21/10/59

Flame Oukoku Koubouki / นายแบงค์คู่คิด กู้พิษเศรษฐกิจต่างมิติ

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 5 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : "คุณคือ...ท่านผู้กล้าหรือเปล่าคะ"
"เปล่าครับ ผมเป็นพนักงานธนาคารธรรมดา"

มัทสึชิโระ โคตะ หลุดไปยังโลกต่างมิติขณะเดินทางไปทำงาน ทว่า ทั้งที่ถูกอัญเชิญไปในฐานะผู้กล้าแท้ๆ แต่ที่นั่นกลับไม่มีจอมปีศาจ จักรวรรดิชั่วร้ายเองก็อยู่ระหว่างปิดทำการ โคตะจึงถูกขับไล่ออกจากวังไปอยู่เมืองบ้านนอก

เมื่อคิดว่าจะได้เริ่มชีวิตอันสงบสุข เงื้อมมือปีศาจที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์ประหลาดก็บุกเข้าโจมตี

มันคือ "หนี้สาธารณะติดตัวแดง"

หากเป็นอย่างงี้ต่อไป การคลังสาธารณะก็จะล้มไม่เป็นท่า "พนักงานธนาคาร" อย่างโคตะจึงไม่อาจนิ่งเฉย

นี่คือเรื่องราวที่ตัวเอกผู้มีความสามารถในการโกงเป็นศูนย์ ลุกขึ้นต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมปีศาจ ด้วยสติปัญญาและความกล้าหาญ

มาเป็นพยานรู้เห็นประวัติศาสตร์ด้วยกันเถอะ
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้มีความสดใหม่นะเออ รู้สึกเล่ม5ที่ญี่ปุ่นเพิ่งวางแผงเมื่อเดือนที่แล้วเองมั้ง ซึ่งเรื่องราวโดยคร่าวๆก็เป็นอย่างในปกหลังครับ(ส่วนเรื่องย่อที่อยู่ข้างบน) ก็คือเป็นเรื่องของพนักงานธนาคารที่ถูกอัญเชิญไปต่างโลกที่แสนสงบสุข ถ้าไม่นับเรื่องที่เศรษฐกิจของโลกต่างมิตินั้นกำลังไม่ดีน่ะนะ เจ้าพระเอกหนุ่มก็เราก็เลยเข้าช่วยเหลือนั่นเอง

โดนคอนเซ้ปก็คงคล้ายๆ Maoyu หรือที่คนไทยส่วนใหญ่น่าจะเรียกว่าจอมมารเศรษฐศาสตร์นั่นแหละครับ (บังเอิญว่าเรื่องนี้ค่อนข้างดัง ก็เลยตัดสินใจไม่รีวิว ดังนั้นจึงไม่มี link แปะให้เหมือนทุกทีนะครับ) เพียงแต่จะแตกต่างกันนิดหน่อยตรงที่เรื่องนี้จะเน้นความเป็นทุนนิยมมากกว่า ประกอบกับพระเอกจะมองไปที่การพัฒนาเมืองเป็นหลัก อารมณ์แบบว่า หากเสียสละคนส่วนน้อยแล้วประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้ มันก็จะทำ อะไรประมาณนั้น

ยกตัวอย่างเช่น ใน Maoyu นั้น หากชาวบ้านทำการเกษตรได้รับความเดือดร้อนเรื่องดิน จอมมารก้อนเนื้อไร้ประโยชน์ก็จะพยายามหาวิธีแก้ปัญหาดิน

แต่ในเรื่องนี้ หากดินตรงที่เสียที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนนั้น เป็นที่ดินทำเลดี หากเอาไปใช้ทำอย่างอื่นนอกจากการเกษตร พระเอกมันจะกดดันให้ชาวบ้านแก้ปัญหา ด้วยการเอาเงินเข้ามาจับ อารมณ์ว่า ถ้าดินมันเสียก็ย้ายที่ซะสิ...ขายที่ซะ แล้วซื้อที่ใหม่...ที่ใหม่สวยกว่านะ...เงินไม่พอเหรอ...กู้เงินมั้ย...เซ็นสัญญากู้ตรงนี้...เอาบ้านพร้อมที่ดินมาจำนองโล้ด...ถึงกำหนดไม่จ่ายเหรอ...ยึดเลย (อืมมม สมเป็นพนักงานธนาคารจริงๆ ทำยอดเก่งมาก) เสร็จแล้วพระเอกก็เอาที่ดินตรงนั้นไปสร้างสิ่งที่สามารถพัฒนาเมืองได้

เรียกได้ว่าคาแรคเตอร์ของพระเอกในเรื่องจะค่อนข้างขัดกับที่ผู้เขียนบรรยายไว้ในตอนแรก เพราะเขาบรรยายไว้ในลักษณะว่าเป็นคนมีความสามารถ แต่ชอบประเมินตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง อ่อนน้อมถ่อมตน และซื่อสัตย์ แต่พอเดินเรื่องไปแล้ว เรื่องความสามารถน่ะไม่เถียงหรอก ที่ชอบประเมินตัวเองต่ำไปนั่นก็ไม่รู้ว่าพูดไปงั้นๆรึเปล่า เพราะโดยปกติแล้ว คนที่ประเมินตัวเองต่ำ จะไม่ค่อยกล้าพอที่จะลุกขึ้นมาเป็นพ่องานสักเท่าไหร่ ยิ่งกับงานที่มีความยากสูงแล้วด้วย

ไหนจะเรื่องที่ว่าอ่อนน้อมถ่อมตนอีก หากอ่านๆไปจะรู้สึกว่าพระเอกเป็นพวกที่มีแนวคิดแบบสัจนิยมพอสมควร มองอะไรตามความเป็นจริง สามารถตัดความรู้สึกส่วนตัวออกจากงานได้ในระดับนึง ทำให้ไม่ค่อยมีความอ่อนน้อมเลย

ด้านความซื่อสัตย์เอง จริงอยู่ว่าในทางธุรกิจแล้ว การพูดความจริงไม่หมด หรือการทำให้อีกฝั่งเข้าใจผิดแล้วตัวเองก็อาศัยเรื่องนั้นโกยผลประโยชน์เข้าตัว มันไม่ผิด แต่ในด้านศีลธรรมแล้ว จะบอกว่าคนแบบนี้เป็นคนซื่อสัตย์มันก็พูดได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่หรอกนะ

