับไม่มีขีดจำกัดจริงๆ) อัพสกิลทุกสิ่งทุกอย่างหมด เรื่องราวก็เลยดำเนินไปราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาย ต่อให้เจอมอนสเตอร์ที่เก่งกาจแค่ไหน แค่เพียงมันโยนเศษเหรียญใส่ก็ตายกลายเป็นฝุ่น อยากได้อะไรก็ใช้ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแบบงงๆตั้งแต่เริ่มเกมซื้อทันที ล้างผลาญเข้าไป ใส่สูตรสเตตัสทุกอย่าง +999 เงิน +9999999999 มาแล้ว ไม่มีหวั่น ประมาณนั้นเลย

ทั้งหลายทั้งปวงมันเลยทำให้การวางเรื่องว่าเป็นคล้ายๆเกมออนไลน์มันไม่เมคเซ้นส์อย่างรุนแรง

แต่ถ้าพยายามตัดเรื่องนั้นออกไป อย่าไปมองว่ามันเป็นเกมออนไลน์ มันก็จะเป็นแฟนตาซีฮาเร็มเรื่องหนึ่งครับ ที่พระเอกเพรียบพร้อมไปซะทุกอย่าง รายล้อมด้วยสาวสวย ผจญภัยในโลกต่างมิติ ประมาณนั้น

และไม่รู้เป็นเพราะอิทธิพลจากเกมฝึกทาสที่เล่นไปก่อนหน้ารึเปล่าไม่รู้ (ใครตามเพจ Facebook ผมอยู่ด้วย คงเห็นแหละ เอามาแนะนำในเพจไปรอบนึงแล้วนิ) ทำให้เรื่องราวในเล่ม1อ่านแล้วค่อนข้างอินพอสมควร เพราะมีทาสสาวๆโผล่มาเยอะทีเดียว 555+ แต่อย่างว่าแหละ ต้องพยายามตัดเรื่องเกมออนไลน์ออกจากเรื่องก่อนนะ

ทางด้านสนพ.ไทยก็ไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องรูปเล่มและการแปลครับ บางประโยคอาจจะขัดๆนิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วอยู่ในเกณฑ์พอรับได้ ขนาดเล่มก็ใหญ่กว่าชาวบ้านชาวช่องเค้าตามสไตล์อยู่แล้ว ราคาเองก็สูงลิ่วกว่าเรื่องอื่นๆเกือบ 2 เท่าเป็นปกติ (แพงเป็นปกติ 555+)

โดยรวมแล้วเลยเป็นเรื่องที่เหมาะสำหรับคอแฟนตาซีแบบไม่ค่อยคิดอะไรมากเท่าไหร่ ชื่อชอบเรื่องราวการผจญภัยในต่างโลก (และมีทรัพย์ในกระเป๋าเพียงพอ) ส่วนคนที่อยากอ่านอะไรที่มันเมคเซ้นส์บ้างอะไรบ้างก็อาจจะไม่ค่อยชอบล่ะมั้ง ชีวิตพระเอกมันโรยด้วยกลีบกุหลาบซะเหลือเกินนี่นา สงสัยว่าแม้แต่เรียลจูก็ยังอิจฉาเลยมั้ง
ความน่าสนใจ : 3/5

21/11/58

Taimadou Gakuen 35 Shiken Shoutai / หมวดเตรียม 35 ล่าทรชนเวท

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 11 เล่ม - ยังไม่จบ (มี Side story อีกเล่มด้วย)
เรื่องย่อ : ในโลกที่ผู้ครอบครองพลังเวทมนตร์กำลังสูญสิ้น ขั้วพลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดค่อยๆเปลี่ยนมือจาก ดาบ เป็นเวทมนตร์ ไปสู่ปืนในที่สุด

ในองค์กรอบรม เจ้าหน้าที่ไต่สวนคนนอกรีต ผู้คอยสอดส่องภัยคุกคามจากเวทมนตร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ซึ่งรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า โรงเรียนต่อต้านเวทมนตร์ คุซานากิ ทาเครุ คนนอกคอกซึ่งใช้ปืนไม่ได้และสู้ด้วยดาบเพียงเล่มเดียวกำลังศึกษาอยู่ที่นั่น เขาเป็นผู้นำของหมวดทดสอบที่สามสิบห้าซึ่งมีชื่อเล่นว่า หมวดปลาซิว อันเป็นสถานที่ที่รวมเหล่านักเรียนไม่เอาไหนไว้ด้วยกัน

แต่แล้ววันหนึ่ง กลับมีการบรรจุ โอโทริ ไอกะ หัวกะทิระดับสูงผู้ใช้ปืนพกและมีใบรับรองคุณวุฒิ นักล่าแม่มด เข้ามาในหมวด ทาเครุซึ่งเป็นหัวหน้าหมวดก็ได้พาพวกโอกะออกไปรวบรวมมรดกเวทมนตร์ตามหน้าที่

ทว่า สิ่งที่จะนำเอา วีรชน ผู้หวนคืนชีพกลับคืนสู่ผืนดินได้นั้น จะเป็นปืนของเธอ หรือว่าดาบของเขากันแน่
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้เรียกอีกอย่างว่า Taimadou Gakuen Sanjuugo Shiken Shoutai หรือในชื่ออังกฤษว่า AntiMagic Academy "The 35th Test Platoon" และถ้าจำไม่ผิด น่าจะมี Anime ด้วยมั้ง

มันเป็น Action Fantasy ในรั้วโรงเรียนที่อัพเกรดขึ้นมาหน่อย มาเป็นโรงเรียนเตรียมทหาร แถมยังใส่ออฟชั่นเป็นการต่อสู้กับเหล่าเวทมนต์ไว้ด้วย พล็อตคร่าวๆสนพ.เขียนไว้หลังปก หรือก็คือตรงเรื่องย่อด้านบนแล้ว ซึ่งรวมๆก็ตามนั้นเลย

ทางด้านคาแรคเตอร์นั้น คู่พระนางจะค่อนข้างมีจุดเดือดต่ำ หากมีใครมาดูถูกดาบ พระเอกจะโกรธจนลืมตัว อัดไม่ยั้ง ในขณะที่นางเอกจะโกรธจนลืมตัวต่อเมื่อเจอกับแม่มด หรือเวทมนต์ โดยเฉพาะยัยนางเอกที่ฆ่ามาเยอะจนโดนพักงาน นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีคาแรคเตอร์อะไรเป็นพิเศษ


เหล่านางรองเองก็มีทั้งสไนเปอร์โลลินมโตจอมซุ่มซ่าม ที่ซุ่มยิงผิดตึก เข้าใจผิดว่าพวกเดียวกันเป็นศัตรูแล้วสาดกระสุนมา บลาๆๆ กับแมดไซแอนทิส(ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก)โรคจิตที่เวลางานชอบดัดแปลงอาวุธให้มีศักยภาพสูงลิ่วแบบไม่สนใจเลยว่าจะมีใครใช้ได้มั้ย ส่วนนอกเวลางานก็จับชาวบ้านคอสเพลย์แล้วถ่ายรูปบ้างล่ะ แอบสโต้กแล้วเอารูปมาแบล็คเมลบ้างล่ะ เป็นโรคจิตในอีกความหมาย

ซึ่งเอาจริงๆแล้ว โดยรวม ถ้าดูทั้งพล็อต ทั้งคาแรคเตอร์ มันผสานกันลงตัวจนน่าจะสนุกด้วยซ้ำนะ แต่สงสัยเป็นเพราะการเดินเรื่องไม่ค่อยดีล่ะมั้ง มันก็เลยอ่านแล้ว นอกจากตรงฉากแอคชั่นจะไม่ค่อยรู้สึกสนุกเลย

(ย่อหน้านี้สปอย) ยิ่งพอมาประกอบกับฉากต่อสู้กับลาสบอสของเล่มอันเป็นไคล์แม็กซ์ ดันอ่านแล้วสัมผัสได้ถึง Fate ซีรีย์ยิ่งแล้วใหญ่เลย ไหนจะอาเธอร์ เอ็กซ์คาลิเบอร์ อวาลอน วลาดที่3 กับการเสียบที่เขาชื่นชอบ หอกทะลวงเวทมนต์อันแสนคุ้นเคย รูปแบบการต่อสู้แบบปะทะดาบในระยะประชิดผสานกับการซุ่มยิงจากวงนอกที่คิริซึงุชื่นชอบ ดีหน่อยที่ปิดฉากด้วยดาบในตำนานของวีรชนไอซ์แลนด์ที่คนไม่ค่อยรู้จัก เลยยังไม่ใช่ Fate เต็มสูบ 555+ แต่มันก็ทำให้ฟิลลิ่งที่ควรจะตื่นตาตื่นใจ จืดลงไปพอควรเลย

ในส่วนของสนพ.ไทยนั้น โดยรวมแล้วก็โอเคดีตามปกติของสนพ.นี้ครับ เพียงแต่ว่ามีจุดพิมพ์ผิดที่ชัดเจนและส่งผลกระทบต่อการอ่านอยู่จุดนึง คือส่วนต้นๆเรื่อง น่าจะประมาณหน้า 50 กว่าๆมั้ง จำไม่ได้แล้ว พิมพ์ผิดเรื่องเสียงลงท้าย ครับ - ค่ะ ยิ่งพอมาอยู่ใน LN สมัยใหม่ที่ไม่นิยมใช้บทบรรยายประกอบทุกบทพูดว่าประโยคนี้ใครพูด มันทำให้สับสนเลยว่าในบทสนทนาช่วงนั้น ใครพูดประโยคไหนอยู่บ้าง เป็นพระเอกคุยกับนางรอง B ในขณะที่นางรอง A ฟังอยู่เฉยๆ หรือว่านางรอง A พูดแทรกเข้ามาด้วยกันแน่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเดาว่าน่าจะพูดกัน 2 คน โดยอีกคนฟังเฉยๆนะ

โดยรวมแล้วเลยเป็นเรื่องที่ทำได้ดี แต่ยังดีไม่สุดเท่าที่ควรน่ะนะครับ พอบวกกับราคาที่สูงขึ้นมากว่าปกติพอสมควรแล้วเลยพูดยากเหมือนกัน ว่าตกลงแล้วควรจะแนะนำดีรึเปล่า
ความน่าสนใจ : 3/5

19/11/58

Momone Shion no Ranobe Nikki / วุ่นนัก บันทึกรักนักเขียน LN

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Love Comedy
จำนวนเล่ม : 4 เล่มจบ
เรื่องย่อ : มีนักเขียนไลท์โนเวลชื่อดังซึ่งไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงอยู่คนหนึ่ง ชื่อว่า โมโมเนะ ชิออน

ส่วนตัวผมนั้นเป็นนักเขียนซึ่งกำลังเจอปัญหาเรื้อรังที่ไม่ได้ออกผลงานเรื่องใหม่อีกเลย...นับตั้งแต่ถูกตัดจบผลงานในเล่มที่3

ทั้งที่ได้เปิดตัวในฐานะนักเขียนมัธยมปลายแล้วแท้ๆ

วันหนึ่งผมถูกบ.ก.เรียกตัวไปบอกว่า "อาจจะกระทันหันไปหน่อยนะ แต่ว่าเธอสนใจเด็กประถมรึเปล่า" เอ๋ หมายความว่ายังไงกันน่ะ

สุดท้ายผมก็ถูกบ.ก.ข่มขู่จนต้องไปช่วยเหลือเรื่องการเขียนงานของโมโมเนะ ชิออน แล้วสิ่งที่ผมได้เจอก็คือเด็กผู้หญิงประถมที่น่ารักราวกับตุ๊กตา...แต่แก้ผ้าอยู่...

"คืนนี้ มาที่บ้านของฉันมั้ยคะ เอ่อ คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่เพราะไปทำงานน่ะค่ะ"

เรื่องราวโรแมนติกคอเมดี้วัยรุ่นที่จะตามติดเบื้องหลังของวงการไลท์โนเวล(?) ซึ่งเด็กม.ปลายธรรมดาๆกับเด็กประถมอัจฉริยะรังสรรค์ขึ้นมา
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้ ชื่อเรื่องภาษาญี่ปุ่นนั้น Momone Shion คือชื่อนางเอก Ranobe คือไลท์โนเวล ส่วน Nikki แปลว่าบันทึกประจำวัน หรือเรียกง่ายๆว่าไดอารี่ นะครับ เหตุผลที่ต้องบอกไว้ก่อน เพราะชื่อไทยแปลได้สไตล์ซีรีย์เกาหลีไปหน่อย แล้วผมเกรงว่ามันจะเอาชื่อเรื่องมาสื่อในไคล์แม็กซ์เล่มหลังๆ เลยบอกไว้ก่อน กันเหนียว

เอาล่ะ เข้าเรื่องดีกว่า พล็อตเรื่องนั้น ตรงเรื่องย่อ สนพ.เค้าอธิบายไว้แล้ว ว่าเป็นเรื่องราวของนักเขียนนิยายนะครับ ซึ่งถ้าพล็อตมาแนวนี้ และเป็นเรื่องเลิฟคอม มันต้องมีฉากที่ตัวเอกซึ่งเป็นนักเขียน ดันมือตก เขียนไม่ออก เลยจับพลัดจับผลูมาคบกัน เพื่อหาแรงบันดาลใจแน่นอน อันนี้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ส่วนจุดไคล์แม็กซ์มาตรฐานก็ไม่พ้นการใช้นิยายเรื่องใหม่สื่อความในใจ...เดาไว้แบบนั้น และเรื่องนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอะนะ เป๊ะเลย 555+

สิ่งที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆในตลาดก็เลยมาอยู่ที่ 1. การแทรกเรื่องราวที่ว่า นิยายในมือของเรา(คนอ่าน)นี่ คือนิยายที่พระเอกมันเขียน อารมณ์แบบพระเอกเอาเรื่องของตัวเองมาเขียน แล้วก็ 2. คาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องครับ

คาแรคเตอร์ในเรื่องนี้จะเน้นจับกลุ่มผู้อ่านเฉพาะทางมาก นั่นก็คือเหล่าหมีครับ พวกโลลิค่อนระยะสุดท้ายทั้งหลาย คงไม่แคล้วเสียทรัพย์ให้นิยายเรื่องนี้เป็นแน่แท้

พระเอกเป็นเด็กม.ปลาย นิสัยชอบตบมุกชาวบ้านเป็นชีวิตจิตใจ สร้างสีสันให้เรื่องราวได้เป็นอย่างดี 555+

นางเอกเป็นเด็กประถมสายคูลเดเระ

นางรองเป็นตัวละครประเภทเพื่อนสมัยเด็ก อายุพอๆกับพระเอก สายซึนเดเระ

นางรองอีกคนก็เป็นป้าโลลิ ที่อายุเข้าวัยทำงานแล้ว ปัจจุบันเป็นบก.ของคู่พระนาง แต่ยังคงความโลลิค่อนเอาไว้ได้ ชอบทำตัวเป็นน้องสาวแหย่ให้พระเอกอาการกำเริบ (ตัวเล่นมุก)

ซึ่งเอาจริงๆ คาแรคเตอร์มันก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนะ เพียงแค่เอาตัวละครโลลิหลากหลายรูปแบบรวมกันอยู่ในเรื่องเดียวเท่านั้นเอง

ส่วนปัญหาของทางสนพ.ไทยนั้น ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ นอกจากเรื่องราคาที่สูงไปนิดหน่อย

โดยรวมก็เลยเป็นอย่างที่พูดไปแล้วครับ ถ้าเป็นหมีคงเสียทรัพย์แหงๆ ส่วนคนทั่วไป อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบล่ะนะ
ความน่าสนใจ : 3/5

17/11/58

Black Bullet

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Action Sci-Fi
จำนวนเล่ม : 7 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : อนาคตอันใกล้ มนุษยชาติได้พ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตปรสิตประเภทไวรัส "แกสเทรีย" และถูกไล่ต้อนจนเหลือพื้นที่ประเทศแคบๆ มีชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง

ในโลกที่ถูกปิดอยู่ในความมืดมนนั้น เรนทาโร่ เด็กหนุ่มที่อาศัยอยู่ในแอเรียโตเกียว ทำงานอันตรายในฐานะ "บริษัทคุ้มภัยเอกชน" ผู้เชี่ยวชาญการปราบแกสเทรีย โดยมีคู่หูเป็นเด็กผู้หญิงแก่แดด เอนจุ วันหนึ่ง พวกเขาได้รับคำสั่งพิเศษจากรัฐบาล โดยเนื้อหาก็คือภารกิจลับสุดยอดที่เกี่ยวพันกับความพินาศของโตเกียว