อืมมม ก็ไม่รู้ว่าคนเขียนมันลืมบุคลิคที่ตัวเองวางไว้ หรือว่าเพราะตัวละครมันมีการพัฒนาไปในระหว่างที่เขียนกันนะ แต่มันจะเร็วเกินไปหน่อยมั้ยฟ่ะ แค่ไม่กี่หน้าเองนะเฟ้ย (นักเขียนบางส่วนชอบพูดว่า ตัวละครสามารถเติบโตได้เหมือนกับคน พอเดินเรืื่องไป ลักษณะนิสัยของตัวละครจะเริ่มแตกต่างไปจากที่วางไว้ในตอนแรก)


เรื่องการดำเนินเรื่องนั้น คนเขียนจัดว่าค่อนข้างใจเย็นทีเดียว เน้นเก็บรายละเอียดให้มากที่สุด ทำให้เนื้อเรื่องในเล่มแรก ยังคงเป็นการโชว์สกิลของพระเอก ไปพร้อมๆกับแนะนำตัวละครหลักๆตัวอื่นๆ ปัญหาในเรื่องที่พระเอกจะต้องแก้ ยังคงเป็นปัญหาทั่วๆไป

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว คาดว่าคนเขียนเอาคอนเซ้ปในส่วนนี้มาจากบริษัทที่ล้มละลายแล้ว และมาเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ โดยพระเอกทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญยังไงยังงั้นเลย เพราะถ้าเทียบกับแล้ว เมืองที่มีหนี้ล้น จนเจ้าเมืองต้องใช้วิธีกู้หนี้ใหม่มาโป๊ะหนี้เก่า (วิธีนี้ผิดมาก เด็กยังรู้เลย) ก็เทียบได้กับสภาพที่ใกล้ล้มละลายเต็มทีนั่นแหละนะ ปัญหาส่วนใหญ่ของบริษัทในลักษณะนี้ก็เลยจะเป็นที่ เจ้าของกิจการที่แก้ปัญหาผิด ไม่ก็ทำตัวเป็นเตี้ยอุ้มค่อม รวมไปถึงพนักงานในบริษัทที่ไม่ได้คุณภาพนั่นแหละ พอค่อยๆแก้ปัญหาไปทีล่ะจุด มองเมืองให้เป็นบริษัท มองปัญหาในแต่ละด้าน ให้เป็นปัญหาในแต่ละแผนก มันก็ไหลไปได้

แม้จะขัดใจนิดหน่อยตรงที่ มันมีพนักงานธนาคารกินเงินเดือนธรรมดาๆที่ไหนมีความรู้รอบด้านขนาดนี้ฟ่ะ 555+

โดยสรุปแล้วก็อย่างที่บอกครับ เล่มแรกคือการเกริ่นนำ ยังไม่มีตัวละครที่ประสงค์ร้าย และมีความสามารถพอฟัดพอเหวี่ยงโผล่มาสร้างปัญหาให้กับพระเอกของเราสักเท่าไหร่ ประกอบกับวิธีการของพระเอก ถ้าพอมีความรู้ด้านนี้ก็จะเห็นช่องโหว่อยู่นะ คิดว่าคนเขียนคงเก็บไว้เล่นทีหลังล่ะมั้ง

ส่วนจุดติ หากให้ติจริงจังก็ยังไม่มีสักเท่าไหร่ นอกจากสไตล์การเขียนบทบรรยาย (ในช่วงแรก) คนเขียนแกจะชอบบรรยายแบบนึงไปก่อน แล้วหักด้วยคำว่า "ซะเมื่อไหร่" หรืออะไรคล้ายๆแบบนั้น ทำให้หากตั้งหลักไม่ดี ไม่เตรียมใจที่จะเจอการบรรยายแบบกลับไปกลับมา อาจจะอ่านแล้วงงได้ตั้งแต่หน้าแรก โชคยังดี ที่คนเขียนแกทำ(บ้าอะไรฟ่ะ)แบบนั้นเฉพาะช่วงต้นเรื่อง ไม่งั้นคงทนอ่านไม่ไหวแน่ๆ

อ้อ ขอเตือนไว้ก่อน ด้านเนื้อเรื่องนั้น นอกจากเศรษฐศาสตร์แล้ว ยังมีเนื้อหาของการเมือง การทูต บริหารธุรกิจ แล้วก็บัญชีเข้ามาด้วย ซ้ำยังลงรายละเอียดพอสมควรเลย แม้ว่าคนเขียนจะพยายามจับคู่พระเอกกับตัวละครตัวอื่น แล้วให้ตัวละครตัวนั้นมีหน้าที่ถาม เพื่อให้พระเอกอธิบายให้คนอ่านเข้าใจไปด้วยก็เถอะ แต่ถึงอย่างงั้นเนื้อหาก็ยังจัดว่าหนักอยู่ดี ดังนั้นโดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ากลุ่มคนอ่านที่คนเขียนเล็งเอาไว้น่าจะเป็นระดับเด็กมหาลัยไปจนถึงวันทำงาน มากกว่าจะเป็นเด็กประถม-มัธยม น่ะนะครับ นอกจากนั้นยังน่าจะต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องพวกนี้อยู่บ้างด้วย ใครที่ตัดสินใจจะอ่าน ก็ลองชั่งใจดูให้ดีนะ ไม่งั้นจะพาลเบื่อเอาได้เลย ยิ่งเล่มมันหนา ราคาก็เลยสูงด้วยสิ
ความน่าสนใจ : 5/5

20/10/59

Onna Kishi-san, Jusco Ikouyo / คุณวัลคิรีคะ ไปจัสโก้กันเถอะ

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Comedy
จำนวนเล่ม : 4 เล่มจบ
เรื่องย่อ : ณ ชนบทพื้นๆแห่งหนึ่ง อยู่มาวันหนึ่ง เซตะ รินอิจิโร่ เด็กม.ปลาย ได้เจอกับเจ้าหญิงโปรีรีฟาและอัศวินหญิงคลาวเซร่ากำลังล้มหมดสติอยู่ที่ทุ่งนาในตอนกลางคืน ทั้งสองคนบอกว่าพวกตนหนีมาจากโลกอื่นในสภาพที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด แล้วเรื่องราวเหลือเชื่ออลหม่านก็เริ่มต้นขึ้นจากตรงนั้น

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า...

"อันที่จริง มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยในเมืองนี้นะ"
"ว่าไงนะ!"