ฮีโรอิคแอคชั่นแสนตื่นเต้นซึ่งมีเวทีเป็นอนาคตใกล้เปิดฉากขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เหลือบมองหน้าปกเล็กน้อย....อืม ไม่มีชื่อไทยแฮะ งั้นขอตั้งให้เลยแล้วกัน ว่าชื่อไทยของเรื่องนี้คือ มหาสงครามไวรัสโลลิ 555+ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่โลกเต็มไปด้วยไวรัสปีศาจที่จู่ๆก็โผล่มา แต่คงไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทอัมเบรลล่าแหงๆ ซึ่งผลลัพธ์ก็ตามที่อยู่ในเรื่องย่อน่ะแหละ แต่มันเด็ดกว่านั้นตรงที่ จะมีลูกครึ่งปีศาจกับมนุษย์โผล่มาด้วย และเหล่าลูกครึ่งนั้นจะเป็นผู้หญิงล้วนๆ เด็กผู้หญิง 10 ขวบลงไปล้วนๆ

ใจเย็นๆ ให้เวลาเหล่าหมีไปหาทิชชู่มาซับเลือดกำเดาก่อนซะ

เอาล่ะ มาต่อกันดีกว่า การเดินเรื่อง จะเป็นการปราบปีศาจจิ๊บจ๊อยๆ ที่หลงเข้ามาในเมือง ระหว่างคู่หูพระนาง (เพราะปีศาจที่ไม่จิ๊บจ๊อย มนุษย์สู้ไม่ไหว) ไปพร้อมๆกับการแทรกดราม่ายอดนิยมของเนื้อเรื่องสไตล์นี้ อย่าง "มีกลุ่มคนที่ศรัทธาเหล่าปีศาจ มองปีศาจเป็นเทพเจ้า" โผล่มาบ้างล่ะ ไม่ก็ พล็อตพื้นฐานของดราม่าลูกครึ่งปีศาจ อย่าง "โดนมนุษย์รังเกียจ แต่ก็ต้องต่อสู้กับปีศาจเพื่อปกป้องมนุษย์" บ้างล่ะ จนทำให้รู้สึกเฉยๆกับเรื่องราวอะนะ ค่อนข้างจะเป็นอะไรๆที่พบเห็นได้อยู่บ่อยๆ

ส่วนที่ขัดใจของเนื้อเรื่องคือ ในเล่มแรก มีจุดที่พอจะใช้เป็นไคล์แม็กซ์ได้หลายจุด มันเลยบิ้วอารมณ์คนอ่านขึ้นได้ไม่สุด คล้ายกับว่าต้องกระจายฟิลลิ่งให้เฉลี่ยๆออกไปทุกจุด ใครดู Anime มาแล้ว เล่ม1 มันจะจบตรงปีศาจ Lv.5 นั่นแหละ

ทางด้านคาแรคเตอร์ พระเอกเป็นตัวละครระดับเทพอีกแล้ว ส่วนจะเทพยังไงขอไม่สปอย เอาเป็นว่าปกติมันไม่ค่อยใช้ความเทพของมันสักเท่าไหร่ก็แล้วกัน เอ็นดูนางเอกที่เป็นลูกครึ่งปีศาจเหมือนน้องสาว เป็นคนเอาจริงเอาจังที่เดียว แน่นอนว่ามี passive skill สำหรับพระเอกสไตล์แอคชั่นติดตัว นั่นคือมันเป็นอมตะ 555+ ไม่ว่าจะโดนหนักแค่ไหน นอนแค่คืนเดียว ก็หายดี ออกมาบู้ต่อได้

ส่วนนางเอกเป็นโลลิลูกครึ่งปีศาจ ทำให้ดราม่าส่วนมากจะอยู่รอบๆตัวเธอเนี่ยแหละ มีจุดให้เล่นได้เยอะ มีนิสัยเฮฮาปาร์ตี้ ร่าเริงตามประสาเด็ก แต่มีเรื่องเดียวที่แก่แดดคือแอบชอบพระเอก และพยายามจะใช้สัดส่วนแบบเด็กประถมในการยั่วพระเอกอยู่บ่อยๆ อันเป็นคาแรคเตอร์นางเอกมาตรฐาน

รวมๆแล้วเลยพูดลำบากอยู่เหมือนกัน อารมณ์ว่าเรื่องนี้จะว่าสนุกก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าไม่สนุกมันก็ไม่เชิงอะนะ เป็นความรู้สึกกลางๆแบบบอกไม่ถูกซะงั้น

ในส่วนของสนพ.ไทย เรื่องนี้อยู่ในความดูแลของสนพ.ที่พอจะวางใจเรื่องมาตรฐานได้ในระดับหนึ่ง ทำให้คุณภาพโดยรวมไม่จัดว่าแย่อะไร มีเพียงราคาเท่านั้นที่แตะ 200 ไปอย่างที่คาดเอาไว้ (สังเกตเอาว่าราคามันจะแปรผันตรงกับความหนา & ชื่อเสียงของเรื่องน่ะนะ) ทำให้รู้สึกลำบากใจนิดหน่อย หากเป็นคนที่กระเป๋าตังหนาวมาก 555+ หรือคนที่มีลิสหนังสือต้องซื้อเยอะ
ความน่าสนใจ : 3/5

14/11/58

Hai to Gensou no Grimgar / ขี้เถ้าในกริมการ์แดนมายา

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 7 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ทำไมพวกเราถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กันอยู่

เมื่อฮารุฮิโระรู้สึกตัว ก็พบว่าตนอยู่ท่ามกลางความมืด ไม่รู้เลยว่าทำไมถึงอยู่ที่นี่ หรือที่นี่คือที่ไหน รอบตัวมีกลุ่มหนุ่มสาวที่จำได้แค่ชื่อตัวเองเหมือนๆกัน และสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ข้างหน้าเมื่อออกจากชั้นใต้ดินก็คือ "โลกที่เหมือนเกม"

เพื่อเอาชีวิตรอด ฮารุฮิโระต้องตั้งปาร์ตี้กับพวกพ้องที่อยู่ในสภาพเดียวกัน เรียนรู้สกิล และก้าวเข้าสู่โลก "กริมการ์" แห่งนี้ในฐานะทหารฝึกหัด ทั้งที่ยังไม่รู้ว่ามีอะไรรอพวกเขาอยู่เบื้องหน้า

นี่คือเรื่องราวการผจญภัย ที่เกิดขึ้นจากเถ้าถ่าน 
ความเห็นส่วนตัว : ขอบ่นก่อนจะเข้าเรื่องหน่อยล่ะกัน ว่าบนปกหลัง ไทยดันเขียนชื่ออังกฤษเอาไว้ แทนที่จะเป็นชื่อญี่ปุ่นล่ะ ทำเอาหาข้อมูลยากไปนิดนึงเลย ดันเขียนไว้ว่า Grimgar of Fantasy and Ash ซะอย่างงั้นอะ เซ็งจิ๊บ ดีนะยังมีตัวยุ่นให้

แต่ช่างเถอะ เริ่มกันเลยแล้วกัน เรื่องนี้ดูแล้ว น่าจะเป็นเรื่องที่สนพ.นี้เลือกเข้ามาแข่งกับ ผู้กล้าโล่ ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในไทยตอนนี้ล่ะมั้งครับ เพราะอรรถรสที่ได้จากการอ่าน มันคล้ายๆกันเลย ทั้งๆที่พล็อตไม่ได้คล้ายกันเลยนะ นอกจากเรื่องที่ว่าโลกมันคล้ายเกมออนไลน์

เรื่องนี้ประกาศทำอนิเมะแล้วด้วยนะ
เรื่องนี้ เป็นเรื่องของกลุ่มตัวเอก ที่จู่ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่ามาอยู่ในโลกแปลกๆซะแล้ว แถมยังจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้เลยอีกต่างหาก พยายามนึกให้ตายยังไงก็นึกออกแต่ชื่อของตัวเองเท่านั้น แถมยังถูกพาไปยังที่ทำการของกองทหารอาสาสมัครอีกต่างหาก โดยไม่มีการอธิบายเรื่องราวอะไรทั้งสิ้น สุดท้ายก็โดนยื่นคำขาดว่าจะสมัครเป็นทหารอาสา หรือจะปล่อยชีวิตไปตามยถากรรมแบบไม่มีเงินติดตัวเลย

แถมพอจำใจต้องสมัครเป็นทหารอาสา เพราะอย่างน้อยๆก็มีเบื้ยเลี้ยงให้ พวกเขาก็ถูกปล่อยเกาะทันที นอกจากเงินติดตัวที่ได้มาตะกี้ ก็ไม่มีอะไรให้อีก แม้กระทั่งข้อมูล หรือเป้าหมาย ทำให้ผู้คนเริ่มจับกลุ่มกันบ้าง อะไรบ้าง แล้วแยกย้ายกันไป เหลือไว้แต่พวกที่ดูไม่มีประโยชน์ พึ่งพาไม่ได้ ซึ่งไอ้พระเอกก็ถูกรวมอยู่ในนั้นด้วย

สุดท้ายพวกที่โดนทิ้งก็เลยต้องจับกลุ่มกันเองอย่างช่วยไม่ได้ และเริ่มต้นกันอย่างทุลักทุเลด้วยความมืดแปดด้าน แต่เรื่องราวหลังจากนั้นจะเป็นยังไงต่อไปอ่านเอาเองนะ 555+

ทางด้านคาแรคเตอร์ เนื่องจากตัวละครมีเยอะมาก แถมคนเขียนมันเขียนแบบแทงกั๊ก ทำท่าว่าจะเขียน 2 เรื่องในเรื่องเดียวอีกต่างหาก อารมณ์ว่าถ้านิยมขึ้นมาก็คงจะแยกเป็นซีรีย์ย่อยแบบ To Aru หรือดันเจี้ยนฯ เลยล่ะมั้ง ก็เลยพูดถึงเฉพาะตัวพระเอกก็แล้วกัน ว่าคาแรคเตอร์ของพระเอกในเรื่องนี้คือ คนขี้ขลาด ขี้กลัว ไม่กล้าตัดสินใจอะไรสักอย่าง ดูแล้วพึ่งพาไม่ได้แบบสุดๆ นั่นแหละ พระเอกของเรา

ส่วนพระเอกอีกคน (คิดว่านะ) คือทหารอาสาชื่อดัง (คิดซะว่าเป็นนักผจญภัยก็ได้ เพราะไม่เห็นพวกทหารอาสามันทำเรื่องที่สมกับเป็นทหารเค้าทำกันเลยสักครั้ง) ที่เก่งกาจและเพรียบพร้อม บุคลิคยังไม่แน่ชัด เพราะยังไม่ค่อยเข้าฉากสักเท่าไหร่ แต่ลางสังหรณ์สัมผัสได้ว่าบทมันส่งยังไงชอบกล มีเพียงเรื่องเดียวที่บอกได้คือ เจ้าตัวกำลังพยายามไขปริศนาของโลกใบนี้อยู่ ว่าทำไมพวกเขาถึงจำเรื่องราวก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ไม่ได้เลย

ดังนั้นธีมของเรื่องราวเลยพอจะแบ่งแบบหยาบๆเป็น 2 แบบครับ พระเอก A จะเน้นไปที่การเอาตัวรอด ตามประสาคนอ่อนหัด เก็บเงินเลี้ยงตัวเอง พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ คล้ายกับการเล่นเกม RPG แล้วไม่เติมทรู

ส่วนไอ้พระเอก B (แต่ถ้าปรากฎว่ามันไม่ใช่พระเอกก็โทษทีนะ) มันจะเป็นเทพทรู ที่เพรียบพร้อม มีสาวงามข้างกายอีกต่างหาก โผล่มาก็ตั้งใจจะลุยอีเว้นท์ ท้าบอสไฟต์ ไขปริศนา เน้นความมันเข้าว่า อะไรเทือกนั้น เรียกว่าจบเล่ม1อย่างหล่อเลย

ซึ่งปริศนาหลักของเรื่องก็คงไม่พ้น "โลก" นี่แหละ เพราะคนเขียนมันก็ยังกั๊ก ไม่บอกว่ามันเป็นโลกที่คล้ายๆเกมเฉยๆ หรือเป็นโลกในเกม แล้วพวกตัวเอกหลุดเข้ามา หรือว่าไม่ใช่ทั้ง 2 อย่าง (Ash ในชื่อเรื่อง มันชวนให้คิดว่าจะเป็นอย่างสุดท้ายซะด้วยสิ)


ในเล่ม1 จะเดินเรื่องโดยเน้นกลุ่มพระเอก A เป็นหลัก ตั้งแต่เริ่มหาข้อมูล กำหนดเส้นทางการใช้ชีวิต วิธีการหาเงิน ซึ่งเรื่องนี้เงินสำคัญมาก เพราะนอกจากค่ากิน & นอนที่เป็นรายจ่ายหลักแล้ว เรื่องอื่นๆก็ต้องใช้เงินแทบทั้งหมด ขนาดจะเลื่อนตำแหน่งจากทหารฝึกหัด มาเป็นทหารเต็มตัวยังต้องใช้เงินจ่ายเลย ฝีมือไม่ต้องมีก็ได้ ทำให้กลุ่มตัวเอกต้องประหยัดกันพอดู

นอกจากนั้น ถ้าอ่านดูแบบตั้งใจหน่อย จะพอสังเกตเห็นได้ว่ามีหลายจุดที่คนเขียนรีบร้อนเดินเรื่องเกินไปนิด ซึ่งตรงนี้ก็เข้าใจอยู่นะ ถ้ากะเก็บรายละเอียดให้สมบูรณ์แบบเลย หน้ากระดาษคงต้องเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 100 หน้าได้ มันก็จะหนาเกินไปแล้ว 555+ และดูออกเลยว่า คนเขียนตั้งใจจะให้จบเล่ม1ตรงจุดที่ให้ความรู้สึก "ในที่สุดก็มาถึงจุดเริ่มต้นจนได้" มันก็เลยต้องบีบหน่อย

แต่ถึงแม้เดินเรื่องบีบๆนิดหน่อย ก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดลงสักเท่าไหร่หรอก มันเป็นเพียงจุดที่คิดว่า ถ้าใส่รายละเอียดตรงนั้นสักหน่อยจะดีกว่านี้น้า อะไรประมาณนั้นเองน่ะนะครับ

ทางด้านรูปเล่มและการแปล อยู่ในระดับปกติของสนพ.นี้อยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดอะไรเป็นพิเศษ ส่วนราคาจะสูงกว่าทั่วไปนิดหน่อย อันนี้ก็ตัดสินใจกันเอานะ

โดยรวมแล้วเลยคิดว่าเป็นเรื่องที่จัดว่าน่าสนใจดี ถ้ากระเป๋าตังไม่มีปัญหาก็น่าลองเอามาอ่านดูครับ
ความน่าสนใจ : 5/5

Sekai no Owari no Encore / อองกอร์ ล่าบันทึกวีรบุรุษสุดขอบโลก

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 5 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : "อองกอร์" สุดยอดสมบัติที่บันทึกจุดจบของโลกและการกลับมา ซึ่งเอลไรน์วีรบุรุษในตำนานทิ้งเอาไว้ได้ก่อกำเนิดยุคสมัยแห่งการแย่งชิงอองกอร์ครั้งใหญ่ที่ประเทศและเหล่านักผจญภัยทั่วโลกต่างออกตามหาที่อยู่ของมัน

เรน เด็กหนุ่มผู้ต้องการเป็นอัศวิน มีหน้าตาเหมือนเอลไรน์ แต่กลับไร้พรสวรรค์เชิงดาบ จึงโดนปรามาสว่าเป็น "วีรบุรุษปลอม" ทุกเมื่อเชื่อวัน

และในตอนนั้นเอง คิริเซ่ เจ้าหญิงมังกรในตำนานซึ่งลืมตาตื่นจากผนึกก็มาปรากฎตัวเบื้องหน้าเขา เธอเข้าใจผิดคิดว่าเรนคือเอลไรน์ แต่ต้องผิดหวังเมื่อรู้ว่าแค่หน้าตาเหมือนกัน

แต่คิริเซ่ก็มองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่ซ่อนเร้นในตัวเรน และชวนให้เด็กหนุ่มออกเดินทางค้นหาอองกอร์ร่วมกับอัครเทวดาเฟีย กับจอมมารรุ่นก่อนเอลิเซ่ที่เคยช่วยเหลือโลกพร้อมกับวีรบุรุษ

"ไปกับฉันไหม"

นี่คือบทเพลงเริ่มต้นสู่ความวุ่นวายที่บรรเลงโดยเหล่าวีรบุรุษ

บัดนี้ ด็กหนุ่มวีรบุรุษปลอมกับตำนานได้พบกันแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้เป็นแฟนตาซีในยุคเก่าที่เต็มไปด้วยดาบและเวทมนต์ ที่โครงเรื่องใช้ได้เลยทีเดียว เริ่มต้นจากเด็กหนุ่มอ่อนหัดที่หวังจะได้ผจญภัยบนโลกกว้าง แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับเพราะดันหน้าตาเหมือนวีรบุรุษในตำนาน แต่ฝีมืออ่อนหัด เขาจึงพยายามฝึกฝนตัวเอง จนความรู้สอบได้อันดับ1 ฝีมือดาบเป็นอันดับ5 ของโรงเรียนอัศวิน แต่เมื่อสิ่งเปรียบเทียบของเขาดันเป็นตัวตนระดับตำนาน ผลงานที่จัดว่าดีเยี่ยมเลยถูกผู้คนตีค่าว่ากระจอกไปซะอย่างงั้น