เรื่องราวคอมเมดี้ในชีวิตประจำวันฉบับอัศวินสาวในเมืองชนบทกำลังจะเริ่มขึ้นอย่างไม่มีอะไรเป็นพิเศษและสบายอารมณ์

"เมื่อกี้ที่เธอแต่งชุดเจ้าสาว สวยดีนะ"
"พะ...พะ...พะ...พูดอะไรน่ะ ฆ่าฉันซะเลยสิ"
ความเห็นส่วนตัว : มันคือโฆษณาในฉบับนิยายครับ คนที่ซื้อมาก็ขอแสดงความยินดีด้วย คุณซื้อโฆษณาของจัสโก้มาแล้ว(ฮา)

ใครไม่รู้จัก ลองใส่คำว่า "ห้าง jusco" ลงใน google ดูก็ได้ ปัจจุบันเป็นของอิออนมั้ง

ก็น่าเสียดายนะ เพราะเรื่องนี้เปิดตัวเป็นนิยายแนวหลุดไปต่างโลกแบบรีเวิร์สซะด้วย แถมยังเกริ่นเรื่องของโลกเดิมไว้พอสมควรเลยอีกต่างหาก ถ้าเอาดีทางแฟนตาซีน่าจะมีลุ้นเลย ดันมาเลือกเดินสายคอเมดี้ซะได้

สุดท้ายช่วงเกริ่นนำอันแสนจะแฟนตาซีนั่นก็เลยไร้ค่าไปเลย เพราะพอ 2 สาวจากต่างโลกมานั่งอยู่ในบ้านของพระเอกที่แสนจะบ้านนอกแล้ว มันก็เอาแต่ยิงมุก ตบมุกกันไปตามสไตล์คอเมดี้สมัยนี้ แต่น่าเศร้าที่มุกมันไม่ค่อยจะเวิร์คเท่าที่ควร ส่วนนึงเป็นเพราะระดับสติปัญญาของตัวละครในเนื้อเรื่องค่อนข้างต่ำ บวกกับเป็นมุกเก่าๆที่เห็นกันมาตลอดหลายสิบปีนี้ ถูกขุดขึ้นมาใช้วนไปล่ะมั้ง

และก็แน่นอนว่าเพราะเป็นคอเมดี้เกรดล่าง ความเป็นเหตุเป็นผลของเรื่องราวก็เลยไม่ค่อยมีด้วยนะ อ่านแล้วก็อย่าคิดเยอะล่ะ


ทางด้านตัวละครก็มาตามสูตรมาตรฐานของแนวคอเมดี้ ยัยเจ้าหญิงตัวน้อยจากต่างโลกเป็นตัวปล่อยมุก ทำอะไรไม่ค่อยฟังใครเท่าไหร่ มีความเกรียนเต็มขั้น และเป็นโอตาคุ อ้อ แล้วเธอเป็นคนเดียวที่บางครั้งจะพูดจาในทำนองเหมือน รู้ว่าตัวเองเป็นตัวละครในเรื่องแต่ง แต่ยังไม่ถึงขนาดเดทพูลนะ (หืม ทำไมต่างโลกถึงรู้จักญี่ปุ่น?? โถถถ มุกเก่าแบบนี้ยังต้องให้อธิบายอีกเหรอ งั้นคุณก็ไม่เหมาะกับเรื่องนี้แล้วล่ะ)

ฝ่ายพระเอกก็แน่นอนว่าเป็นตัวตบมุก พ่วงด้วยสกิลแบบพระเอกเลิฟคอมทั่วไป คือการไม่รู้ตัวว่ามีสาวชอบตัวเองอยู่ ทั้งๆที่สาวเจ้าเธอแสดงออกซะจนคนอื่นรู้หมดหมู่บ้านแล้ว

ส่วนตัวละครตัวรองๆตัวอื่นๆ มีหลายตัวที่ถ้าพูดแล้วจะสปอยมุกในเรื่องมากเกินไป แค่ตัวตนของมันก็เป็นการสปอยแล้ว ดังนั้นขอข้ามนะ

หืม แล้วมันเกี่ยวข้องกับห้างจัสโก้ยังไงน่ะเหรอ เฉพาะส่วนนี้จะให้สปอยมั้ยล่ะ โอเคนะ สปอยล่ะนะ

คือเรื่องนี้กำหนดเวทีไว้ว่าเป็นบ้านนอกมากๆ 3G 4G เข้าไม่ถึง กระทั่งทีวียังดูได้แค่บางช่อง เพราะบ้านนอกซะจนไม่มีสัญญาณ + ตัวเจ้าหญิงที่มาจากต่างโลกดันเป็นโอตาคุเต็มขั้นเลยใช่มะ การเอาโอตาคุไปปล่อยไว้ในที่ๆดูอนิเมะไม่ได้ เล่นเน็ตไม่ได้ มันจะเป็นยังไงล่ะ เข้าใจสินะ ก็นั่นแหละครับ แล้วพอเธอได้ยินว่าที่เมืองข้างๆมีห้างจัสโก้อยู่ด้วย ก็เลยพยายามดั้นด้นไป

และเมื่อยัยเจ้าหญิงเห็นความอลังการของห้าง ก็ติดอกติดใจ...อ้อ ช่วงนี้ ในเรื่องจะพยายามโฆษณาห้างจัสโก้แบบจัดเต็มมาก บอกละเอียดขนาดว่า แต่ละชั้นมีร้านอะไรบ้าง พวกแบรนด์ดังๆ(ที่คงจ่ายค่าโฆษณาให้) จะอธิบายเป็นพิเศษ แน่นอนว่าไม่มีการเซ็นเซอร์ชื่อ

หลังจากนั้น พอเจ้าหญิงรู้ว่า จัสโก้มีแผนจะมาตั้งสาขาที่เมืองของตัวเอง ที่มีแต่ทุ่งนาและกลิ่นโคลนสาบควาย เธอก็ดี้ด้าเป็นพิเศษ แต่พวกชาวบ้านกลับไม่มีใครเห็นว่าเป็นเรื่องดีเลย ก็เลยต่อต้านการก่อสร้างจนจัสโก้ยอมถอยไป ฝ่ายเจ้าหญิงก็เดือดสิ เลยพยายามยุยงคนนู่นคนนี้ เพื่อให้จัสโก้มาสร้างสาขาให้ได้

เรื่องมันก็แบบนี้แหละ

อืมมม จะว่าไป การโฆษณาของมันจะนับว่าประสบความสำเร็จก็ได้ละมั้ง อย่างน้อยๆผมก็จำชื่อห้างมันได้จริงๆนั่นแหละ 555+ แม่งย้ำจังเลย
ความน่าสนใจ : 1/5

Sate, Game Gerdo wo Kouryaku Shiyouka / ปาร์ตี้บิกินี่พิชิตต่างโลก

สำนักพิมพ์ : Animag / A-Plus
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 7 เล่มจบ
เรื่องย่อ : ขณะที่ ชิโดะ โยชิยะ ฮาร์ดคอร์เกมเมอร์วัยมัธยมปลายกำลังเล่นเกมกับน้องสาวตามปกติ จู่ๆ เขาก็ถูกพัดพาไปอีกโลกหนึ่ง นอกจากตัวเขาซึ่งตกอยู่ในอาการสับสนแล้ว ยูบิซากะ อันนะ นักเรียนสาวสวยที่เพิ่งย้ายมาก็มาที่โลกนี้เช่นเดียวกัน

เพื่อออกจากโลกซึ่งถูกเรียกว่าเกมกัลด์แห่งนี้กลับไปสู่โลกเดิมให้ได้ ทั้งสองต้องร่วมมือกันพิชิต ‘เควสท์’ ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคลียร์ได้มากว่า 100 ปี!!