ตลอดเวลาในโรงเรียนอัศวิน เขาไม่เคยได้รับการยอมรับจากใครเลย ทั้งยังโดนดูถูกเหยียดหยามมาอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็พยายามฝึกฝนตัวเองต่อไป โดยหวังว่าจะได้รับการยอมรับจากใครสักคน

สุดท้าย เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อช่วยเหลือสาวชาวบ้านที่บังเอิญเจอกัน แต่กลับกลายเป็นว่า สาวๆไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา แต่เป็นหนึ่งในปาร์ตี้ของวีรบุรุษในตำนานไปซะนี่

ความพยายามมาตลอดของเขาได้รับการยอมรับ สาวๆไม่เอาตัวเขาไปเปรียบกับวีรบุรุษที่เคยร่วมปาร์ตี้กับพวกเธอ ทั้งยังตั้งใจจะช่วยฝึกฝนเขาอีกต่างหาก

อดีตฮาเร็มของวีรบุรุษในตำนาน จึงมารวมตัวกันภายใต้วีรบุรุษปลอม โดยมีเป้าหมายเป็นการค้นหาบันทึกที่วีรบุรุษเหลือทิ้งเอาไว้ เพราะพวกเธอเชื่อว่า มันเป็นสิ่งที่เขาเหลือไว้ให้กับพวกเธอนั่นเอง

ส่วนเจ้าวีรบุรุษปลอมที่มุ่งหวังว่าจะได้ผจญภัยบนโลกกว้าง ก็ตั้งใจขัดเกลาฝีมือของตัวเองมากขึ้นไปอีก เพราะอยากให้สาวๆที่ยอมรับตน มองเห็นตนเองเป็นสมาชิกปาร์ตี้คนหนึ่ง (คือพวกเธอออกเดินทางแบบมองว่าพระเอกเป็นตัวแถม แต่พอจะมีแววฝึกฝนได้น่ะนะ เลยตั้งใจฝึกให้ แต่เวลาต่อสู้ทีไร พวกเธอไม่เคยเอาพระเอกไปคำนวนเป็นกำลังรบเลย พระเอกมันเลยน้อยใจหน่อยๆ)

เรียกได้ว่าเป็นโครงเรื่องที่แตกต่างจากแฟนตาซีด้วยกันอยู่พอสมควร เพราะแฟนตาซีดาบและเวทมนต์ในไทยช่วงนี้จะมาแนวสงครามอาณาจักรบ้างล่ะ ยกทัพตบตีกันบ้างล่ะ หรือที่ตลาดที่สุดคือ รั้วโรงเรียน ที่ทำเอาแอบคิดว่า อุตส่าห์ใช้เวทีเป็นยุคนั้น แต่ก็ดันเป็นรั้วโรงเรียน เหอๆ


ทางด้านคาแรคเตอร์ ที่ถูกใจที่สุดคือตัวพระเอก มันไม่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด ไม่มีความเทพเว่นเวอร์ที่จำกัดความสั้นๆว่ามีพรสวรรค์ แล้วโชว์เหนือจนคลี่คลายอุปสรรคมาได้ง่ายๆตามสไตล์นิยายสมัยนี้ แต่เป็นคนไร้ฝีมือที่มีพรแสวง แม้จะถูกปรามาสสักแค่ไหน เขาก็มุ่งมั่นพัฒนาฝีมือขึ้นมาเรื่อยๆโดยหวังว่าสักวัน เสียงดูถูกจะเปลี่ยนไปเป็นการยอมรับ ตลอดเล่มจะมีหลายช่วงที่พอมีเวลาว่าง พระเอกมันจะคอยฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอเลยทีเดียว

ส่วนสาวๆ 3 ตัวหลัก อดีตสมาชิกปาร์ตี้ของวีรบุรุษในตำนานนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่คนธรรมดา หลังจากวีรบุรุษจากไปหลายร้อยปี พวกเธอเลยยังสาวกันอยู่ 555+ คนนึงเป็นเจ้าหญิงมังกร ดูทรงแล้วคงเป็นนางเอกตัวหลัก มีคาแรคเตอร์แบบตรงๆ เอาจริงเอาจัง และค่อนข้างเข้มงวด เป็นคาแรคเตอร์ที่หาได้ยากสำหรับนางเอกสมัยนี้ที่เน้นความซึน หรือหื่นแบบซื่อๆเป็นหลัก

อีกคนหนึ่งเป็นอัครเทวดาผู้ยิ่งใหญ่แห่งสรวงสวรรค์ (ตามพล็อต เหนือกว่าเธอคือจอมเทพคนเดียว) มาในสไตล์พี่สาวหุ่นสะบึม และนิสัยตลาดๆ คือชอบเอาเรือนร่างมายั่วพระเอกเล่น อันนี้ก็มาตรฐานล่ะนะ สมัยนี้ต้องมีตัวละครสักตัวแจกเซอร์วิส แต่ที่แปลกคือ เอาเทพมาหื่นเลยแฮะ 555+

คนสุดท้ายเป็นอดีตจอมมาร ที่เป็นอดีตเพราะในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายในสมัยนั้น ก่อนที่เธอจะสูญเสียร่างกายไป เธอใช้เวทมนต์เกิดใหม่ และสืบทอดความทรงจำเดิม กว่าเวทมนต์จะทำงานเสร็จสมบูรณ์ เวลาก็ล่วงเลยไปนานแล้ว ตำแหน่งจอมมารเลยถูกเทคโอเวอร์ไป ทุกวันนี้ เธอเลยเป็นคนที่เด็กที่สุดในกลุ่ม สาวน้อยอายุ 10 ขวบ นั่นเอง แต่คาเรตเตอร์ดันเป็นคุณป้าโลลิอะนะ เพราะสืบทอดความทรงจำเดิม นิสัยเลยเกินเด็กไปหลายอย่าง 555+

แต่ที่ทำจ๋อยคือการเดินเรื่องล่ะนะ เพราะประสบการณ์ในการอ่านนิยายแนวนี้มีสูงเกินไปรึเปล่าก็ไม่รู้ พออ่านถึงกลางเรื่องก็เดาตอนจบของเล่มได้ทันทีเลย อารมณ์ว่ามันต้องเล่นมุกนั้นแน่ๆ จุดไคล์แม็กซ์ต้องเป็นแบบนั้นแหงๆ อะไรเทือกนี้ เลยรู้สึกเหมือนมันไปไม่สุดยังไงไม่รู้ ใช้การเดินเรื่องตลาดไปหน่อยซะงั้น

ส่วนทางด้านสนพ.ไทยนั้น เท่าที่ดูคร่าวๆ ไม่มีตรงไหนต้องคอมเม้นเป็นพิเศษครับ รูปเล่ม การแปล และราคา อยู่ในระดับดีตามปกติของสนพ.นี้อยู่แล้ว เลยไม่ใช่เรื่องที่ต้องน่าห่วง

รวมๆแล้วเลยเป็นเรื่องที่ยังบอกได้ยากว่าควรแนะนำต่อดีรึเปล่า เพราะมีทั้งส่วนที่ดูน่าสนใจดี และส่วนที่ค่อนข้างตลาดอยู่ แต่คิดว่าถ้าเป็นคนที่ชอบแฟนตาซีอยู่แล้ว หรือไม่ซีเรียสกับความตลาด เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งเลยล่ะ
ความน่าสนใจ : 3/5

13/11/58

Haunted Campus / ชมรมลี้ลับสัมผัสวิญญาณ

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Horror
จำนวนเล่ม : 8 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ยางามิ ชินจิ เด็กหนุ่มผู้ไม่อยากเห็นวิญญาณ แต่กลับมีสัมผัสพิเศษแบบ "เห็นเข้าจนได้" และเพื่อ โคโยมิ สาวสวยผู้ที่ชินจิแอบรักข้างเดียว เขาจึงยอมเข้าชมรมวิจัยเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติทั้งที่เกลียดเข้ากระดูกดำ

อยู่มาวันหนึ่ง มีชายหนุ่มปรากฎตัวขึ้นที่ชมรม พร้อมเรื่องทุกข์ใจซึ่งก็คือ "รอยเปื้อนเป็นรูปใบหน้าของผู้หญิงปรากฎขึ้นบนกำแพงห้องที่อพาร์ทเม้นต์ แม้จะย้ายหนีแล้วก็ตาม แต่รอยที่ว่าก็ยังคงตามมาปรากฎอยู่" นั่นเอง...

ในเมื่อมีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติแบบนี้ ถึงเวลาที่สมาชิกชมรมลี้ลับที่ไม่เหมือนใครต้องออกโรงแล้วสิ

นิยายแนวลึกลับสอบสวน ที่ได้รับรางวัลโดคุฉะโชในงานประกาศรางวัลนิยายสยองขวัญ ครั้งที่ 19 มาให้ได้สัมผัสกันแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้บอกก่อนว่า เท่าที่ค้นข้อมูลดู ไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่า 8 เล่มนี้จบรึยังนะครับ เลยตัดสินใจใส่ว่ายังไม่จบไปก่อน

เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า นิยายเรื่องนี้ไม่ Horror อย่างที่แนวเรื่องใส่ไว้นะ ข้างบนนั่น ผมอ้างอิงจากที่สนพ.เขาเขียนมา แต่เอาจริงๆ มันออกจะเป็นโรแมนติกคอเมดี้ซะด้วยซ้ำ หรือถ้าจะเหมาเป็นแนวผี มันก็สไตล์ผีน้อยแคสเปอร์ชัดๆ (เกิดทันกันรึเปล่าเนี่ย) คือมันไม่น่ากลัวเลย อ่านง่าย อ่านชิว คนกลัวผีก็อ่านได้แน่นอน มันไม่หลอก ไม่หลอนอะไรทั้งสิ้น


โครงเรื่องคร่าวๆคือ พระเอกจะเป็นพวกที่สัมผัสพิเศษมองเห็นผีได้ ส่วนนางเอกนั้นมองไม่เห็น (ในชมรมมีมองเห็นอยู่ 2 คนเอง) แต่ดันมีสกิลพิเศษในการดึงดูดพวกผี พระเอกมันก็เลยตั้งเป้าไว้ว่าจะปกป้องเธอ เพราะเขาแอบชอบอยู่ แต่ไม่กล้าสารภาพรักออกไป

ส่วนการเดินเรื่องก็จะหั่นเป็นตอนย่อยๆ แต่ล่ะตอน จะมีนักศึกษาในมหาลัยนั่นแหละ เข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องผีที่ตัวเองเจอ แล้วพวกสมาชิกในชมรมก็จะไปท้าพิสูจน์ เอ๊ย ไปช่วยคลี่คลายปัญหาเกี่ยวกับวิญญาณให้ ในเล่มแรก จะมีอยู่ 5 ตอนย่อย วิญญาณที่ปรากฎตัวก็จะแตกต่างกันไป แต่ก็หาความน่ากลัวไม่ได้เลยอย่างที่บอกไว้ข้างต้น (ตอน3ฮาที่สุดด้วยมั้ง 555+ แต่ตอน5เลี่ยนที่สุดนะ ใครไม่มีแฟนคงตาร้อนบ้างอะไรบ้าง) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็จะค่อยๆแฝงเรื่องราวของตัวละครหลักๆอย่างสมาชิกชมรม และคู่พระนางเอาไว้ด้วย

เรียกได้ว่าอ่านเพลินมากเลย จัดว่าสนุกทีเดียว ทั้งยังเป็นแนวเรื่องที่ยังไม่มีในไทยซะด้วยมั้ง ผีฮาๆเนี่ย 555+

ในส่วนของสนพ.ไทยก็ทำได้ดีครับ รูปเล่มโอเค การแปลก็ใช้ได้ ราคายังถูกกว่ามาตรฐานนิดนึงด้วย นิดนึงจริงๆอะนะ

รวมๆแล้วเลยเป็นเรื่องที่แนะนำเลยล่ะ ไม่ตลาดด้วยสิ น่าจะแก้เบื่อจากแนวเดิมๆที่เจอกันมาเพียบได้ดีทีเดียวเชียว
ความน่าสนใจ : 5/5

10/11/58

Ruriiro ni Boketa Nichijou / ไล่ผีมีฮากับแม่หมอรูริ

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Comedy
จำนวนเล่ม : 4 เล่มจบ
เรื่องย่อ : คอนโนะ ทาคามิ นักเรียนม.4กำลังกลัดกลุ้มกับการถูกผีหลอก จึงไปยัง "ชมรมค้นคว้าวิธีปัดเป่าอาถรรพ์" ตามคำร่ำลือว่ามีสมาชิกชื่อ อุโด รูริ ซึ่งโด่งดังไปทั้งโรงเรียนในด้านการปราบผี

แต่ทว่า ชมรมนั้นดันกลายเป็น "ชมรมวิจัยอารมณ์ขัน" ไปซะได้

ถึงเป็นอย่างงั้น รูริกลับจัดการปัญหาของทาคามิได้อย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกัน เธอก็สังเกตเห็นเซนส์ด้านการเล่นตลกของทาคามิ จึงจัดการทำให้ทาคามิต้องเข้าสังกัดชมรมอย่างเสียไม่ได้

และไหนจะยังมีสาวงามแห่งโรงเรียนที่อ้างว่าเป็น "ผู้อัญเชิญดวงจิต" อย่างชิกิฮาระ ซุยปรากฎตัวขึ้นมาอีก

"สมญานาม" สาวพลังวิญญาณ น่ะ ยกให้ซุยไปเถอะ สำหรับฉันน่ะ ขอเป็น จ้าวแห่งความฮา หรือว่า มิสมัธยมอาโอซึรุ แล้วกัน"

"สองอย่างนั้นมันจะเป็นไปได้พร้อมกันจริงเรอะ"

คอเมดี้สุดเหวี่ยง ชีวิตวัยรุ่นอันผิดธรรมดาซึ่งล้อมรอบไปด้วยวิญญาณและเรื่องตลกได้เปิดฉากขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : แนวปราบผีในไทย ส่วนมากทุกวันนี้จะมาในสไตล์มิโกะ องเมียวจิ บลาๆๆ อะไรพวกนั้น ซึ่งจะไปทางแอคชั่นดราม่า แต่เรื่องนี้จะเป็นสไตล์โกสต์สวีปเปอร์ล่ะครับ (เกิดทันกันมั้ยเนี่ย 555+) ที่เล่นมุกกันไปพลาง ปราบผีกันไปพลาง แน่นอนว่ามุกใต้สะดือต้องมี แต่ตัวเล่นมุกเรตผู้ใหญ่ดันเป็นสาวๆซะนี่ กลายเป็นแนวคอเมดี้ไปซะเฉยๆ

แถมคำจำกัดความของ "วิญญาณ" ในเรื่องนี้จะแตกต่างกับเรื่องทั่วไปซะด้วย เพราะในเรื่องนี้ วิญญาณ จะไม่มีจิตใจ ไม่มีความรู้สึก ไม่มีอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงภาชนะกลวงๆที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามที่คนมีชีวิตอยู่คิด เช่นถ้าเพื่อนตาย แล้วตัวเราดันคิดไปว่า เพื่อนที่ตายไปต้องแค้นเราแน่ๆเลย วิญญาณของเพื่อนก็จะโผล่มาเคียดแค้นเรา แต่ถ้าเพื่อนตาย แล้วเราดันคิดไปว่า เพื่อนมันต้องคอยคุ้มครองเราอยู่บนสวรรค์แน่ๆ วิญญาณของเพื่อนก็จะกลายมาเป็นวิญญาณพิทักษ์เราไปเลยซะอย่างงั้น แต่ถ้าเราไม่รู้สึกอะไรเลย เพื่อนตายแล้วก็ตายไป วิญญาณของเพื่อนก็จะไปสู่สุขคติได้อย่างราบรื่น ประมาณนั้น

ทำให้การไล่ผีในเรื่อง ก็เหมือนเป็นการเปลี่ยนแปลงความนึกคิดที่คนมีชีวิตไปยัดให้วิญญาณน่ะแหละนะ นับว่าแปลกแหวกแนวใช้ได้เลยทีเดียวเชียว


แต่เนื่องจากตัวละครหลักทั้ง3มีภูมิหลังกันค่อนข้างจะดราม่า ทำให้ตัวเล่มที่เห็นหนาๆนั่น แบ่งได้เป็น 3 part ครับ ช่วงแรกจะเป็นการปูเรื่องก่อน นิยามของวิญญาณตามแบบฉบับเรื่องนี้จะถูกกล่าวถึงในส่วนนี้ ช่างกลางจะเป็นการไล่ผีกันจริงจัง ส่วนช่วงท้าย หลังจากที่ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ก็จะเป็นดราม่าของตัวละครหลักกันซะที