ทว่า โยชิยะกลับไม่รู้เรื่องวิชาดาบและเวทมนตร์เลยสักนิด เพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ เขาจึงต้องจัดตั้งปาร์ตี้กับสาวสวยผู้มีความสามารถพิเศษเฉพาะทางแต่ไม่มีใครอยากจับกลุ่มด้วยเหล่านี้ โยชิยะต้องไปกินข้าวกับพวกเธอ ไปซื้อของด้วยกัน แถมยังจะถูกไล่ตามอีก…สุดท้ายแล้วเขาจะได้กลับบ้านจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย!?

เรื่องราวเลิฟคอมเมดี้กับการใช้ชีวิตประจำวันในต่างโลกของนักเรียนมัธยมปลาย และเหล่าสาวสวยผู้มีความสามารถสุดโกงได้เปิดม่านขึ้นแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : ชื่อเรื่องนี้ ตรง Game Gerdo ตกลงมันสะกดยังไงหว่า บางที่บอก Game Gardo บางที่บอก Game Grado แต่ของไทยใช้ Game Gerdo

ช่างมันเนอะ ก็เอาเป็นว่า มันก็คือ Game Guard นั่นแหละครับ

เป็นแนวหลุดไปต่างโลก และโลกที่หลุดไปมีลักษณะเหมือนเกมอีกแล้วครับ เพียงแต่โลกต่างมิติคราวนี้จะแตกต่างจากทั่วไปนิดหน่อย

ทุกคนรู้จักเกมแนวบริหารร้าน หรือเกมแนวสร้างเมืองในมือถือกันสินะครับ ที่พื้นที่ร้าน(หรือพื้นที่เมือง) ตอนเริ่มเกมจะมีขนาดเล็ก เช่นสมมุติว่าขนาด 6x6 ช่อง แล้วพอผ่านเงื่อนไขต่างๆ เช่นเลเวลอัพ หรือมีเงินถึงกำหนด หรือผ่านเควสที่กำหนด บลาๆๆ ก็จะสามารถขยายพื้นที่ได้ทีละนิด เป็น 6x7 ช่อง 7x7 ช่อง กระดื้บๆไป นั่นแหละครับ คอนเซ็ปของโลกต่างมิติของเรื่องนี้ โดยมีเงื่อนไขการขยายพื้นที่เป็นการผ่านเควสที่กำหนด

แต่แล้ว เมื่อขยายพื้นที่ไปจนถึงจุดๆหนึ่ง เควสต่อไปกลับไม่มีใครสามารถผ่านได้ พวกเขาก็เลยต้องอัญเชิญผู้กล้าจากต่างโลกให้มาช่วยทำเควสให้หน่อย ซึ่งก็คือคู่พระนางของเรานั่นเอง แต่แน่นอนว่าจู่ๆโดนบังคับให้ช่วยกันแบบมัดมือชกแบบนี้ คนที่ยอมช่วยคงมีน้อย ฝั่งโลกต่างมิติก็เลยเอาข้อมูลมายั่ว (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่า) ว่า ถ้าอยากจะกลับโลกเดิม ต้องขยายพื้นที่ของโลกนี้ไปให้ถึงหอคอยที่อยู่ไกลลิบๆนั่น ชั้นบนสุดของหอคอยจะสามารถกลับโลกเดิมได้

เอิ่ม ขามา มีเวทอัญเชิญไปลากตัวตรูมา แต่ขากลับ ดันไม่มีวิธีอื่นส่งกลับให้ซะงั้น ถ้าข้อมูลนี้เป็นความจริง ไอ้โลกต่างมิติใบนี้มันเห็นแก่ตัวจังว้อย

เนื่องจากนางเอกได้ขึ้นปกไปแล้ว เลยเอารูปนางรองทั้ง 2 มาให้ดูบ้าง
แต่ก็นั่นแหละ คู่พระนางไม่มีทางเลือกอื่น เพราะข้อมูลอย่างอื่นนอกจากนี้ก็ไม่มี เลยต้องพยายามทำเควสกันไป

เอาล่ะ พล็อตเรื่องผ่านไป ต่อไปคือคาแรคเตอร์ ในเรื่องนี้ พระเอกจะเป็นหนุ่มสาย Int อีกแล้ว ที่มีเซ้นส์ในการเล่นเกมสูงมาก และเมื่อโลกต่างมิติใบนี้มีคอนเซ้ปเหมือนกับเกม อะไรๆก็เลยแลดูจะเข้าทางหมอนี่ซะหมด แต่นอกจากเรื่องเกมแล้ว อย่างอื่นห่วย อย่าว่าแต่ฝีมือการต่อสู้ หรือเวทมนต์เลย แม้แต่ความสามารถในการหุงหาอาหารอันเป็นพื้นฐานของการเอาชีวิตรอดก็ยังไม่มี

แถมยังมีออฟชั่นเสริมคือพระเอกจะเป็นคนโชคไม่ดี ค่า luck น้อยนิด แต่สงสัยคนเขียนจะไม่ค่อยเข้าใจคำว่าโชคมากพอ เพราะส่วนขยายของคำว่าโชคไม่ดี กลับไม่ค่อยเกี่ยวกับโชคสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นเดินตกท่อ ทำของหาย บลาๆๆ ส่วนมากมันเป็นเพราะตัวเองขาดความระมัดระวังไม่ใช่เรอะ แต่ถึงอย่างงั้นพระเอกมันก็ยังโทษว่าเป็นเพราะโชคของตัวเอง แถมตัวละครตัวอื่นๆก็ดันไม่มีใครแย้งในจุดนี้เลยด้วย ทำให้กลายเป็นว่า บุคลิคของพระเอกจะค่อนข้างเหมือน loser ในโลกจริง แต่บังเอิญไปอยู่ในโลกที่เหมือนเกมก็เลยดูดีขึ้นมา ประมาณนั้น

ส่วนนางเอกเป็นนักเรียนดีเด่น ที่ความสามารถสูงลิบ ทั้งพลังกายและความรู้ ไหนจะความเป็นแม่ศรีเรือนอีก เป็นตัวละครที่มีออลสเตตัสสูงลิ่ว กิริยามารยาทก็เรียบร้อย...........เอ่อ นางเอกนิสัยเรียบร้อยสมเป็นกุลสตรี กับเรื่องแนวแฟนตาซีเนี่ยนะ นักอ่านเลเวลสูงคงสัมผัสได้สินะ อืมๆ แต่เราจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้