และเนื่องจากมันเป็นแนวตลก การเดินเรื่องโดยหลักจะเป็นการยิงมุก และเล่นมุกบ้าบอกันระหว่างตัวละครหลักเป็นส่วนมาก ขนาดระหว่างปราบผี มันยังเล่นมุกกันเลย ทำให้สามารถอ่านได้ชิวๆ ฆ่าเวลาได้สบายๆครับ

เอาล่ะ มาถึงตัวรูปเล่มดีกว่า สำหรับเรื่องนี้ อยู่ในความดูแลของสนพ.ที่พอจะวางใจได้อยู่ ดังนั้นพวกหน้าสี รูปเล่ม การตัดหน้า ขอบกระดาษอะไรพวกนี้ ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ แต่เนื่องจากมันค่อนข้างจะหนา เวลาซื้อให้โฟกัสไปที่สันกาวดีกว่า ถ้าเล่มไหนสันกาวไม่ดี แล้วเราดันไปซื้อมา ระวังหน้ากระดาษจะกระจายเป็นแผ่นๆล่ะ

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่าจะแนะนำให้ซื้อได้โดยไม่ต้องคิดล่ะสิ 555+ ผิดแล้ว เพราะปัญหาหลัก และเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ราคาครับ มันทะลุ 200 ไปเลยล่ะ แม้จะเป็นเพราะเล่มมันค่อนข้างหนาก็เถอะ อันนี้ก็ต้องตัดสินใจเอาเองนะ ถ้าเงินเหลือก็ซื้อเลย ไม่ผิดหวังหรอก แต่ถ้าเป็นคนที่ต้องคุมรายจ่าย ผมคิดว่าไม่ต้องซื้อก็ได้นะ ยังไงธีมหลักของเรื่องก็เป็นแนวตลกอะแหละ หาตลกเรื่องอื่นที่ราคาย่อมเยาอ่านแทนก็ได้อยู่ ไม่ก็ยืมเพื่อน หรือเดินเข้าร้านเช่าแทน เพื่อปากท้อง ประมาณนั้น
ความน่าสนใจ : 4/5

8/11/58

Rock Paper Scissors

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Love Comedy
จำนวนเล่ม : 2 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : "ฟิคชั่น" คือสุดยอดพลังเหนือธรรมชาติที่ทำให้ศาสตร์ทางฟิสิกซ์กลายเป็นเรื่องตลก ซึ่งจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ และหายไปเมื่ออายุย่างเข้าสู่วัยผู้ใหญ่

เพื่อรับมือกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากพลังพิเศษ เหล่าเด็กผู้มีฟิคชั่นที่ร้ายกาจทั่วโลกจึงถูกส่งไปอยู่ในโรงเรียนมาสุมาสุ เพื่อแยกพวกเขาออกจากสังคมคนธรรมดาจนกว่าจะเสียพลังไป

วันหนึ่ง คาซึมะ ผู้มีพลัง "หยุดเวลา" ได้รับการขอร้องจากจิซาโตะ สาวน้อยความเร็วแสง ให้ช่วยเธอนำสถานที่ที่ถูกแย่งชิงไปกลับคืนมา

นั่นเป็นความคิดที่แสนบ้าระห่ำ

เพราะที่นี่คือโรงเรียนมาสุมาสุ สถานที่ที่มีแต่ผู้มีพลังสุดแกร่งซึ่งผู้คนต่างยึดถือหลักการว่า "อย่าคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด เพราะคนอื่นก็เก่งที่สุดเหมือนกัน" นั่นเอง
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องราวสไตล์พลังพิเศษในรั้วโรงเรียนเหมือนเดิมครับ แน่นอนว่ามีพลังพิเศษก็ต้องตีกันเป็นธรรมดา 555+ แต่เรื่องนี้จะไม่ได้ตีกันมั่วซั้ว แต่เป็นการตีกันที่มีกฎกติกากำหนดไว้ โดยนักเรียนทุกคนต้องสังกัด "คณะกรรมการนักเรียน" ที่มีอยู่หลายพันกลุ่ม (สรุปว่าเป็นกิลนั่นแหละ แต่ตั้งชื่อให้แปลก) เวลาต่อสู้จะกำหนดเงื่อนไขการแข่ง ของเดิมพัน และตัวผู้เข้าแข่งเอาไว้ ทำให้ดูคล้ายกันแข่งกีฬาหรือการเล่นเกมกันด้วยพลังพิเศษมากกว่า

แถมพลังพิเศษในเรื่อง จะไม่เวอร์ จะไม่มีตัวเทพที่ไร้ผู้ต่อต้าน จะไม่มีผู้ใช้พลังพิเศษ Lv.5 ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองอะไรเทือกนั้น แต่มันจะตามชื่อเรื่องเลยครับ...........เป่ายิงฉุบ ถูกต้อง ไม่ว่าพลังจะเทพแค่ไหน ก็จะมีคนที่มีพลังหักล้างพลังของตัวเองได้อยู่

กฎของโรงเรียน เลยมีข้อนึงที่กำหนดไว้เลยก็คือ ห้ามป่าวประกาศพลังพิเศษของคนอื่นเด็ดขาด อารมณ์แบบว่า ถ้ารู้แล้วก็เงียบไว้ ไม่งั้นถือว่าผิดกฎ

ซึ่งเรื่องราวก็จะเดินเรื่องไปด้วยการแข่งขันพวกนี้แหละ เริ่มตั้งแต่วิ่งแข่ง หมากรุก ร้องเพลง เล่นไพ่ บลาๆๆ แน่นอนว่าใช้พลังพิเศษช่วยได้นะ เหอๆ


เอาล่ะ เนื้อเรื่องก็ประมาณนั้น ทางด้านคาแรคเตอร์นั้น จะหลุดโลกไปสักหน่อย คือไอ้พระเอกน่ะ มันชอบแต๊ะอั๋งสาวๆเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว ส่วนทางพวกสาวๆตัวหลัก ก็ดันเป็นพวกยอมให้ทำกันได้หน้าตาเฉยอีกต่างหาก อย่างยัยนางเอก พระเอกขอดูหน้าอก ขอจับหน้าอก เธอก็เปิดให้เลยหน้าตาเฉย มันทำให้เวลาอ่าน รู้สึกออกจะหลุดสามัญสำนึกมากเกินไปหน่อย

แต่ถ้ามองไปถึงเนื้อเรื่องที่ไม่ค่อยสมเหตุสมผล มีจุดขัดแย้งกันอยู่แบบรูุ้สึกตะหงิดๆแล้ว คาแรคเตอร์มั่วซั้วแบบนี้ มันก็พอจะถูไถไปได้ฉิวเฉียดล่ะมั้ง คล้ายกับว่าอ่านเอามันอย่างเดียว 555+

ส่วนจุดขัดใจหลักๆนั้นก็มีครับ เป็นเรื่องที่บดบังความมั่วซั้วที่พูดถึงข้างบนนั่นไปได้พอสมควรเลยด้วย นั่นก็คือนามสกุลของตัวละคร แม่มแปลกประหลาดมาก เช่น "เคียวโคทอปปะ" "โกคะเคนรัน" อะไรพวกนี้ เว่นเวอร์อลังการมาก 555+ ถึงขนาดเข้าไปเช็คที่หน้าเวบของยุ่นแล้ว (เพราะคิดว่าคนแปลจะแปลผิด) มันยังต้องเขียนคันจิ แล้วมีตัวฮิรางานะกำกับเลยล่ะ

เฮ้อ ทำไมต้องตั้งนามสกุลให้อ่านยากจำยากขนาดนี้ด้วยน้า เอาเถอะ ช่างมัน

ในส่วนของเล่มไทยนั้น เท่าที่ดูก็ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษครับ จะมีก็แค่เล่มที่ผมยืมมาจากมิตรสหายนั้น มันตัดปกนอกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้มีขอบโผล่ออกมาจากตัวเล่ม เวลาเก็บในชั้นคงจะยับยู่ยี่แน่ๆ เหอๆ แต่คงไม่ได้เป็นทุกเล่มหรอกมั้ง

ส่วนปัญหาของทางญี่ปุ่นก็มีนะครับ นั่นคือ เล่ม1กับเล่ม2น่ะ ห่างกันประมาณครึ่งปี และเล่ม2ออกตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ซึ่งจนบัดป่านนี้ เท่าที่ค้นๆดูยังไม่มีวี่แววของเล่ม3เลย ทำให้มีลางว่า อาจจะถูกตัดจบ หรือหายสาบสูญไปทั้งแบบนี้ก็ได้

รวมๆแล้วเลยเป็นเรื่องที่ ถ้าจะซื้อก็ต้องเผื่อใจไว้สักหน่อย ว่าอาจจะอ่านได้ไม่จบ แต่ถ้าไม่สนใจกับเรื่องนั้น แล้วกะอ่านเล่นดู มันก็เหมาะกับการใช้อ่านฆ่าเวลาแบบไม่ต้องคิดอะไรอยู่เหมือนกันครับ ไม่แนะนำสำหรับคนที่จริงจังกับชีวิต
ความน่าสนใจ : 1/5

7/11/58

Kasou Ryouiki no Elysion / เอลีเชียน อัจฉริยะฝ่าโลกไซเบอร์

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Action Sci-fi
จำนวนเล่ม : 3 เล่มจบ
เรื่องย่อ : เทนเรียว ไทกะ พี่ชายผู้มีจุดเด่นอยู่ที่การเคลื่อนไหวร่างกายอันไร้เทียมทาน เทนเรียว ฟุยุกิ น้องสาวผู้มีจุดเด่นอยู่ที่ทักษะการทำโปรแกรมเทียบเท่าอัจฉริยะ สองพี่น้องได้กลับมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันอีกครั้งหลังจากผ่านไป 8 ปี

แต่ก็ต้องเผชิญปัญหาด้านการเงินในการใช้ชีวิตด้วยกันสองต่อสอง หนทางทำเงินที่ฟุยุกิเสนอคือโครงสร้าง "อาริเอส" เกมที่ผู้เล่นจะทำเงินรางวัลได้จากการขจัดบั้คอันตรายในโลกเสมือนจริง เอลีเชียน ซึ่งเป็นระบบหลักสำคัญที่เกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วไปอย่างลึกซึ้ง

แม้จะยังงงกับสัมผัสที่ไม่คุ้มชิน แต่ไทกะก็กวาดล้างเหล่าศัตรูในเกมไปได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยพรสวรรค์ที่มี

ทว่าวันหนึ่ง เพื่อนสนิทของฟุยุกิ ไซอนจิ รุอิ ถูกบั้คที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเล่นงานเข้า

..........."แล้วจะรอนะ เจ้าชายของฉัน"

เรื่องราวแบทเทิลแฟนตาซีลูกผสมของคู่พี่น้องที่เก่งขั้นเทพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนได้เริ่มขึ้นที่นี่แล้ว
ความเห็นส่วนตัว : ตลาดที่ทุกคนแสนจะคุ้นเคยกันดีมาอีกแล้วจ้า คืออารมณ์แรกหลังจากอ่านจบเลยล่ะนะ ทั้งที่พล็อตเรื่องอุตส่าห์วางมาอย่างดิบดี เป็นโลกในยุคที่เทคโนโลยีกว้างไกล อินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนโลกอีกโลกหนึ่ง ที่ผู้คนสามารถเข้าไปได้ ด้วยสร้างอวาตาร์ตัวเองขึ้นมาในอินเตอร์เน็ต แล้วย้ายจิตใจเข้าไปควบคุม อ้อ แต่นางเอกไม่ใช่ราชาสีดำนะ แล้วพระเอกก็ไม่ใช่ไอ้หมูบินด้วย 555+

ด้านคาแรคเตอร์ พระเอกของเราคือคิริโตะ...ไม่ใช่สิ แม้จะดูเหมือนใช่ แต่ก็ไม่ใช่ เอาเป็นว่า พระเอกในอินเตอร์เน็ต เป็นนักดาบขั้นเทพจนน่าตกใจว่าเติมทรูไปเท่าไหร่ ประมาณนั้นแหละ แต่มันเทพกว่าบักโตะตรงที่ เรื่องนี้ ความสามารถของตัวจริงจะถ่ายทอดไปที่เกม ทำให้ความเทพของพระเอก มันมาจากการฝึกฝน และพรสวรรค์ของตัวเองด้วย

ส่วนยัยนางเอกเบอร์1 จะใช้คาแรคเตอร์น้องสาวบราค่อน อยากจับพี่ชายตัวเองกดใจจะขาด ตามมาตรฐานเรื่องราวสายคอเมดี้นั่นเอง

ส่วนนางเอกเบอร์2เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาว แต่สัดส่วนเกินอายุตามสูตร และก็แน่นอนว่าจะต้องเป็นสาวที่ใช้ร่างกายได้เป็นประโยชน์ในการถึงเนื้อถึงตัวผู้ชายได้อย่างคล่องแคล่วตามมาตรฐานอีกเช่นเดียวกัน

นางเอกเบอร์3 เป็นประธานนักเรียน และลูกสาวประธานบริษัทยักษ์ใหญ่อยู่เพอร์เฟ็คและสมบูรณ์แบบ ซึ่งก็เป็นบุคลิคมาตรฐานอีกนั่นแหละ

รวมๆแล้วเรียกว่าคาแรคเตอร์ในเรื่องนี้ ตลาดทั้งหมดเลย ไม่มีส่วนไหนเซอร์ไพร์ส

การเดินเรื่องก็มาตรฐาน เริ่มจากพี่น้องได้กลับมาเจอกัน อยู่ด้วยกัน มีปัญหาด้านการเงิน เลยตัดสินใจเข้าไปหาเงินในอินเตอร์เน็ต ด้วยการไล่กำจัดบั้คตามเวบไซส์ (คล้ายๆเรื่องดับเบิ้ลแอกเซลของอนิแม็ค) ซึ่งบั้คมันก็ใจดี๊ใจดี มันจะกลายสภาพเป็นมอนสเตอร์ มี HP ให้เสร็จสรรพ ยืนหัวโด่อยู่รอให้คนเข้าไปปราบ หลังจากทำลายบั้คได้ ก็จะได้เงินรางวัลตามที่เจ้าของเวบตั้งค่าหัวไว้ และที่เด็ดกว่านั้นคือ พอบอส...เอ๊ย บั้คถูกทำลายไป รอสักพักมันก็จะเกิดใหม่มาให้ฆ่าอีกต่างหาก 555+ กลายเป็นเกมไปเลย

แต่ในโลกอินเตอร์เน็ต สิ่งที่น่ากลัวไม่ใช่บั้ค แต่เป็นไวรัส ดังนั้นตามสูตร นางเอกเบอร์รองต้องโดนไวรัส (เพราะนี่เพิ่งจะเล่มแรก นางเอกตัวหลักต้องเก็บไว้ก่อน) จนมีผลกระทบมาถึงร่างกายในโลกจริงด้วย แล้วให้พระเอกไปช่วย...อืม พูดงี้อธิบายยากแฮะ เอาใหม่ สรุปก็คือ พอโดนไวรัสแล้วจะ logout ออกมาจากเกมไม่ได้ 555+ แบบนี้เข้าใจง่ายขึ้นใช่มั้ยล่ะ ตลาดเลยใช่มั้ยล่ะ


ก็นั่นแหละ

ซึ่งรวมๆแล้วก็ไม่มีอะไรสักเท่าไหร่น่ะนะครับ เป็นแนวตลาดทั่วไป แต่บังเอิญว่าคนเขียนพยายามจะสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวละครที่แสนจะตลาดของตัวเองมากเกินไป ทำให้คำพูดของตัวละครมันโคตรแปลกเลย ยัยน้องสาวจะแทนตัวเองว่า "น้องสาว" อยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะพูดกับใคร ทำให้ดูน่ารำคาญ แถมยังอ่านยากด้วย ส่วนยัยเพื่อน ก็จะเรียกตัวเองด้วยชื่อว่า "รุอิซัง" หรือ "คุณรูอิ" อยู่ตลอดเหมือนกัน (อยากเรียกรุยแฮะ แต่ลิขสิทธิ์ไทย แปลรุอิ ก็รุอิละกัน -*-) ทำให้เวลาที่ยัยน้องสาวกับยัยเพื่อนคุยกันนี่ ปวดกบาลเอาเรื่องอยู่ ถ้าเผลอๆหรืออ่านชิวๆ ไม่ได้ตั้งสติให้ดีนี่ ยังกับโดนสตันอะ 555+ ว่าประโยคไหนใครพูด

ส่วนปัญหาในไทยก็ไม่มีอะไรครับ อย่างอื่นปกติดี แถมจำนวนเล่มมีแค่ 3 ด้วย ต่อให้ดองยังไงก็คงไม่นานเกินไปหรอกมั้ง
ความน่าสนใจ : 3/5

5/11/58

Tokage no Ou / ราชันโทคาเงะ

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Mystery - Thriller
จำนวนเล่ม : 5 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ผมไม่ใช่มนุษย์ที่จะจบลงในที่แบบนี้ ผมอยู่นอกกรอบของ "ชีวิตธรรมดา" ที่คนจำนวนมากคนอื่นๆถูกบีบบังคับให้เป็น ผมคือผู้ถูกเลือก

"รีเพนท์" ความสามารถที่ผมได้รับนั้น เป็นของปลอมที่ดูเหมือนการต้มตุ๋น แต่ว่าผมมีความสามารถในการ "ทาสีโลกใหม่" การต้มตุ๋นนี่แหละคือความสามารถของผม

ไม่ว่าจะถึงแค่ไหน ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็จะหลอกให้ถึงที่สุด

ก่อนอื่นขั้นแรก ผมจะหลอกแม้กระทั่งตัวเอง

แล้วจากนั้น ผมก็จะหนีไปจากพวกนักฆ่าน่ากลัวที่ยืนอยู่ตรงหน้าให้ได้อย่างแน่นอน

ก็เพราะว่าผม...