กลุ่มประธานฯ ที่มีบทบาทพอควรในเล่ม1 แต่ดันไม่มีแม้แต่รูปประกอบ
ตัวละครรองๆลงมา (แน่นอนว่าหญิงล้วนตามสไตล์นิยายเกรดประมาณนี้) ก็จะเป็นตัวละครที่มีสเตตัสบางอย่างสูง แต่อย่างอื่นแทบไม่มี ถ้าให้พูดจาภาษา RO ก็คือ มีไนท์หญิง 1 หน่อ ที่อัพ STR มาจนทะลุ 99 ไปไกลลิบ แต่อย่างอื่นกลับคาไว้ที่ 1

กับวิหญิงอีก 1 หน่อ ที่นอกจาก INT ล้นทะลักจนโคตรโกง แต่อย่างอื่นกลับไม่สนใจเลย กระทั่ง DEX ก็ยังไม่มี

ประมาณนั้นแหละ

ทางด้านการเดินเรื่องก็ยังคงเป็นแบบมาตรฐานครับ คือช่วงต้นจะเป็นฉากโชว์เทพของพระเอก ถัดมาก็เป็นเลิฟคอม กับการที่พระเอกได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับสาวๆ มีฉากเซอร์วิสให้บ้างอะไรบ้าง (แต่เรื่องนี้มันแทบจะเซอร์วิสตลอดเวลาอยู่แล้ว ฉากเซอร์วิสเลยดูกากไปเลย 555+) ปิดท้ายด้วยการต่อสู้ที่จริงๆครั้งแรก ก็เป็นอันจบเล่มแรกไป

ซึ่งเรื่องนี้ บังเอิญว่าเป็นแนวทำเควส ไม่ได้บู้แบบผู้กล้าปราบจอมมาร ช่วงโชว์เทพก็เลยเป็นการเคลียร์เควสธรรมดาๆที่คนอื่นทำกันไม่ได้สักเล็กน้อย ส่วนการต่อสู้ช่วงท้ายเล่ม ก็เปลี่ยนเป็นการเคลียร์เควสที่ยากๆแทน แค่นั้นแหละครับ

สรุปว่าเป็นแนวต่างโลกระดับกลางๆ ที่ถ้ามีจุดให้ติแบบเห็นได้ชัดก็คือ การออกแบบเครื่องแต่งกายของตัวละครเนี่ยแหละ ทำไมต้องเป็นบิกินี่อาร์เมอร์ ถึงจะแถๆไปว่า ใช้โลหะเวทมนต์ชนิดพิเศษ ทำให้แม้จะใส่เกราะที่น้อยชิ้นระดับชุดชั้นใน ก็มีพลังป้องกันสูงเพียงพอก็เถอะ แต่มันดูออกนะเฟ้ย ว่าพวกเอ็งจงใจใช้นมใช้ตูดมาหลอกกลุ่มลูกค้าที่ยังเป็นเด็กเห่อ...เอ่อ โทษๆ คำไม่สุภาพ แต่ก็นั่นแหละ ทำให้รู้สึกขัดใจตรงนี้เป็นหลักเลย จริงๆตัวละครหญิงในชุดฟูลเพลทอาร์เมอร์มันเซ็กซี่กว่าชัดๆ ไอ้พวกไม่เข้าใจเสน่ห์ของนักรบหญิงเอ้ยยยย (ขอเหวี่ยงแบบเด็กเกรียนเล็กน้อย 555+)
ความน่าสนใจ : 3/5

19/10/59

Zettai Naru Isolator / ไอโซเลเตอร์ ศึกพลังเหนือโลก

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : เดือนสิงหาคม ปี 2019

มีสิ่งมีชีวิตอินทรีย์จากนอกโลกจำนวนมากที่มนุษญชาติได้ติดต่อด้วยเป็นครั้งแรก ตกลงมายังเมืองหลายๆแห่งบนโลก หลังจากนั้นวัตถุทรงกลมที่ถูกเรียกว่า "เธิร์ดอาย" ก็ได้มอบ "พลัง" ที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ให้กับเหล่าคนที่ได้สัมผัสมัน

บางคนได้ "ความเร็ว" ที่เหนือกว่าเสียง
บางคนได้ "ดาบ" ที่ตัดได้แม้แต่เหล็กกล้า
และบางคนก็ได้ "ฟัน" ที่กัดทุกอย่างขาด

เด็กหนุ่มวัย 17 ปี อุตสึงิ มิโนรุ เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียว และพลังที่เขาได้มาก็คือ "ความโดดเดี่ยว"

แต่ "พลัง" ซึ่งทำให้ความโดดเดี่ยวอย่างสมบูรณ์เป็นจริงนั้น กลับพามิโนรุเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ที่เขาไม่ต้องการเลยสักนิด

เขาใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาวบุญธรรมที่แม้จะธรรมดา แต่ก็สงบสุข ในตอนที่เวลานั้นถูกทำลาย มิโนรุก็ได้ตื่นขึ้นในฐานะ "ไอโซเลเตอร์" สมบูรณ์แบบ
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้คนเขียนคนเดียวกับ SAO และ AW นั่นแหละครับ ดังนั้นความสามารถในการถ่ายทอดเรื่องราว การดำเนินเรื่อง และการกระทำของตัวละครหลักเลยอยู่ในระดับดีอยู่แล้วอย่างที่รู้ๆกัน เพียงแต่พล็อตของเรื่องในครั้งนี้ กลับไม่ได้น่าสนใจเหมือนอย่าง 2 เรื่องแรกของเขา

พล็อตของเรื่องนี้คือ เอเลี่ยนจากอวกาศ ลงมายังโลก แล้วมอบพลังให้กับสิ่งๆหนึ่ง เพื่อต่อสู้กันแทนตน ฝั่งหนึ่งคือออโตบอท...ไม่ใช่สิ ฝั่งนึงคือลูกแก้วสีดำ อีกฝั่งคือลูกแก้วสีแดง โดยฝั่งสีแดงเป็นฝ่ายร้ายน่ะนะ ในเนื้อเรื่องจะบรรยายว่า มนุษย์ที่ได้รับพลังจากลูกแก้วสีแดง จะถูกมันครอบงำจิตใจด้วย ทำให้ออกล่ามนุษย์อื่น