"แข็งแกร่ง" ที่สุดน่ะสิ
ความเห็นส่วนตัว : LN สาย Guro ที่ควักตับไต้ไส้พุงกันสนุกสนานเรื่องแรกในไทยเลยจ้า 555+ ใครอ่าน Manga อาจจะไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่นะ เพราะภาพมันซอร์ฟ แล้วก็บทบรรยายละเอียดๆใน Manga มันไม่มีอยู่แล้ว แต่ LN นี่ไม่ใช่อะ

ถ้าเทียบกับ LN เรื่องอื่น ฉากจูบ จะบรรยายละเอียดยิบ ริมฝีปากที่ใกล้เข้ามา ความรู้สึกตอนสัมผัสกัน บลาๆๆ ในขณะที่ฉากฆ่ากัน จะบรรยายแค่ว่า กวัดแกว่งดาบออกไป ยิงพลังพิเศษใส่กัน แค่นั้นแล้วจบ

แต่เรื่องนี้จะสลับกันเลยครับ ฉากจูบจะบอกแค่ว่า จูบกัน แล้วจบ ส่วนฉากฆ่ากันนี่ Guro จัดเต็มมาก ดาบฟันมา ก็จะไม่จบแค่ไหน มันจะขยายความอธิบายถึงผิวหนังที่ถูกกรีด เลือดที่ไหลทะลักออกมา มีดที่จ้วงแทงเข้าไปในท้อง กล้ามเนื้อฉีกขาด คว้านตับไตไส้พุง ลำไส้ไหลทะลัก เลือดสาดกระเด็น ลูกตาถูกควัก ฟองเลือดที่ไหลออกมาจนแทบสำลัก บลาๆๆ

แถมการต่อสู้ด้วยพลังพิเศษในเรื่องนี้ พวกตัวหลักๆจะเป็นพลังพิเศษสไตล์ Elfen Lied เลยล่ะ ใครเกิดไม่ทัน ก็อธิบายว่ามันเป็นพลังในการฉีก กระชาก ทำลายร่างกายของคนอื่นให้ขาดเป็นชิ้นๆนั่นแล และตัวละครในเรื่องก็จะฆ่ากันเลือดสาดตั้งแต่เล่มแรกกันเลยทีเดียวเชียว ตัวไหนบทเยอะก็จะหลุดเป็นชิ้นๆเยอะตามไปด้วยอีกต่างหาก 555+

อย่างฉากแขนขาดนี่ บรรยายละเอียดตั้งแต่ตัวละครเริ่มรู้สึกร้อนๆที่แขน ไล่ไปจนกระทั่งแขนหลุดกระเด็น เลือดสาด ร่างกายเสียสมดุล อากาศไหลผ่านเข้าไปในร่างกายผ่านทางแผล ความเจ็บปวดจนลงไปดิ้นพราดๆ บลาๆๆ เรียกว่าเน้น Guro เป็นหลัก เรื่องอื่นเป็นรอง

(ย่อหน้านี้สปอย) ขนาดเนื้อเรื่องของเล่มแรกที่เห็นเล่มหนาๆนั่น มีแค่ว่า พระเอก(ที่มีพลังพิเศษอย่างนึง) ไปนั่งเล่นอยู่ในตึกร้างจนดึกดื่น โดยไม่รู้เลยว่าตึกนั้นกำลังจะกลายเป็นเวทีที่พวกนักฆ่า(ที่มีพลังพิเศษ)จะมาฆ่ากัน สุดท้ายตัวเองเลยติดร่างแหไปด้วย ก็เลยต้องพยายามเอาตัวรอด แค่นั้นแหละ

ในส่วนของการเดินเรื่อง จะย้อนไปย้อนมาพอสมควร เหมือนกล่าวถึงตัวละคร A ตอน2ทุ่ม แล้วย้อนไปพูดถึง B ตอน 1ทุ่ม อะไรงี้ ทำให้เวลาอ่าน แนะนำให้อ่านรวดเดียวไปเลย อย่าหยุดพัก คั่นไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยอ่านต่อ อะไรแบบนั้นนะ ไม่งั้นมีโอกาสจะงงสูง

ส่วนเรื่องของการแปล อันนี้พอเข้าใจคนแปลนะ มันมีตัวละครที่จะพูดงงๆ พูดแบบไม่สนใจสถานการณ์อยู่ตัวสองตัว อารมณ์ว่าเค้าจะตายกันอยู่แล้ว ไอ้นี่ยังพูดเรื่อยเปื่อยอยู่เลย ทำให้บางประโยคของตัวละครตัวนั้นดูงงๆ อ่านแล้วมึนๆตามไปด้วย คล้ายกับว่าบทสนทนามันไม่ต่อเนื่องกันสักเท่าไหร่ แถมพวกชื่อเฉพาะ พวกชื่อที่เล่นคำญี่ปุ่นก็มีอยู่เยอะด้วยสิ คนไทยที่ไม่มีพื้นญี่ปุ่นอ่านคงจะเข้าใจยากนิดนึง นอกนั้นก็ธรรมดาครับ

นอกจากนั้น พวกรูปเล่ม ขอบปก หน้าสี สันกาว อะไรพวกนี้ก็ดีขึ้นเยอะครับ มาอยู่ในระดับมาตรฐานน่าจะได้แล้วล่ะ ติดเรื่องราคาอย่างเดียว มันจะสูงกว่าเรื่องทั่วไปอยู่หน่อย
ความน่าสนใจ : 5/5

2/11/58

Kenshin no Succeed / ศิษย์สืบทอดดาบเทวะ

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 12 เล่มจบ
เรื่องย่อ : โตเกียวโซเดีย เมืองที่ถูกปกครองโดยชนเผ่า โซดี้ ผู้รักและฝึกฝนทักษะดาบมาช้านาน

คุโร เด็กหนุ่มที่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแต่กลับไปต้องตาปรมาจารย์แห่งดาบ ดาบศักดิ์สิทธิ์ เฮียวกะ ทำให้เขาได้เล่าเรียนหลายๆสิ่ง และเพื่อที่จะได้รับสิทธิพลเมืองของ โซดี้ เขาจะต้องเข้ารับการศึกษาที่ วิทยาลัยแห่งดาบ แต่ทว่าชีวิตประจำวันของเขากลับต้องค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปด้วยความสับสนอลหม่านจากการที่ได้เจอกับเพื่อนสมัยเด็กชาวโซดี้ที่มีนามว่า เซฟี และยังต้องรับมือกับเด็กสาวขององค์กรต่อต้านโซดี้นามว่า ซากุราอิ ฮินาโกะ ซึ่งพบกันก่อนจะมาศึกษาที่วิทยาลัย

ในความวุ่นวายนี้เอง คุโรถูกดึงเข้าไปพัวพันกับคดีที่เลือดต้องล้างด้วยเลือดซึ่งเกิดขึ้นในหมู่โซดี้ด้วยกันเองจากฝีมือของผู้วางแผนก่อจลาจล

นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มสาวเผ่ามนุษย์และอีกชนเผ่าหนึ่งที่ใช้ชีวิตร่วมกับดาบ นิยายแนวเลิฟคอเมดี้ และซอร์ดแอคชั่นที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความรักต่อดาบเปิดฉากขึ้นแล้ว

จงตกอยู่ในวังวนของวิชาดาบอันกล้าหาญและงดงามซะ
ความเห็นส่วนตัว : หนึ่งในเรื่องเก่าแนวตลาดในสมัยก่อนครับ เล่ม1ที่ญี่ปุ่นออกประมาณ3-4ปีที่แล้วล่ะมั้ง โครงเรื่องก็เลยค่อนข้างจะเป็นแนวที่เห็นจนชินตา แม้คำบรรยายท้ายเล่ม (เรื่องย่อข้างบน) จะเขียนให้แลดูน่าสนใจก็เถอะนะ แต่รสชาติที่ได้รับจากการอ่านเต็มๆก็ยังไม่พ้นฮาเร็มเซอร์วิสในรั้วโรงเรียนอยู่ดี

 แม้แต่ปม หรือปริศนาที่ผูกเอาไว้ก็ยังเดาได้ค่อนข้างง่าย เพราะเป็นแนวเดียวกับเรื่องตลาดเรื่องอื่นๆ ไม่มีจุดที่อ่านแล้วรู้สึกเซอร์ไพร์สเลยแม้แต่น้อย

(ย่อหน้านี้สปอย) อย่างเล่มแรก ก็ตลาดเดิมๆ เริ่มตั้งแต่พระเอกย้ายเข้ามาเรียน สานสัมพันธ์กับสาวสวยระดับท้อป ถูกเด็กเก่งหมั่นไส้เลยท้าดวล และเข้าสู่ฉากโชว์เทพของพระเอก ปิดท้ายด้วยการประลองในโรงเรียน แต่ถูกตัวร้ายมาป่วน ซึ่งตัวร้ายก็เดาได้ตั้งแต่ต้นว่าต้องเป็นใคร จนรู้สึกจืดๆ แค่มาซัดกันให้พระเอกได้โชว์เทพให้สุด ก็เป็นอันจบเล่ม1

ที่น่าสนใจมีแค่อย่างเดียวคือ นิสัยของพระเอก จะไม่ใช่ไอ้ไก่อ่อนที่ไม่ประสีประสาเรื่องเพศตรงข้าม โดนสาวแก้ผ้าจับกดก็ยังไม่แข็งแต่อย่างใด แต่เป็นไอ้หนุ่มหื่นตามสไตล์ผู้ชายปกติทั่วไป ที่ถ้ามีโอกาสก็จะแอบแต๊ะอั๋งสาวๆบ้างอะไรบ้าง ทำให้เวลาอ่าน ยังพอรู้สึกว่าพระเอกมันเป็น "คน" อยู่บ้าง คาแรคเตอร์ตรงตามสามัญสำนึก แม้จะสุดโต่งไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าผู้ชายที่แผงปลาเค็มทิ่มหน้าก็ยังไม่รู้สึกอะไรใช่มั้ยล่ะ 555+

ส่วนเผ่าโซดี้ (Swordie) ที่เป็นเผ่าพันธุ์สมมุติของเรื่องนี้ โดยส่วนตัวคิดว่าคนเขียนล้อมาจากคำว่า Sword นั่นแหละ และเมื่อเป็นเผ่าที่ใช้ชีวิตอยู่กับดาบ ก็เลยหลงรักผู้ใช้ดาบที่แข็งแกร่ง ไอ้พระเอกที่เป็นมนุษย์ แต่ดันเทพดาบเกินหน้าชาวบ้านก็เลยมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะตั้งฮาเร็ม เหอๆ

ในส่วนของสนพ.ไทย เท่าที่อ่านดูยังไม่รู้สึกติดขัดอะไรกับการแปล ด้านรูปเล่มก็ไม่มีปัญหา ราคาก็อยู่ในระดับมาตรฐาน เลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ถ้าคนชอบสไตล์นี้คงซื้อได้ ไม่ตะขิดตะขวงใจอะไร แต่ถ้าใครเบื่อแนวตลาดๆแบบนี้แล้วก็มองข้ามไปล่ะนะ
ความน่าสนใจ : 3/5

30/10/58

Excellcia to Shoukan Kishi / สงครามเจ้าหญิงกับอัศวินอัญเชิญ

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ทุกๆ 10 ปีจะมีสงคราม ปรินเซสจีฮัด ซึ่งเป็นสงครามระหว่างเจ้าหญิงทั้ง 13 ตระกูลทั่วทั้งโลกเพื่อแย่งชิงตำแหน่ง เอ็กซ์เซลเซีย เจ้าหญิงสูงสุดผู้อยู่เหนือทั้งปวง

แม้ ทาเทมาจิ เรียวโก จะเป็นเด็กหนุ่มม.ปลายที่ไขว่คว้าหาชีวิตอย่างสงบสุขเยี่งสามัญชนก็ตาม แต่ก็โดน โอริก้า ซึ่งเป็นเจ้าหญิงแห่งราชวงศ์มาการูนเข้าใจผิด จนทำให้เขากลายเป็นอัศวินในพันธสัญญาของเธอไปเสียได้

"ออกมาเดี๋ยวนี้ อัศวินอัญเชิญของข้า" อ้าว แล้วทำไมชั้นถึงสวมชุดเกราะเองแบบนี้ล่ะ

ไม่ทราบได้เหมือนกันว่าเป็นเพราะเหตุใด ที่ทำให้โอริก้าต้องมาต่อสู้ในฐานะอัศวินอัญเชิญแบบนั้นไปได้ มิหนำซ้ำ วิธีการที่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นก็ยัง...

"ช่วยทานครั้งแรกของชั้นหน่อยได้มั้ย"

คือการทำให้เรียวโกเกิดความปรารถนากับเธอนั่นเอง!?

นิยายแนวแบทเทิ้ลแฟนตาซีระหว่างเจ้าหญิงทั้ง 13 คนเริ่มต้นขึั้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : สำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านเรื่องย่อ (ข้างบน) หรือไม่ชอบอ่านปกหลัง ผมขอแนะนำให้อ่านนะครับ เพราะคนเขียนคนนี้มีปัญหากับการอธิบายเรื่องราวและการดำเนินเรื่องมาก ถ้าใครอยากพิสูจน์ ลองอ่านโดยไม่อ่านเรื่องย่อดูดิ (แบบผมตอนแรก) งงแน่นอน 555+

คือ เขาไม่เกริ่นเรื่อง ไม่อธิบายที่มาที่ไปของเรื่องราว หรือการกระทำต่างๆของตัวละครเลยแม้แต่น้อย ขนาดรายละเอียดที่ว่าการต่อสู้ในเรื่องเป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้าหญิง 13 คนมันยังไม่ได้บอกเลยครับ ถ้าไม่มีปกหลังนี่ ไม่มีทางเข้าใจเรื่องราวเลย นอกจากเจ้าหญิงมาหาอัศวินไปสู้กัน แล้วนางเอกต้องทำให้พระเอกหื่นใส่ ถึงจะพาวเวอร์อัพ แค่นั้นแหละ อย่างกับเขียนนิยายสนองความเงี่_นของตัวเองยังไงยังงั้น

นอกจากนั้นเรื่องราวยังเดินเรื่องขัดกันเองหลายส่วนเลยด้วยครับ แม้แต่ในเล่ม1เอง ช่วงต้นเรื่องกับท้ายเรื่องก็ยังมีขัดกันเลย ยกตัวอย่างเช่น

(ย่อหน้านี้สปอย) ตอนท้ายเรื่อง พอจะจับใจความของกฎการต่อสู้ได้ว่า 1. ถ้าเจ้าหญิงถูกลอบโจมตี ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ อัศวินจะถูกบังคับอัญเชิญขึ้นมาข้างๆเพื่ิอปกป้องทันที และข้อ2. ในระหว่างที่อัศวินยังอยู่ เจ้าหญิงจะไม่มีทางโดนโจมตีเด็ดขาด แต่ถึงอย่างงั้นตอนต้นเรื่อง มันดันพูดถึงการชนะการต่อสู้ โดยอัศวินไม่ต้องปะทะกัน อย่างการลอบสังหารเจ้าหญิงซะงั้น ทำเอางงไปเลยว่าจะลอบสังหารได้ยังไง ในเมื่อถ้าเจ้าหญิงตกอยู่ในอันตราย อัศวินจะปรากฎตัวทันทีอยู่แล้ว คนเขียนมันลืมรายละเอียดที่ตัวเองเขียนไว้รึยังไง เป็นต้น

(ย่อหน้านี้สปอย) ยังไม่หมดนะ ต่อให้พยายามมองข้ามการเดินเรื่อง แต่การกระทำของตัวละครก็ไม่สมเหตุสมผล อย่างการที่นางเอกต้องการอัศวิน แถมพระเอกยังเป็นอัศวินคนแรกด้วย แต่เงื่อนไขในการพาวเวอร์อัพ ดันไปตั้งว่า ให้รัก ซะงั้น ถ้าไม่รัก ก็จะไม่ได้โบนัสพลังพิเศษ แล้วต้องการเป็นการรักจริงๆด้วย ไม่งั้นก็ไม่เข้าเงื่อนไข ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จัดว่ายาก สำหรับคนเพิ่งจะเจอหน้าครั้งแรก ในขณะที่ฝั่งตรงข้าม เงื่อนไขอัศวินตั้งง่ายๆ อยากการบอกเคล็ดลับความสวย แค่เนี่ย แล้วยัยนางเอกจะไปทำให้ตัวเองเสียเปรียบเล่นเพื่ออะไรหว่า