(ย่อหน้านี้สปอย) แน่นอนว่า นักอ่านเลเวลสูงๆ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้จะเกิดความรู้สึกว่า แล้วฝั่งสีดำล่ะ มันไม่ได้ครอบงำจิตใจเหมือนกันเหรอ ซึ่งถ้าเป็น LN ระดับล่าง คนเขียนคงไม่ได้พูดถึงหรอก แต่บังเอิญเรื่องนี้มันไม่ใช่ระดับนั้นละนะ คนเขียนจะมีฉากที่กล่าวถึงความลังเลของพระเอกอยู่เหมือนกัน ว่าตกลง การกระทำของตัวเอง เป็นการกระทำที่มาจากความตั้งใจของตัวเองรึเปล่า รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆมากมาย ที่จะไม่ขอลงรายละเอียดมาก


ทางด้านตัวละครต่างๆ ผู้เขียนจะใช้วิธีให้ตัวละครดำเนินชีวิตประจำวันไป แล้วมีเหตุการณ์ต่างๆเข้ามา ให้ตัวละครได้เลือกตัดสินใจ ซึ่งการตัดสินใจต่างๆนั้น จะทำให้ผู้อ่านรับรู้ได้เองว่าตัวละครตัวนั้นๆมีลักษณะนิสัยอย่างไร แทนที่จะบรรยายนิสัยตัวละครออกมาในบทบรรยายสั้นๆย่อหน้าเดียวจบ แล้วผ่านไป ทำให้ตัวเล่มค่อนข้างหนา (ช่วงเกริ่นต่างๆ ปาไป 1/3 ของเล่มแล้วอะ) แต่มันก็จะมีข้อดีคือ ตัวผู้อ่าน จะอินกับตัวละครได้ดีกว่า ยิ่งถ้าชีวิตประจำวันของตัวละครตัวนั้นๆ ค่อนข้างธรรมดาสามัญด้วยก็จะยิ่งง่ายขึ้นไปอีกน่ะนะ ทำให้ผมตัดสินใจที่จะไม่บรรยายคาแรคเตอร์ของตัวละครนะครับ ให้อ่านแล้วพิจารณากันเองดีกว่า ว่าตกลงแล้ว เป็นยังไง

แต่ก็อย่างที่เห็น ว่ายังไงเรื่องราวมันก็หนีไม่พ้นการต่อสู้ของผู้มีพลังพิเศษ ที่สำหรับยุคนี้ สมัยนี้ พล็อตแนวนี้มันไม่ได้ถือว่าแปลกใหม่อะไรเลย และที่สำคัญ เรื่องนี้ยังไม่มีจุดไหนที่สร้างอิมแพ็คได้ แล้วทำให้รู้สึกแตกต่างไปจากนิยายเรื่องอื่น สุดท้ายแล้วคงบอกได้แค่ว่า แม้สกิลของคนเขียนจะสูง แต่ถ้าพล็อตเรื่องมันไม่ได้อลังการสักเท่าไหร่ การดำเนินเรื่ิองไปสู่ไคล์แม็กซ์ยังไม่มีพลังมากพอ มันก็คงยกระดับนิยายให้ไปสู่ขั้นที่ต้องบอกว่า "ไม่ควรพลาด" ได้ยาก

ยิ่งกับคนเขียนคนนี้ ที่มีความสามารถในการยืดเรื่องได้น่ากลัวมาก จนพาให้สงสัยว่าตกลงนายวางสตอรี่บอร์ดไว้แล้วจริงๆใช่มั้ย(ฮา) แถมนิยายทั้งหมดของเขายังไม่มีเรื่องไหนเขียนไปจนจบด้วย มันก็ยิ่งไม่กล้าแนะนำเข้าไปใหญ่
ความน่าสนใจ : 3/5

17/10/59

Valkyrie Works / ภารกิจใหม่ของยัยวัลคิโหลย

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Action Comedy
จำนวนเล่ม : 4 เล่มจบ
เรื่องย่อ : "ถ้าอย่างนั้นก็.....มาจูบกันมั้ยครับ"

"เดี๋ยวนี้เลยเหรอคะ!?"
เฟลซุสเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

"คุณเฟลโกะเอาชนะไอ้เจ้าตัวใหญ่ๆนั่นด้วยตัวเองได้เหรอครับ"
"เรื่องนั้นเอ่อ...ชนะได้อยู่แล้วค่ะ"
"จริงเหรอ"
"อาจจะ"
"จริงเหรอ"
"..."

ที่ที่ริคิหลงทางอยู่ข้างในคือโลกที่สูญเสียสีสัน ที่นั่นมีสาวน้อยผู้ห่อหุ้มร่างกายด้วยสีสันอยู่คนหนึ่ง ชื่อของเธอคือเฟลซุส "วัลคีรี่" สาวน้อยแห่งสงคราม

การพบกับเธอทำให้คืนวันอันสงบสุขของริคิพังทลายลง และได้สัมผัสกับความเป็นจริงของโลกใบนี้ที่ไม่มีใครล่วงรู้

และ

การรวมร่างกันครั้งแรก....

เรื่องราวแอคชั่น x คอเมดี้ของเด็กหนุ่มกับวัลคิรี่เสียของเปิดฉากขึ้นแล้ว!!!
ความเห็นส่วนตัว : จริงๆเรื่องนี้ ชื่อเรื่องมัน ตรงคำว่า Valkyrie เขียนด้วยตัว V นี่หว่า ทำไมดูปกของไทย ดันใช้ตัว W เอาเถอะ ช่างมัน

เรื่องนี้เป็นผลงานของคนเขียนเนียลโกะครับ นางเอกคราวนี้ก็เลยชื่อเฟลโกะ แถมยังเป็นแนวเทพนิยายเหมือนกันด้วย แต่เปลี่ยนจากตำนานคุธูลู มาเป็นตำนานเทพที่แสนจะโด่งดังอย่างนอร์สบ้าง................อะไรนะ ไม่รู้จักเรอะ ธอร์ไง โลกิไง โอเคนะ รู้จักแล้วใช่มั้ย

ว่าแต่ คนเขียนคนนี้ จริงๆเขียนเรื่องอื่นนอกจากเนียลโกะกับเฟลโกะด้วยนะ เพียงแต่คิดว่า ถ้ายกตัวอย่างเนียลโกะน่าจะง่ายที่สุด เพราะมันก็ลอกกันมา เอ่อ...ไม่ใช่สิ คนเขียนคนเดียวกัน จะบอกว่าลอกตัวเองก็ไม่น่าใช่ ต้องใช้คำว่าอะไรหว่า...นึกไม่ออก ช่างเถอะ 555+

สรุปว่าเรื่องนี้ก็แนวนั้นละครับ พระเอกมีความสามารถในการปรับตัวสูง ตามมาตรฐานของเรื่องแนวนี้ แล้วก็เลยเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ของวัลคิรี่สาวสวย กับเหล่าปีศาจ แต่บังเอิญวัลคิรี่นางนี้ เป็นวัลคิรี่ไม่ได้เรื่อง ที่สเตตัสทุกอย่างต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แม้แต่ความสามารถในการดำรงชีวิตก็ไม่มี ในขณะที่เหล่าปีศาจในเรื่องนั้น เดิมทีเป็นพลังของเหล่าเทพเจ้าที่ถูกผนึกเอาไว้ในหินรูน แต่หินรูนนั้นดันตกลงมายังโลกมนุษย์ กลายเป็นปีศาจออกอาละวาด (จริงๆต้องบอกว่าตกลงมายังญี่ปุ่นนะ 555+ มันมารวมกันอยู่ที่ประเทศนั้นประเทศเดียว) วัลคิรี่อย่างนางเอกก็เลยต้องมาเก็บคืนไป

ส่วนนางเอก นอกจากที่พูดไปแล้วนั้น เธอยังใสซื่อเกินคาด จนสงสัยว่ามีสามัญสำนึกรึเปล่าเลยทีเดียว เพราะเธอยอมอาบน้ำกับผู้ชายที่เจอหน้าไม่กี่ครั้ง ยอมนอนห้องเดียวกัน แถมถึงจะทำท่าเขินอายแต่ก็ยอมให้จูบด้วย นี่ตกลงใสซื่อไร้เดียงสาเวอร์ๆ หรือว่าร่านแอ๊บใสหว่า อืมมม น่าจะอย่างแรกละมั้ง ถ้าเป็นอย่างหลังมันก็แอ๊บเนียนเกินไปหน่อย

การดำเนินเรื่องนั้นก็ค่อนข้างธรรมดา เป็นเรื่องที่พล็อตธรรมดา และเดินเรื่องแบบธรรมดาจนน่าตกใจ ก็แค่ส่งมุก ตบมุกตามสไตล์เลิฟคอมไปเรื่อยๆ จะว่าภูมิคุ้มกันเกี่ยวกับเรื่องราวทำนองนี้ของผมสูงมาก จนไม่รู้สึกอะไรก็ไม่น่าจะใช่ เพราะมันเต็มไปด้วยความธรรมดาจริงๆนะ เปิดเรื่องแบบจู่ๆพระเอกก็หลงเข้าไปในพื้นที่ปิด แล้วก็เจอปีศาจตัวใหญ่อาละวาดอยู่ข้างใน ต่อจากนั้นนางเอกที่ไม่ใช่สาวผมแดงถือคาตานะที่มีไฟลุก และก็ไม่ใช่พระเจ้า H ก็โผล่มา บลาๆๆ หลังจากนั้น แม้จะเกิดเรื่องอะไรที่น่าจะขัดกับสามัญสำนึก ก็จะหาอะไรมาแถๆไป จนเรื่องราวเข้าทางพระเอกตลอดตามมาตรฐานของนิยายสมัยนี้

จุดเซอร์ไพร์สก็ไม่มี ไคล์แม็กซ์แม่งก็ดันสปอยไว้ที่ปกหลังเรียบร้อยแล้วอีกต่างหาก เลยไม่รู้จะให้ตื่นตาตื่นใจกับอะไร เป็นเรื่องที่ไม่มีทั้งความประทับใจ ทั้งความผิดหวังเลย ถ้าจับผลัดจับผลูได้ทำเป็นอนิเมะ ก็คงจะเป็นอนิเมะขายตัวละครทั่วไป ที่ถ้าไม่ยัดฉากเซอร์วิสเข้ามาเยอะๆก็คงจะขายไม่ได้ล่ะมั้ง ธรรมดาประมาณนั้นเลยล่ะ ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อยที่ถูกตัดจบ
ความน่าสนใจ : 2/5

Machigai Eiyuu no Isekai Shoukan / ปีศาจผู้กล้า พลิกชะตาคว้าใจเธอ

สำนักพิมพ์ : Luckpim
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : Unknown
เรื่องย่อ : ฮานางาตะ ทาคุมะ นั้นแข็งแกร่งที่สุด และก็เพราะว่าแข็งแกร่งจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว สิ่งที่ค้ำจุนจิตใจของเขาไว้คือ ซากุระจัง เด็กสาวที่เขารักเพียงข้างเดียว นับรวมแล้วเขาคิดจะสารภาพรักับเธอถึง 124 ครั้ง แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้ง


แล้วเขาก็ได้รู้ ด้วยกฎของโลกนี้กำหนดให้ทาคุมะกับซากุระจัง "ไม่อาจผูกพันกันได้อย่างเด็ดขาด"..."ถ้าอย่างนั้นก็ต่อยเทพเจ้าให้กระเด็นแล้วเปลี่ยนโลกใบนี้ซะก็พอไม่ใช่เหรอ?"



เมื่อประเมินความแข็งแกร่งของเขาแล้ว นักรบหญิงพิลิก้าจึงประกาศว่าจะเรียกตัวเขามายังวัลฮัลล่าในฐานะ "ผู้กล้า" ทาคุมะจึงออกเดินทางไปพร้อมกับเธอ


จะใช้พลังแห่งรักเอาชนะโชคชะตาและเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ได้ ทั้งหมดก็เพื่อซากุระจังที่รัก!!!
ความเห็นส่วนตัว : ถ้าให้พูดสั้นๆ เรื่องราวจะคล้ายๆแก๊งเด็กเกรียนต่างโลก3หน่อนั่นแหละครับ แต่จะเป็นเวอร์ชั่นดาวน์เกรด

พระเอกมีพลังสไตล์อิซาย้วย คือออลสเตตัสสูงปรี้ดแบบเป็นปริศนา แต่ย้วย Int เหนือกว่าลิบลับ หรือไอ้หมอนี่มันน้อยเองหว่า ทางด้านนิสัยก็คล้ายๆกัน คือมีเป้าหมายของตัวเอง และพยายามทำเต็มที่เพื่อเป้าหมายนั้น แตกต่างกันนิดหน่อยก็ตรงผู้เขียนเรื่องนี้แจกบทสไตล์เลิฟคอมให้มากกว่า แล้วเลิฟคอมสมัยนี้มันก็รู้ๆกันอยู่อะนะ ส่งผลให้ย้วยดูดีกว่าซะอย่างงั้น

ทางด้านนางเอกของเรื่องนั้นค่อนข้างแตกต่าง จะให้ใช้คาแรคเตอร์แบบคุณหนู หรือโยโย่ก็ไม่ได้ ส่วนนึงคงเพราะคนเขียนมันเน้นเลิฟคอมดึงดูดลูกค้าเด็กๆ วัยกำลังอยากรู้อยากเห็นด้วยมั้ง ก็เลยมีฉากแจกเซอร์วิสโดยไร้สาระค่อนข้างเยอะ น่าสงสารเธอเหมือนกัน