เอาล่ะ พอแค่นี้ดีกว่า ถ้าจะติจริงๆ มีจุดให้บ่นแทบทุกหน้าเลย ถ้าใส่มาหมดมันจะยาวเกิน 555+ แถมโครงเรื่องก็ตลาด เอาตลาดมายำๆรวมกันจนรู้สึกแย่ แต่ไม่พูดละเอียดแล้ว ไม่งั้นยาวแน่นอน

ข้ามมาที่ปัญหาของสนพ.ไทยกันดีกว่า ในเรื่องนี้จุดแปลผิดมีรึเปล่าไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่ได้อ่านยุ่นมาก่อน แต่เอาแค่ความรู้สึกระหว่างการอ่านมาจับ ก็พอจะสัมผัสได้ในส่วนของการจัดวรรคตอนมากกว่า คือรูปประโยคไม่รู้สึกว่าขัดๆอะไร แต่การเว้นวรรค การย่อหน้า การขึ้นบรรทัดใหม่ บลาๆๆ มันแย่จนเด่นกว่าเรื่องความถูกต้องในการแปลอะ (โดยเฉพาะเว้นวรรค) และที่สำคัญที่สุดคือ ฟร้อนเล็ก อ่านยาก เปิดมาหน้าแรกถึงกับสะดุ้ง ว่านี่เป็นหนังสือจากโปรโมชั่นซื้อหนังสือแถมแว่นขยายรึเปล่าหว่า แล้วทำไมเค้าถึงไม่มีแว่นขยายให้มาด้วยเนี่ย 555+

ส่วนปัญหาของยุ่นเองใช่ว่าไม่มีนะ เพราะเท่าที่ค้นๆดู หลายเวบข้อมูลไม่ตรงกัน บางเวบบอกว่าเรื่องนี้โดนตัดจบไปแล้วที่3เล่ม (สมควร ห่วยเกิ๊น) บางเวบก็บอกว่ายังไม่จบ แต่ถ้ามองจากระยะเวลา เล่ม3 มันออกตั้งแต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนเลยนะ และหลังจากนั้นก็ไม่มีเล่ม4ให้เห็นเลย ดังนั้นต่อให้ยังไม่มีประกาศตัดจบ คนอ่านก็ควรจะเข้าใจเองได้แล้วล่ะ

รวมๆแล้วเลยเป็นเรื่องที่ไม่แนะนำให้ซื้อเลยครับ เสียเงินเปล่าๆ
ความน่าสนใจ : 1/5

21/8/58

Kiniro Quartet! / ทำนองเพลงบรรเลงฝัน

สำนักพิมพ์ : Dexpress
แนวเรื่อง : School Life
จำนวนเล่ม : 3 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : มาชู เอย์จิ นักศึกษามหาวิทยาลัยดนตรีและนักเป่ายูโฟเนียมฝีมือดีผู้กำลังหมดอาลัยตายอยาก วันหนึ่งอาจารย์ผู้มีพระคุณสมัยเด็กได้โทรศัพท์มาหา และขอให้เขาช่วยไปเป็นโค้ชวงเครื่องเป่าของสี่สาวเจ้าปัญหา!?

แต่พรสวรรค์และความฝันของเหล่าเด็กสาวที่จะมุ่งสู่เวทีระดับโลกนั้น ได้จุดไฟในใจที่ใกล้มอดดับของเอย์จิให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง!
ความเห็นส่วนตัว : จุดเริ่มต้นของเรื่องราวนั้น อาจจะคล้ายเรื่องอื่นไปสักหน่อย อย่างการที่พระเอกที่เป็นระดับเทพ ไม่สามารถโชว์ความเทพของตนเองออกมาได้ด้วยดราม่าบางประการ โดนชักชวนให้มาเป็นโค้ชสอนเด็กๆ แล้วเขาก็ถูกเด็กๆจุดไฟที่มอดไปแล้วกลับขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทักษะในการเล่น และพรสวรรค์ในการพัฒนาตนเอง รวมไปถึงจั๊มป์ชู้ต...เอ่อ ไม่ใช่สิ การเป่าทำนองเพลงอันแสนจะโดดเด่น

ด้านคาแรคเตอร์ เพื่อให้แจกเซอร์วิสได้อย่างสบายใจ เลยขยับจากเด็กป.5-6 ขึ้นมาเป็นม.1แทน (เอิ่มมม) ส่วนพระเอกก็ขยับจากม.ปลายไปเป็นนักศึกษามหาลัย ส่วนลักษณะนิสัยต่างๆ ตัดฮินาตะออก 4คนของเรื่องนั้นก็เท่ากับ4คนก็เรื่องนี้อะนะ


แต่นอกเหนือจากตรงนั้นแล้ว รูปแบบการเดินเรื่องและการถ่ายทอดนั้น ทำออกมาได้ดี แม้เป็นคนที่ไม่มีความรู้ทางดนตรีก็สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ไม่ยาก มีการแบ่งบทบาทของแต่ละคนได้ค่อนข้างสมดุล และเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ใช้ตัวละครประเภทพรสวรรค์โผล่มาก็เทพทันที แต่ใช้ตัวละครที่มีความพยายามอย่างสม่ำเสมอ หมั่นฝึกซ้อมกันจนดึกดื่นทุกวันเป็นเดือนเป็นปี ถึงจะมีฝีมือขึ้นมาได้ แม้จะโดนกลั่นแกล้ง แม้จะโดนขัดขวาง แม้จะโดนดูถูก เลยช่วงให้จุดไคล์แม็กซ์น่าประทับใจขึ้นอีก

สำหรับสนพ.ในไทยนั้น จุดที่พิมพ์ผิดมีอยู่เล็กน้อย มีจุดที่ใช้คำผิดความหมายอยู่บ้าง แถมไม่ใช่คำที่มีความหมายเฉพาะในด้านดนตรีด้วย และเป็นคำทั่วไปเลยนี่แหละ รวมไปถึงราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าทั่วไปนิดหน่อย เลยทำให้ลำบากใจในการซื้อมาอ่านอยู่พอสมควร เมื่อประกอบกับทางญี่ปุ่นเอง เรื่องนี้เท่าที่ดูจะออกครึ่งปี 1 เล่ม แต่หลังจากเล่ม3ก็หายต๋อมไปซะเฉยๆจนผ่านมาเป็นปีแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของเล่ม4 สงสัยว่าคงโดนตัดจบที่ 3 เล่มแล้วซะละมั้ง

เลยทำให้ LN ดีๆอย่างเรื่องนี้ ขาดความน่าสนใจลงไปนิดหน่อยครับ
ความน่าสนใจ : 4/5

20/8/58

Hundred / ฮันเดรด

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Action
จำนวนเล่ม : 8 เล่ม - ยังไม่จบ (เล่ม8มีปก2แบบ)
เรื่องย่อ : ‘ฮันเดรด’-----มันคืออาวุธเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถต่อกรกับ ‘ซาเวจ’ สิ่งมีชีวิตปริศนาที่จู่โจมโลก

ตัวเอกคิซารากิ ฮายาโตะสามารถเข้าเรียนใน ‘ลิตเติ้ลการ์เด้น’ เรือนครศึกษาเหนือทะเลเพื่อตั้งเป้าเป็น ‘สเลเยอร์’ ผู้ใช้ฮันเดรด

แต่ว่า-----

“อยากเจอจังเลย ฮายาโตะ!!”
“ธะ เธอคือใคร...?”

ฮายาโตะรู้สึกคิดถึงอย่างแปลกประหลาดต่อเอมิล ครอสฟอร์ด รูมเมดที่ไม่รู้ทำไมถึงรู้จัก (?) ตนเป็นอย่างดี นอกจากนั้นขณะเพิ่งเข้าเรียนไม่ทันไร ก็โดนสเลเยอร์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในโรงเรียน ‘ควีน’ แคลร์ ฮาร์วีย์ยื่นขอท้าดวล...!?

แบทเทิ่ลแอ็คชั่นในรั้วโรงเรียน ‘ขั้นสุดยอด’ จากการจับคู่กันระหว่างมิซากิ จุน (ocelot) ×โอคุมะ เนโกะสุเกะ (nitroplus) เปิดม่านที่นี่แล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องแนวเดิมๆที่คาดเดารูปแบบการดำเนินเรื่องได้ตั้งแต่อ่านยังไม่ทันจบบทแรกน่ะนะครับ สเต็ปมาเป็นแพทเทิร์นมากๆ อย่างที่เห็นใน "เรื่องย่อ" ข้างบนนั่นแหละครับ พอเรื่องย่อแล้วเดาได้เลยละสิ ว่าเล่ม1จบยังไง

ถูกต้องเลยครับ หลังจากมีเรื่องกับระดับท้อปของโรงเรียนแล้ว ช่วงไคล์แม็กซ์ของเล่มก็ไม่พ้น ซาเวจ โผล่มานั่นแหละ 555+ กี่เรื่องๆก็มาแนวเดียวกันหมดนี่น้า


จะดีหน่อยก็ตรงที่คาแรคเตอร์ของพระเอกมันไม่ใช่แนวหาเรื่องชาวบ้านแล้วเผ่นมามุดใต้กระโปรงผู้หญิงเหมือนตลาดเรื่องอื่นๆ แต่เป็นพระเอกที่มีความเทพอยู่ในตัว สามารถดูแลตัวเอง และปกป้องฮาเร็มได้ อย่างในเล่ม1จะแสดงบุคลิคออกมาค่อนข้างชัดเจนทีเดียวกับน้องสาว(ป่วยด้วย) ที่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เพราะพ่อแม่ตายหมดจากเหตุการณ์สัตว์ประหลาดบุกครั้งแรกๆ ซึ่งแม้จะต้องไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่พอมีการวัดพลังต่อสู้แล้ว พระเอกสูงลิ่ว จนมีบริษัททางการทหารเข้ามายื่นข้อเสนอให้พระเอกไปฝึกฝนที่โรงเรียนเฉพาะทาง โดยเขาจะออกค่าใช้จ่ายให้ แถมยังเสนอเงื่อนไขช่วยค่าใช้จ่ายในการรักษาน้องสาวอีกต่างหาก พระเอกมันก็โอเคเลย

แต่ก็นะ ถ้าไม่มีตัวคอยแกว่งปากไปหาเท้า เอ๊ย แกว่งเท้าไปหาเสี้ยน เนื้อเรื่องก็จะดำเนินไปได้ยาก คนเขียนก็เลยโยนหน้าที่นั้นไปที่นางเอกแทน กลายเป็นนางเอก ซึ่งเป็นสาวแต่งหนุ่ม จะปากเสียแถมเลือดร้อน เอะอะอะไรก็ท้าคนอื่นต่อยได้ตลอด แต่เธอไม่ต่อยเองนะ โยนให้พระเอกแทน 555+ อารมณ์เหมือนเด็กตีกัน แล้วท้าแบบ เอ็งสู้เพื่อนข้าไม่ได้หรอก ประมาณนั้น

อ้อ นอกจากแต่งหนุ่มแล้ว เธอดันชอบอี๋อ๋อเวลาอยู่กับพระเอกซะอย่างงั้น จนมีคนไม่น้อยเข้าใจว่าพระเอกมันเป็นเกย์ไปแล้ว 555+ รวมถึงไอ้พระเอกเองด้วย

ในส่วนของปัญหาที่พบเจอในไทย ก็ไม่มีเท่าไหร่ รูปเล่ม การเข้าเล่ม สันกาว อะไรพวกนี้ก็พัฒนาขึ้นมากทีเดียว การพิมพ์ผิดก็อยู่ในระดับเล็กน้อยจนพอจะมองข้ามได้

รวมๆแล้วก็เลยเป็นแนวตลาดที่ยังพอถูไถได้ครับ หรือเพราะมีเรื่องอื่นซึ่งแย่กว่าถูก LC เข้ามาก่อนก็ไม่รู้นะ 555+ พอมาประกอบกับที่ราคาไม่แพงเท่าไหร่แล้ว เลยสามารถใช้อ่านฆ่าเวลาได้ในระดับนึง
ความน่าสนใจ : 3/5

22/7/58

Hikikomori-tachi ni Ore no Seishun ga Honrou Sareteiru / ชีวิตของผมมันวุ่นวายเพราะยัยพวกฮิคิโคโมริ

สำนักพิมพ์ : Nida
แนวเรื่อง : Love Comedy
จำนวนเล่ม : 3 เล่มจบ
เรื่องย่อ : อาโออิ ฮารุยะ ที่เป็นเด็กถูกรังแกได้ถูกช่วยเหลือจากสาวสวย มิซึโดริ ชิฮาเนะ ที่มีฉายาเป็นที่เกรงกลัว [เคียวโจ] ถึงแม้เธอจะดูโหดร้าย แต่เค้าปรารถนาที่จะได้ยืนเคียงข้างเธอที่ทั้งสง่างามและงดงาม แต่การย้ายโรงเรียนทำให้เค้าต้องแยกจากกัน

หลังจากนั้น 6 ปี ฮารุยะที่ได้เป็นนักเรียนม.ปลายได้เติบโตเป็นนักเรียนม.ปลายที่แข็งแกร่งและมีแต่คนหลงใหล

ฮารุยะได้กลับมาที่ที่ฮารุยะกับชิฮาเนะได้พบกันในอดีต และได้เจอเธออีกครั้ง แต่ชิฮาเนะได้เป็นฮิคิโคโมริแบบสุดโต่งไปซะแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้น่าเสียดายมากครับ แต่น่าเสียดายยังไงเอาไว้ก่อนละกัน พูดถึงเรื่องราวก่อน

มันเป็นเรื่องราวของเด็กประถมที่อ้วนตุต๊ะ เป็นเป้าหมายของเด็กเกเรในการกลั่นแกล้ง กับสาวสวยสายโหดที่มีความสามารถในการต่อยตีอยู่ในระดับสูง เมื่อเธอได้เข้ามาช่วยเหลือหมูน้อยเอาไว้ และสร้างกำลังใจในการใช้ชีวิตให้ จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็สามารถเติบโตขึ้นมาเป็นหนุ่มหล่อ บุคลิคดี การเรียนใช้ได้ ได้สำเร็จ (ส่วนมากคนอ้วน พอลดแล้วจะหล่อ/สวย กันทุกคนน่ะแหละ 555+)

พอชั้นมัธยม เขาย้ายโรงเรียนกลับมายังเมืองที่เคยอยู่ในสมัยเด็กๆอีกครั้ง ก็ได้รับเสียงตอบรับจากสาวๆเพียบ เรียกว่าเหล่าชะนีพยายามแย่งกันเสนอตัวให้หมอนี่สุดๆเลยละ แต่เขามุ่งมั่นจะทำตามสัญญาตอนเด็กๆที่จะโตขึ้นเป็นผู้ชายที่สามารถยืนเคียงข้างกับเธอคนนั้นได้ ก็เลยไปหาหญิงสาวที่ตัวเองเฝ้าคิดถึงมาตลอด 6 ปี แต่ภาพที่เห็นคือเธอกลายเป็นฮิกกี้ตัวแม่ไปซะแล้ว

พระเอกมันก็เลยพยายามช่วยเหลือยัยนางเอก ไปพร้อมๆกับหว่านเสน่ห์ สร้างฮาเร็มไปในตัว 555+ (มันไม่ได้ตั้งใจอะนะ ตัวมันยังคิดว่าตัวเองไม่หล่ออยู่เลย คล้ายกับว่าเคยอ้วนมาก่อน ความมั่นใจเลยไม่ค่อยมี)

แต่เรื่องนี้ไม่รู้คนเขียนคิดยังไงถึงใช้ชื่อเรื่องว่าเป็น Hikikomori-tachi หรือที่ชื่อภาษาไทยใช้คำว่า พวกฮิคิโคโมริ น่ะนะ เพราะทั้งเรื่องมียัยนางเอกคนเดียวที่เป็นฮิกกี้ แถมยังรักษาหายได้ใน 1 ตอนอีกต่างหาก 555+ ส่วนพวกนางรองคนอื่นๆก็เป็นพวกจูนิเบี้ยว เป็นสาวยัน บลาๆๆ ซึ่งคนเขียนมันเหมาเอาเองว่าพวกเนี่ยก็เรียกว่าฮิกกี้เหมือนกัน (ได้ไงฟะ) ซะอย่างงั้น

เอาเถอะ ยังไงถ้ามองข้ามเรื่องฮิกกี้ไป เรื่องราวมันก็ใช้ได้เลยละครับ โครงเรื่องโอเคอยู่ การเดินเรื่องก็ทำได้ดี อ่านแล้วไม่รู้สึกว่าเบื่อ เป็นระดับที่อยากให้ความน่าสนใจไว้สัก4เป็นอย่างน้อยเลยด้วยซ้ำ