ส่วนตัวฮา คราวนี้จะไม่ใช่กระต่ายดำจากดวงจันทร์ แต่เป็นแม่นกพิราบปัญญานิ่มแทน 555+ บทเหมือนกันเป๊ะ คือเป็นคนชักชวนเหล่าตัวเอกให้มาที่สวนกล่อง เอ๊ย วัลฮาลา แล้วเข้าต่อสู้เพื่อทวงชื่อกับตราธง...เอ่อ ไม่ใช่สิ แต่โดยรวมก็เพื่อยกระดับฐานะของกิลกลับมา โดยคนที่ถูกชักชวนโดยนางฟ้า(มั้ง แต่ดูเหมือนนกพิราบมากกว่านะ โดยเฉพาะระดับของสติปัญญา) คนเดียวกัน จะต้องอยู่ทีมเดียวกัน แน่นอน เหตุผลที่บอกว่าปัญญานิ่ม ก็เพราะเธอเป็นแบบนั้นจริงๆครับ คาแรคเตอร์ที่ดูน่าเป็นห่วงว่าน็อตในหัวหายไปรึเปล่า ในโลก2Dจะค่อนข้างได้รับความนิยม และเธอก็เป็นแบบนั้นแหละ อธิบายแบบนี้น่าจะเห็นภาพเนอะ ทำให้หน้าที่เรียกเสียงฮา(?)ของเธอ จะมาจากตัวเธอเองโดยตรง ไม่ได้มีคาแรคเตอร์น่าแกล้งแบบกระต่ายดำแต่อย่างใด

รวมๆแล้วคาแรคเตอร์ตัวหลักๆก็จะค่อนข้างดูดาวน์เกรดลงมาพอสมควรอย่างที่เห็น โครงเรื่อง เท่าที่พูดไปบ้างแล้วก็คงพอนึกออกเนอะ ลดสเกลลงมาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

ส่วนความสัมพันธ์กับชื่อเรื่องก็คือ ในเรื่องนี้ ผู้ที่ถูกเชิญเข้ามายังสวนกล่อง...เอ่อ วัลฮาลานั่นแหละ (มันพิมพ์ยากอะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้จะเรียกว่าสวนกล่องละกันนะ มันเหมือนกันเป๊ะเลย) จะต้องเป็นผู้กล้าเท่านั้น แต่ถึงอย่างงั้น พวกผู้กล้าจอมปลอมอย่างพวกตัวเอกก็มีหลุดเข้ามาได้บ้างเหมือนกัน ก็เลยเป็นธีมที่ผู้เขียนจะใช้ในเล่มแรก

ส่วนพวกรายละเอียดปลีกย่อยก็แทบจะโคลนกันมา อย่างกิ้ฟการ์ด ซึ่งเรื่องนี้รู้สึกจะใช้ชื่อว่าเจเนซิสการ์ดละมั้ง ที่เปลี่ยนแค่ชื่อนะ ความสามารถก็แนวเดียวกัน หรือการต่อสู้ที่มาในทำนองเกมการแข่งขัน แต่ไม่มีแจกกิอัสโรลอะไรขนาดนั้น

นอกจากนั้น รายละเอียดปลีกย่อยที่เห็นแล้วขัดใจที่สุดคือการแถของคนเขียนละมั้ง เหมือนยังทำการบ้านมาไม่พอ นึกเหตุผลอะไรไม่ออกก็ดริฟเอาสดๆเลย เช่น อาหารญี่ปุ่น อาหารพื้นบ้านด้วยนะ เขาให้เหตุผลว่าเป็นอาหารจากประเทศเกาะเล็กๆของโลกของพระเอก ไม่มีทางที่จะมีคนรู้จัก สรุปก็คือบรรยายอย่างดิบดีว่า ญี่ปุ่นไม่เป็นที่รู้จักในโลกนี้ แต่พอเป็นออนเซ็น ทะลึ่งบอกว่าเพราะเป็นโลกที่รวบรวมวัฒนธรรมทั้งหมดเอาไว้ซะงั้น แถมตัวเรียวกังดันตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นจ๋าเลยอีกต่างหาก คนเขียนแม่งดริฟชิบเป้งเลยเนอะ

การเดินเรื่องนำไปสู่ไคล์แม็กซ์ของเล่มก็ดีไม่พอ คือตอนต้นเรื่องดันไปเปิดตัว ตัวละครประเภทเทพที่สุดในสวนกล่อง เหนือข้าไม่มีใคร ทำนองนั้น มาจำนวนหนึ่ง เรียกว่าแกรนด์ ซาริโอ้ แต่เล่มแรกเล่มเดียว ไอ้แกรนด์ๆอะไรนั่น โดนพระเอกสอยไปแล้วมากกว่า 1 ซะงั้น แถมหนึ่งในนั้นยังเป็นตัวที่เก่งที่สุดด้วย...เอ่อ คุณมึงจะรีบเดินเรื่องไปไหนครับ คนอ่านยังไม่ทันจะอินกับเรื่องราวเลย จริงๆยืดเนื้อเรื่องเอาไอ้แกรนด์ๆคนแรกที่แพ้ ไปไว้ท้ายเล่ม1 ยังได้เลยนา เพราะฉากโชว์เทพของพระเอก มันก็โชว์ไปแล้วก่อนหน้านั้นด้วย ไม่จำเป็นต้องเอาไอ้พวกนี้มาแพ้ซ้ำอีกครั้งให้พระเอกโชว์เทพใหม่เลย พอตัวละครที่โม้ว่าเทพมากๆ แพ้ง่ายๆติดต่อกัน ความสนุกมันลดลงนะเฟ้ย หนักกว่านั้นคือไอ้ตัวที่คนเขียนโม้ไว้ว่าเก่งที่สุดในโลก ดันให้แพ้พระเอกใน 5 นาทีอีก

ก็...นั่นแหละครับ รวมๆแล้วเป็นแก๊งเด็กเกรียนเวอร์ชั่นดาวน์เกรดอย่างที่บอกไปแล้ว โคลนมาซะเยอะเลย แถมยังไม่มีจุดไหนทาบติดอีกต่างหาก แต่ถ้าเป็นคนที่ชอบเรื่องแนวนี้อยู่แล้ว อาจจะถูกใจนะ เหมือนมีเรื่องแนวที่ชอบงอกมาอีกหนึ่ง อะไรประมาณนั้น(มั้ง)
ความน่าสนใจ : 2/5