เพียงแต่ว่า สนพ.ที่ซื้อ LC เข้ามาในไทยดันมือไม่ถึงนี่สิ ทำให้คุณค่าของเรื่องนี้ลดลงฮวบๆ ยกตัวอย่างเช่น
- ย่อหน้าซ้ำ >> คือพิมพ์ย่อหน้าเดียวกันซ้ำกันเลยอะ มีเยอะด้วย

- วรรคตอนมั่ว >> จุดที่ควรเว้นวรรคก็ดันไม่เว้น จุดที่ไม่ต้องเว้นก็ดันเว้น อ่านแล้วปวดกบาล

- ไม่เว้นบรรทัดเวลาเปลี่ยนฉาก >> ปกติ LN เวลาเปลี่ยนฉาก มักจะเว้นวรรคว่างๆให้ หรือใส่สัญลักษณ์อะไรคั่น อย่างที่คุ้นตากันดี แต่เรื่องนี้มันไม่มีเลยครับ ก็ติดๆกันไปเลยแบบนั้นแหละ

- แต่ดันเว้นบรรทัดในบทพูด >> ทั้งๆที่คนเดียวกันพูดประโยคยาวๆ แล้วจะเว้นประโยคละบรรทัดทำไม กลายเป็นอ่านแล้วนึกว่าคนละคนเป็นคนพูดนะนั่น

- แปลผิด >> อันนี้มีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มันก็มีอะ ของทำขายทั้งที พยายามผิดให้น้อยๆหน่อยสิ

- แปลเหมือนบอท >> สงสัยเพราะใช้คนแปลผู้ซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอันดับต้นๆของโลกอย่างนาย Goo... นั่นแหละมั้ง บางย่อหน้ามันถึงอ่านแล้วต้องแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ

- ตัวสะกดผิด >> เยอะมาก อันนี้เยอะมากถึงมากที่สุด แบบเบสิคหน่อยก็ใช้ คะ กับ ค่ะ สลับกัน ไปจนถึงส่วนที่ผิดแบบพิมพ์ผิดเองเลย

- เครื่องหมายคำพูดคลุมบทพูด กับ บทบรรยาย ไปด้วยกันเลย >> อันนี้คงไม่ต้องอธิบายมั้ง
และอื่นๆอีกมายมายที่ขี้เกียจพิมพ์แล้ว เอ๊ย ไม่ใช่ๆ ถ้าพิมพ์ลงมาเดี๋ยวมันจะยาวเกินไปต่างหาก

รวมๆแล้วเลยไม่อยากแนะนำให้ซื้อเลยครับ อ่านแล้วปวดหัวมากเลยละ น่าเสียดายจริงๆ ถ้าสนพ.ไทยทำดีกว่านี้ เรื่องนี้จะดีมากเลยแท้ๆ
ความน่าสนใจ : 1/5

20/7/58

Ochikobore no Ryuugoroshi / โรงเรียนนักรบสยบมังกร

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 4 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : การปรากฏตัวกะทันหันของสิ่งมีชีวิตปริศนาอย่าง<<มังกร>> ทำให้โลกแทบถึงคราวพินาศสิ้น คาโน่ เรย์จิ เข้ามาเรียน ณ 'โรงเรียนเอกชนทาเคฮายะ' องค์กรสำหรับฝึกหัดนักรบที่จะต่อกรกับ <<มังกร>> โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพบกับเด็กสาวคนหึ่งซึงเขาไม่เคยพบหน้า แต่กลับทำให้ความทรงจำก้นบึ้งของเขาต้องสั่นไหว

'ฉันตัดสินใจแล้วว่า อัศวินผู้ปกป้องฉันคือชายผู้มีชื่อว่า คาโน่ เรย์จิ ไงล่ะ'

ทันทีที่เข้าเรียน เด็กสาวผู้นั้น.... คิซึกิ ยูมิกะ อัจฉริยะอันดับ 1 ของโรงเรียนก็ประกาศกร้าว เรย์จจิจึงได้เข้าร่วมทีมในสังกัดของเธอ ทว่าเรย์จินั้นมีความสามารถระดับบ๊วยของโรงเรียน แม้จะโดนเหล่าสาวสวยในทีมระดับแนวหน้าบอกว่า 'ไร้ประโยชน์' เรย์จิก็ยังคงต่อสู้เพื่อยูมิกะ!

เรื่องราวของเหล่าเด็กหนุ่มผู้ปกป้องโลกเปิดม่านขึ้นแล้ว!!
ความเห็นส่วนตัว : เป็นเรื่องแนวรั้วโรงเรียนผสมแอคชั่นที่พบเห็นได้ทั่วไป กับการใส่ชุดเกราะบินได้ออกไปสู้กับสัตว์ประหลาด (ซึ่งในเรื่องนี้คือมังกร) ซึ่งคาแรคเตอร์ก็เป็นแนวที่พบเห็นได้ทั่วไปทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น

- พระเอก ที่กากแต่ไม่เจียมตัว อันดับโหล่ของชั้นปี แต่ดันไปมีเรื่องกับอันดับหนึ่งไม่พอ ยังถ่วงแข้งถ่วงขาคนอื่นๆในทีมอีกต่างหาก ยังดีหน่อยที่ในเรื่องนี้มันไม่กากถึงขนาดทำอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยๆคนเขียนยังเมตตาเขียนให้พลังที่แท้จริงของพระเอกถูกผนึกเอาไว้
- นางเอก ก็ตามมาตรฐานตัวละครสายร่าน รุกไล่พระเอกบนที่นอนอย่างหนัก ซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เมื่อมองดูชื่อคนเขียนน่ะนะ เขาถนัดเขียนให้ตัวละครหญิงทำตัวร้อนร่านมาแต่ไหนแต่ไรละ รูปแบบการบรรยายในเรื่องก็จะพูดถึงขนในที่ลับ หรือเรื่องกลีบ(?)ตรงๆเลยเหมือนกัน แต่ดันไม่กล้าเขียนให้เป็นแนวมืด 555+

ทางด้านชุดเกราะบินได้ ถ้านึกไม่ออกก็นึกถึง IS ละกัน แม้ว่าเกราะมันจะไม่อลังการเท่าก็เถอะ แต่เป็นการออกแบบชุดลวกๆซะขนาดที่ Sky Girls ยังทำดีกว่า มีเพียงเกราะไหล่กับต้นขาเท่านั้น นอกนั้นเปิดโล่งเป็นชุดหนังรัดรูปที่แค่โดนสะกิดก็ขาด เหมาะกับการแจกเซอร์วิส

(ย่อหน้านี้สปอย) เนื้อเรื่องในแต่ละเล่มก็ไม่ค่อยมีอะไรตามสไตล์นักเขียนคนนี้อีกนั่นแหละ อย่างในเล่มแรกก็แค่พระเอกเพิ่งเข้ามาเรียน เป็นไอ้ที่โหล่ แต่ดันเข้าตานางเอกซึ่งเป็นระดับท็อปจนเธอเลือกเข้ามาอยู่ทีมเดียวกัน สร้างความไม่พอใจให้คนอื่น เลยมีเรื่องสู้กัน ประมาณเนี่ย

ในด้านการแปลก็มีจุดที่อ่านแล้วแปลกๆอยู่นิดหน่อย ไม่เชิงว่าแปลผิดอะไร น่าจะเป็นการเรียบเรียงถ้อยคำให้เป็นภาษาไทยได้ไม่ดีมากกว่า แต่ก็มีอยู่นิดหน่อยอย่างที่บอกน่ะแหละ ไม่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกแย่อะไรครับ

โดยส่วนตัวแล้วเลยไม่ค่อยอยากแนะนำสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะสนพ.ในไทยเป็นสนพ.123หรอกนะ (ชื่อเล่นที่เรียกกันในกลุ่มไอซ์คุงน่ะ เพราะสนพ.นี้ชอบออกเล่ม 1 2 3 แล้วก็ลอยไปกับสายลม โดยเฉพาะเล่ม1แล้วหาย ที่จะมีเยอะเป็นพิเศษ) แต่เป็นเพราะมันเป็นแนวตลาดซึ่งแทบจะไม่มีตรงไหนอ่านแล้วรู้สึกน่าสนใจเลย โครงเรื่องซ้ำซาก เดินเรื่องงั้นๆ และคนเขียนมันเขียนหลายเรื่องพร้อมกันไม่พอ ส่วนมากยังแทบไม่จบเลยด้วยมั้ง

นอกจากเรื่องนี้แล้วก็ยังมี เรื่องที่เขียนมาแค่เล่มเดียวแล้วหายไปเลยอยู่2เรื่อง (ยังไม่มี LC ในไทย เลยขอไม่พูดละเอียด) แล้วก็เรื่อง Masochistic Ecstasy ที่ดองไว้ที่เล่ม3มาเป็นปีละ เรื่องที่เขียนจบมีแค่ Dakara Boku wa, H ga Dekinai เรื่องเดียวเอง แนวโน้มของเรื่องนี้เลยพอเดาได้ว่าถ้าไม่ Endless ก็คงจะค่อยๆคลอดออกมาทีละเล่มแบบ Slow Life ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบรอยาวนานเป็นปีๆกว่าจะได้อ่านสักเล่มน่ะนะครับ ถ้าชอบสไตล์นี้จริงๆ ยังมีเรื่องอื่นที่ออกมาหลายเล่มแล้ว หรือออกได้เร็วกว่าอยู่อีกเยอะเลยละ (อย่างว่าแหละ ก็มันแนวตลาดนี่นะ)
ความน่าสนใจ : 2/5

23/6/58

Uchi no Isourou ga Sekai wo Shouaku Shiteiru! / อย่าห่วงเลยสาวน้อย โลกอยู่ในกำมือผมแล้ว!

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Comedy
จำนวนเล่ม : 12 เล่ม - ยังไม่จบ (11เล่ม กับมีเล่ม3.5)
เรื่องย่อ : ตัวจริงของคาซาโทริ ชินยะที่เดินทางมาที่ร้านก่อสร้างอียามะก็คือ ผู้ก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกโอไรอ้อนลูทนั่นเอง แถมเขายังควบคุมดาวเทียมได้ด้วยปลายนิ้วมืออีกต่างหาก

ชินยะต้องมาขออาศัยที่บ้านอียามะด้วยเหตุผลบางอย่างก็จริง แต่ทว่า……

“บ้านนี้มีเด็กผู้หญิงวัยแรกแย้มอยู่ด้วยนะคะ! ถะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็แย่น่ะสิ!”

ที่นั่นมีสามสาวพี่น้องแสนน่ารักที่มีนิสัยแตกต่างกันอยู่ด้วยนี่สิ!?

แล้วแบบนี้ประธานของเราจะทำยังไงเนี่ย? แอทโฮมเลิฟคอเมดี้ระหว่างเด็กหนุ่มผู้ไร้เทียมทานกับสามสาวพี่น้องแสนน่ารักมาแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : เป็นเรื่องที่อ่านแล้วชวนให้รู้สึกว่าเอาไปทำหนังซีรีย์น่าจะเวิร์คเลยแฮะ มันใช้ได้เลย พระเอกเป็นอัจฉริยะที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง ขึ้นเป็นประธานบริษัทธุรกิจขนาดใหญ่ และเป็นบริษัทแรกที่บุกเบิกอวกาศได้ล้ำหน้ายิ่งกว่าประเทศไหนๆ มีดาวเทียมเป็นร้อยๆดวงพร้อม ทั้งดาวเทียมที่ใช้ในการสอดแนม รวมไปถึงดาวเทียมที่ติดอาวุธพร้อมรบอย่างเลเซอร์ หรือพวกคลื่นต่างๆ

แน่นอนว่าอัจฉริยะขนาดนั้นย่อมต้องร่ำรวยอยู่แล้ว เขามีทุกสิ่งทุกอย่างที่เงินสามารถซื้อมาได้ เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง เขาจึงแว่บออกจากบริษัทมาตามหาสิ่งๆเดียวที่เขาค้นหามาตลอด สิ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้ นั่นก็คือ...

ครอบครัว

เนื่องจากพ่อป่วยตายไปตั้งแต่เขายังเด็ก ส่วนแม่ก็เป็นนักวิจัยที่สนใจเฉพาะงานวิจัยเท่านั้น เมื่องานวิจัยของแม่คือการค้นหาวิธีการสร้างอัจฉริยะที่รวดเร็วที่สุด ประหยัดที่สุด และมีประสิทธิภาพที่สุด เธอจึงมีลูก ซึ่งก็คือพระเอก แล้วใช้ตัวเขาในฐานะหนูทดลองนั่นเอง เมื่อเธอสร้างอัจฉริยะขึ้นมาได้สำเร็จ เธอก็ทอดทิ้งเขาไป เพราะสิ่งที่ผู้เป็นมารดาต้องการคือวิธีในการสร้างอัจฉริยะเท่านั้น ไม่ใช่ตัวอัจฉริยะสักหน่อย

กลับมาที่ปัจจุบัน พระเอกของเราจึงออกเดินทางเพื่อค้นหาสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว โดยตั้งใจจะแวะมาเอาของดูต่างหน้าของพ่อที่ฝากไว้กับเพื่อนที่ญี่ปุ่น และเมื่อมาถึง เขาก็ได้เจอกับ 3สาวพี่น้องอาศัยอยู่กับพ่อ (พ่อของสาวๆเป็นเพื่อนกับพ่อของพระเอก) ฐานะทางบ้านไม่จัดว่าดีเด่อะไร เป็นเพียงโรงงานเล็กๆที่ใกล้จะเจ๊งเท่านั้น

ปกเล่ม3.5
แต่!! สถานที่ที่ไม่มีทั้งเงินทอง และทรัพย์สินอะไร กลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขระหว่างกันและกัน

"นี่คือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวงั้นเหรอ"

พระเอกของเราเกิดความสงสัยขึ้นมา รวมไปถึงพ่อของพวกเธอเอ่ยปากให้เขาอาศัยอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งดูสิ โดยอ้างว่าพ่อของพระเอกเคยพูดไว้นั่นเอง

พอแค่นี้ละ เล่ามากกว่านี้มันจะสปอยหนักเกินไปละ ถ้าแค่นี้ยังอยู่ในช่วงบทนำไม่กี่หน้าอยู่ ไม่ถึงกับสปอยอะไรเท่าไหร่ ก็เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องแบบนี้แหละครับ ใช้ได้เลยใช่มะละ การเดินเรื่องก็โอเคดีด้วยนะ เป็นขั้นเป็นตอนไม่เร่งเกินไป แต่ก็ไม่ยืดเกินไป ตัวละครทุกตัวมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีความคิด มีการตัดสินใจต่างๆ ไม่ใช่ว่าเอาบทมายัดที่ตัวเอกตัว2ตัว ที่เหลือทื่อๆเป็นตัวประกอบ

คาแรคเตอร์ของพระเอก อ่านแล้วรู้สึกยอมรับได้ถ้ามันจะมีฮาเร็ม เพราะหน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร จิตใจก็ดี หัวก็ดี รวยด้วย เวลาสาวๆเดือดร้อนมันจะยื่นมือเข้ามาช่วยตลอด รับฟังพวกเธอเวลากลุ้มใจ ฯลฯ เป็นพระเอกไฮสเปคทีเดียว

ส่วนที่ขัดใจก็มีรายละเอียดปลีกย่อย2จุด คือ พี่สาวคนโตของ3สาว เนื้อเรื่องเขียนว่าเธอเป็นคนเดียวที่ผมหยิก ไม่เหมือนพวกน้องๆ แต่รูปประกอบมันวาดผมเหมือนกันเป๊ะทุกคนเลย 555+ คนวาดกับคนเขียนมันไม่คุยกันเลยใช่มะ อีกจุดนึงก็คือ ตัวน้องสาวคนเล็ก เนื้อเรื่องบอกว่าเธออยู่ประถมปลายแล้ว แต่ทำไมนิสัยถึงเด็กมากก็ไม่รู้สิ ขีดๆเขียนๆเล่นกลางถนน เดินกอดตุ๊กตา กระโดดลงอ่างอาบน้ำ ฯลฯ เหมือนไม่ใช่เด็กที่ใกล้จะขึ้นชั้นม.ต้นยังไงชอบกล

ในส่วนของสนพ.ไทย เท่าที่อ่านคร่าวๆดู ยังไม่เจอส่วนที่ผิดพลาดจนไม่น่าให้อภัยครับ แปลใช้ได้ การเข้าเล่ม สันกาว หน้าสีต่างๆก็ทำได้ดี ตัวปกนอกเองก็ตัดมาตรงกับรูปเล่มแล้ว ไม่ยื่นเหมือนเล่มอื่นๆที่ออกมาแรกๆของสนพ. ราคาก็ไม่ถือว่าแพงอะไร
ความน่าสนใจ : 5/5

25/4/58

Announcement : รายละเอียดการแก้ไขเนื้อหาในบล็อค ครั้งที่3




รายละเอียดการแก้ไขเนื้อหาในบล็อค ครั้งที่3

1.แก้ไข "ความน่าสนใจ" ของ LN ต่อไปนี้
ปรับขึ้น
---ไม่มี---

ปรับลง
IdoLising จาก 5 >> 4
Hime Gitsune no Servant จาก 5 >> 4
Shirokuro Nekuro จาก 5 >> 4
Shitsurenryuu to Keiyaku No Hanayome จาก 5 >> 3
Kohitsuji wa Mayowanai จาก 5 >> 3
Jinsei จาก 5 >> 4

Tate no Yuusha no Nariagari / ผู้กล้าโล่ผงาด

สำนักพิมพ์ : First Page Pro
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 10 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : อิวาทานิ นาโอฟุมิ ผู้ถูกอัญเชิญไปยังต่างโลกในฐานะผู้กล้าแห่งโล่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป3วัน กลับต้องถูกพวกพ้องหักหลังจนต้องสูญเสียชื่อเสียงและเงินทองในฐานะผู้กล้าไปในหนเดียว

ทำไมละ ทำไมถึงต้องมีผมคนเดียวที่ต้องเจอกับสภาพแบบนี้
ทั้งถูกทรยศ หวาดระแวง แคลงใจ ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้คือศัตรู

แต่แล้วเบื้องหลังของนาโอฟุมิซึ่งไม่สามารถเชื่อใจใครได้อีกแล้ว กลับมีสาวน้อยผู้หนึ่งปรากฎตัวขึ้น

บั้นปลายของความทุกข์ทนนั้น เขาได้อะไรมาครอบครองกันแน่ นี่คือเรื่องราวแฟนตาซีที่เขียนเล่าถึงการคืบคลานขึ้นมาจากความสิ้นหวังของชายคนหนึ่ง!!
ความเห็นส่วนตัว : ลังเลมากเลยครับ ว่าจะเขียนรีวิวเรื่องนี้ดีมั้ย เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่น และในไทยเองก็มีกระแสดีมาตั้งแต่ก่อนจะวางจำหน่ายแล้ว เป็นอารมณ์ว่าเขียนไปก็ไม่มีใครสนใจมั้ง เค้ารู้จักกันหมดแล้วนี่ แถมผมเอง ตั้งแต่ก่อนที่จะมีข่าว มิตรสหายวงในก็บอกเอง ว่าเรื่องนี้ท่าทางจะโดนแล้วนะ ถ้าไม่รู้จักลองไปอ่านในเวบอ่านนิยายของยุ่นดูสิ แถมมันยังกระซิบบอกเพิ่มอีกต่างหาก ว่าฉบับรวมเล่มจะแตกต่างจากในเวบด้วยนะ เหมือนแก้ไขให้ดีขึ้น ผมก็เลยอ่านมาบ้างแล้วเหมือนกัน

แต่บังเอิญว่ามิตรสหายอีกคนนึงมันซื้อฉบับ TH มาครับ ผมก็เลยมีคนให้ยืมอ่านมาเขียนรีวิว 555+ เพราะเนื้อหาบนบล็อคนี้ ผมต้องอ่านฉบับ TH ก่อนเท่านั้น ถึงจะเขียน

ธีมของเรื่องนี้ คือการหลุดไปต่างโลก เป็นผู้กล้าตามมาตรฐานทั่วไปที่มีมาตั้งแต่คุณพ่อยังเด็กครับ แต่จะผสานแนวเกมออนไลน์เข้าไปด้วย คือจะเป็นต่างโลกที่มีสภาพเหมือนเกมออนไลน์ แม้ว่าจะไม่ใช่เกมออนไลน์ มีการเรียกดูสเตตัส มีค่า HP MP SP มีสถานะไอเทม บลาๆๆ ซึ่งเอาจริงๆมันก็ตามมาตรฐานล่ะนะ ช่วงนี้กำลังฮิตแบบนี้กัน

แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้สามารถโดดเด่นขึ้นมาได้ ท่ามกลางคู่แข่งแนวตลาดนับไม่ถ้วนก็คือเรื่องราวครับ เพราะเขาเอาสังคมจริงๆสะท้อนเข้าไปในนิยายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการหลุดไปต่างโลก ที่ยุคสมัยต่างกัน ชีวิตสุขสบายแบบทุกวันนี้ ทำให้พระเอกลืมไปว่า ในโลกยุคกลางที่เต็มไปด้วยการปล้น ชิง ฆ่า ฯลฯ นั้น การเอาตัวรอดมันไม่โรยด้วยกลีบกุหลายแบบในเกมแน่นอน แม้แต่ผู้หญิงที่โผล่มา ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวละครโลกสวยแบบมาตรฐานทั่วไป เพราะบางคนก็เข้ามาโดนที่ตั้งใจจะใช้ความเป็นผู้หญิงปอกลอกเช่นกัน

และแล้ว หลังจากผ่านการโดนกลั่นแกล้ง โดนหลอก โดนหักหลัง โดนป้ายความผิด โดนปรักปรัม โดนปล้น โดนซ้อม ฯลฯ พระเอกผู้ซึ่งกำลังเดินทางสายมืดเต็มตัว ก็ได้นางเอกที่ชีวิตรัดทนไม่แพ้กันเข้ามาช่วยเหลือเอาไว้ และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างนั่นเอง

จริงๆก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะ ว่าช่วงเวลาที่พระเอกกำลังดำมืดขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีนางเอกโผล่มาในชีวิต พระเอกมันจะกลายเป็นจอมมารไปซะเองรึเปล่า 555+

เอาเถอะ เอาเป็นว่าในเล่มแรกเลยจะเน้นไปที่ดราม่าหนักๆ ด้านมืดของผู้คน เพื่อให้พระเอกเติบโตขึ้นก่อนครับ ยังไม่ค่อยมีความเป็นแฟนตาซี ตั้งปาร์ตี้ ลงดัน ล่าบอสกันสักเท่าไหร่

สปอยแค่นี้พอเนอะ น่าจะเห็นกันแล้วว่ารูปแบบการเดินเรื่องแตกต่างจากเรื่องตลาดอื่นๆชัดเจน และผู้เขียนมีฝีมือในการดึงเรื่องราวต่างๆออกมาให้ผู้อ่านสนใจ และติดตามอ่านไปได้เรื่อยๆไม่มีเบื่อ สมัยอ่านบนเวบ ผมอ่านรวดไปเกือบร้อยตอนเลยมั้ง ทั้งๆที่ตอนแรกกะอ่านสัก 10 ก็พอ 555+ ทั้งส่วนของบทบรรยายก็ไม่เยอะจนรู้สึกน่ารำคาญ(บางเรื่องแม่งบรรยายที 5หน้ายังไม่จบ) แต่ก็ไม่น้อยจนอ่านไม่รู้เรื่อง บทพูดก็ดูไหลลื่น ไม่มีส่วนติดขัด

ในส่วนของสนพ.ไทยเองก็ยังไม่มีส่วนติดขัดสักเท่าไหร่ครับ เนื่องจากเวทีเป็นโลกที่เหมือนเกมออนไลน์ ผู้แปลเองก็คงเคยเล่นเกมออนไลน์มาบ้าง เลยไม่รู้สึกว่าแปลขัดๆเหมือนบางเรื่อง รูปเล่มอยู่ในระดับใช้ได้ ไซส์หนังสือเองก็แม้จะไม่เล็กจนพกพาง่าย แต่ก็ไม่ถึงกับใหญ่จนเกะกะ จะขัดใจก็เรื่องราคานี่แหละ 555+ เป็นเรื่องที่สนุกก็จริง แต่ถ้าจะให้ซื้อเอง ไม่ยืมชาวบ้านอ่าน คงต้องรอมันลดราคาเลยล่ะมั้ง ไม่ก็ดูของมือ2เอา (แบบว่าราคาตีเป็นเงินเยนก็ราวๆ 800-900เยนเลยล่ะมั้ง ซื้อนิยายยุ่นตามร้านลับแลในโตเกียวได้เกือบ10เล่มแน่ะ)
ความน่าสนใจ : 5/5

24/4/58

Mahou Shoujo Kinshihou / กฎบัตรขจัดสาวน้อยเวทมนตร์

สำนักพิมพ์ : Dexpress
แนวเรื่อง : Fantasy Drama
จำนวนเล่ม : 2 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ :นี่คือเรื่องราว 10 ปีหลังจากบัญญัติ ‘กฎหมายห้ามมีสาวน้อยเวทมนตร์’

เมื่อผู้รุกรานจากต่างโลกถูกกำจัดจนหมดสิ้น โลกก็ไม่ต้องการพลังของสาวน้อยเวทมนตร์อีกต่อไป แต่ ‘นางฟ้าแฟชั่นนิสต้า สวีท~☆เบอร์รี่’ กลับฝืนกฎ และออกปราบ ‘คนชั่ว’ เรื่อยมา...

ซากุระ ชินอิจิ ชายหนุ่มผู้หลงใหลในตัวเบอร์รี่ ได้ขอยืมคทาวิเศษจากเพื่อนสมัยเด็กแปลงร่างเป็น ‘สาวน้อยเวทมนตร์’ และไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของเธอ !? ตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้ล่วงรู้ถึง ‘การล่าสาวน้อยเวทมนตร์’ ที่กำลังเกิดขึ้น... !!

เรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร? และมีจุดประสงค์อะไร? ม่านแห่งโศกนาฏกรรมอันโหดร้ายของเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์กำลังจะเปิดแล้ว...!!

**เนื่องจากเรื่องนี้ไม่มีเรื่องย่อที่ปกหลัง เลยอ้างอิงเรื่องย่อจากเวบไซต์ขายหนังสือออนไลน์แทนครับ
ความเห็นส่วนตัว :สาวดุ้น!!!!

ถูกต้องแล้วครับ สาวดุ้น นั่นแหละ อ่านไม่ผิดหรอก เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของสาวน้อยเวทมนต์ที่เต็มไปด้วยสาวดุ้น 555+ ใช้คำว่า "เต็มไปด้วย" แสดงว่าไม่ได้มีสาวดุ้นแค่คนเดียว มีตั้งแต่สาวดุ้นประเภทแต่งหญิงแล้วขึ้น ไปจนถึงเอาหมีควายมาแต่งหญิงเลยทีเดียว

แต่ถ้าพูดแบบนี้สงสัยจะกลัวจนไม่กล้าซื้อกันพอดี เลยต้องดักไว้ก่อนว่า สาวจริงก็มีครับ สาวดุ้นมีน้อยกว่าสาวจริงแน่นอนครับ อย่ากลัวไป การนั่งมองรูปปกหน้า ปกหลัง ปกใน หน้าสี บลาๆๆ แล้วเลือกอวยตัวละครซะก่อนที่จะอ่านก็เป็นรสชาติที่น่าสนุกนะครับ กับการลุ้นว่า "ตรูอวยสาวดุ้นรึเปล่าวะ" อะไรประมาณนี้ 555+

ภาพปกของเวอร์ชั่นออริจินอล
เอาล่ะ เล่นมุกดุ้นๆกันมาพอสมควร เข้าเรื่องกันซะทีได้ล่ะมั้ง เรื่องนี้ตอนแรกทำมาเป็นนิยายเล่มเดียวจบครับ ก่อนที่จะเวิร์คมั้ง ก็เลยเอามา remake rewrite recycle หรือจะ re อะไรก็ช่างมันเถอะ ให้ออกมาเป็นเรื่องยาว แน่นอนว่าที่ไทยซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาคือเวอร์ชั่น rewrite เรียบร้อยแล้วน่ะนะ

โดยเรื่องจะเน้นความเป็นดราม่าปวดตับ ที่สะท้อนให้เห็นชีวิตของสาวน้อยเวทมนต์หลังจากปราบเหล่าร้ายที่มาจากนอกโลกไปแล้ว พวกเธอเป็นยังไงกันต่อครับ ซึ่งบางส่วนก็ถอนตัวกลับไปเป็นเด็กธรรมดา บางส่วนก็เลือดรักความยุติธรรมแรงกล้า ทำตัวเป็นศาลเตี้ยออกกระทืบคนชั่วในเมืองต่อ

และปัญหาก็อยู่ตรงนี้แหละ เมื่อซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังล้นเหลือออกมาไล่จับโจรในเมือง ผู้คนต่างก็เริ่มหวาดกลัว ว่าสักวัน พลังอันแข็งแกร่งนั้นจะหันมาหาตัวเอง จนต้องร่างกฎหมายห้ามใช้เวทมนต์ และตัวตนของสาวน้อยเวทมนต์กลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

อ่านแล้วแม้จะคล้ายคลึงของคอมมิคชื่อดังของฝั่งตะวันตก ที่ไอ้บ้าเตารีดกับไอ้โล่ยุคหินตีกันกับประเด็นพรรค์นี้ เดือดร้อนไปถึงไอ้หนุ่มที่โดนแมงมุมกัดโดนหางเลข ไปๆมาๆกลายเป็นสงครามฮีโร่ก็เถอะ

แต่ก็พอจะเรียกได้ว่าเรื่องนี้เอามาแค่แรงบันดาลใจ กับพล็อตส่วนที่เป็นต้นเรื่องเท่านั้นล่ะมั้ง แต่การเดินเรื่อง การเชื่อมโยงเนื้อเรื่องเข้าสู่ดราม่าอันเป็นไคลแม็กซ์นั้นแตกต่างกันพอสมควรครับ เรียกได้ว่าเป็นนิยายที่มีกลิ่นอายของคอมมิคฮีโร่จากดินแดนตะวันตก แต่เปลี่ยนรูปแบบของฮีโร่เหล่านั้นให้เป็นสาวน้อยเวทมนต์เพื่อให้โอตาคุเข้าถึงง่ายเท่านั้นแล แถมเหล่าสาวน้อยเวทมนต์ในเรื่อง ถ้าเป็นผู้ที่มีชั่วโมงบินอยู่ในโลก2Dมายาวนานน่าจะคุ้นเคยกับพวกเธอดีล่ะ มีทั้งเซเลอร์มูน เรย์เอิร์ท ฯลฯ เรียกว่าเหล่าสาวน้อย(?)เวทมนต์รุ่นป้า อยู่กันพร้อมหน้าเลยทีเดียว แม้จะแก้ไขชื่อนิดหน่อยเพื่อป้องกันโดนฟ้อง แต่ยังไงมันก็สัมผัสได้แหละ

จุดที่ควรระมัดระวังมีแค่เรื่องที่ว่ามันเป็นแนวดราม่าเลือดสาด ดังนั้นคนที่ดูมาโดกะแล้วจิตตกกับรสชาติอูมามิ ไม่ควรอ่านเรื่องนี้ครับ เพราะการตายของสาวน้อยเวทมนต์หลากหลายรูปแบบจะมีอยู่ในเรื่องนี้แน่นอน ทั้งสภาพแหลกเละเป็นเนื้อบด โดนแก้ผ้าแล้วรัดคอ โดนซ้อมจนอาหารเช้าทะลักออกจากปาก ฯลฯ ดังนั้นถือว่าเตือนแล้วนะเออ

ในด้านของคาแรคเตอร์ตัวละครหลัก พระเอก...อืม อ่านไม่ผิดหรอก พระเอกนั่นแหละ บอกแล้วใช่มั้ยว่าเป็นสาว(ดุ้น)เวทมนต์น่ะ เอาล่ะ พระเอกนั้นค่อนข้างงี่เง่าครับ จิตใจอ่อนไหว คิดอะไรเหมือนเด็กๆ วาดฝันว่าโลกนี้ช่างเต็มไปด้วยดอกไม้ เวลาโดนตวาดก็หงอ เรียกว่าคาแรคเตอร์เหมือนลูกหมาตัวเล็กๆที่ยะงไม่เคยเผชิญกับความจริงของโลกภายนอกล่ะมั้ง

รวมๆแล้วเลยเป็นแฟนตาซีดราม่าอันหนักหน่วง เหมาะสำหรับผู้ที่มีภูมิต้านทานครับ และในฉบับภาษาไทย ต้องเพิ่มออฟชั่นเสริมลงไปด้วยว่า นอกจากนั้นต้องเป็นผู้ที่มีที่เก็บหนังสือเพียงพอ และมีเงินในกระเป๋าเพียงอ เพราะไซส์หนังสือมันห่างไกลกับนิยายของสนพ.อื่นราวๆ 2 เท่า ราคาก็มากกว่าชาวบ้านเค้า 2 เท่านั่นเอง ว่าแล้วเลยเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เคยพูดถึงในเฟสบุ้คก่อนที่จะโดนซื้อลิขสิทธิ์ และก็เป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจซื้อของญี่ปุ่นล่ะมั้ง

ส่วนความน่าสนใจ ก็แน่นอนว่าถ้าตัดเรื่องไทยๆอันน่าเศร้าออกไป มันย่อมไม่มีข้อกังขาอยู่แล้ว ยังไม่มีเรื่องไหนมาแนวนี้เลยนี่นา ไร้คู่แข่ง
ความน่าสนใจ : 5/5