29/10/57

Boku ga Otome de Hitorijime / ภารกิจสุดจี้ดของสาวน้อยจำเป็น

สำนักพิมพ์ : First Page Pro
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : Unknown
เรื่องย่อ : ด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่า "น่ารัก" ทำให้คางุระถูกวิญญาณเด็กสาวที่ชื่อคุรุมิเข้าสิง และเพื่อส่งเธอไปสู่สุคติ เขาจำเป็นต้องย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนสตรี!?

ถึงจะได้มิโกะอย่างคานาตะที่เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กช่วยเหลือจนย้ายมาเรียนได้อย่างปลอดภัย แต่เหล่าเพื่อนร่วมห้องต่างคิดว่าคางุระเป็นผู้หญิง จึงพากันเข้ามาถูกเนื้อต้องตัวตามใจชอบ เอาหน้าอกเข้ามาเบียดบ้าง พยายามจะเปิดกระโปรงบ้าง แต่เพื่อส่งตัวคุรุมิไปสู่สุคติก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะกับเด้กสาวเหล่านั้น จนคนรอบข้างได้แต่มองด้วยความอิจฉากับความเป็นเลิฟคอเมดี้ที่อัดแน่นไปด้วยสถานการณ์ชวนน้ำลายหกสำหรับเหล่าชายหนุ่ม

แต่สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้จะจบลงแค่ส่งวิญญาณไปสู่สุคติเท่านั้นน่ะเหรอ
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้เป็นสไตล์ชายแต่งหญิงแล้วขึ้น และก็เข้าไปเรียนในโรงเรียนหญิงล้วนเพื่อตั้งฮาเร็มยูริ(?)ครับ รวมๆแล้วก็เป็นสไตล์ที่มีมาเกือบ 10 ปีแล้วล่ะนะ อย่างตำนานเมื่อ 10 ปีก่อนที่คล้ายๆกันก็เรื่อง OtoBoku ล่ะมั้ง เรื่องนี้ชื่อเรื่องคล้ายกันด้วยสิ ถ้าย่อในสไตล์เดียวกันต้องเป็น BokuOto รึเปล่า (ฮา)

แต่ก็งั้นแหละครับ ยังไงพระเอกมันก็เป็นผู้ชาย การจะบอกว่าเป็นเรื่องยูริก็เลยไม่ใช่ เป็นแนวสคูลไลฟ์เลิฟคอมธรรมดาๆ ที่แถมเรื่องวิญญาณเข้ามาอีกนิด มีฉากบู้กันของวิญญาณอีกหน่อย จนชักไม่แน่ใจว่าตกลงคนเขียนมันจะไปแนวไหนกันแน่ มีการแปรสภาพวิญญาณเป็นอาวุธด้วยนะ มีท่าไม้ตายประจำอาวุธอีกต่างหาก 555+ จับฉ่ายเป็นบ้า

รวมๆแล้วเลยเป็นเรื่องที่ยำๆ ตามอารมณ์คนเขียนครับ อยากใส่อะไรก็ใส่ไป โดยมีธีมหลักเป็นชายแต่งหญิงเข้าไปเรียนในโรงเรียนหญิงล้วนนั่นแหละครับ แต่เขียนมาสไตล์นี้ ถ้าเล่มต่อไปจะมีปีศาจจากต่างโลก หรือหุ่นยนต์ยักษ์โผล่มาก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะนะ......เอิ่ม ไม่ใช่สิ ปีศาจจากต่างโลกมันก็โผล่มาแล้วนี่หว่า 555+

ส่วนสนพ.ไทย ก็ว่าจะบ่นเรื่องกระดาษหลายทีแล้วว่ารู้สึกเหมือนใช้กระดาษเกรดต่ำ แต่ดันขายราคาสูงลิ่วแบบนี้ ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ขนาดเรื่องนี้ที่เดิมทีถ้าอยู่ในสนพ.อื่นน่าจะราวๆ 120-140 แต่สนพ.นี้ยังขายแพงกว่านั้นอีก เมื่อมาประกอบกับที่โครงเรื่องหลักเป็นแนวเดิมๆอย่างที่ว่า เลยไม่ค่อยอยากแนะนำเท่าไหร่ครับ ถ้าขายราคานี้ มีเรื่องอื่นสนุกกว่านี้เยอะเลย
ความน่าสนใจ : 2/5

27/10/57

Isekai CHEAT Majutsushi / ผ่ามิติแหกกฎมนตรา

สำนักพิมพ์ : First Page Pro
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 3 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : อยู่ดีๆนักเรียนม.ปลายธรรมดาๆอย่างไทจิกับริน ก็ถูกกลืนเข้าไปในแสงสว่าง รู้สึกตัวอีกที ทั้งสองก็มาโผล่ในโลกอีกใบที่มีดาบและเวทมนต์คาถาแล้ว

พวกเขาต้องปะทะกับสัตว์อสูร แต่ก็รอดมาได้หวุดหวิด แล้วจึงมุ่งไปยังกิลตามคำแนะนำของนักผจญภัย ที่นั่นเอง ทั้งสองจึงได้รับรู้ว่าตนมีพลังเวทในระดับที่สูงมากอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่เคยเป็นนักเรียนม.ปลายธรรมดาๆ กลับกลายเป็นผู้ใช้เวทมนต์ทีี่เก่งกาจจนเหมือนกับโกง

ทั้งคู่ต่างประทับใจที่ตนเองสามารถเสกปรากฎการณ์เหนือธรรมชาติออกมาได้ ทั้งยังมีทักษะร่างกายก้าวล้ำจินตนาการ

นี่คือการเปิดฉากการผจญภัยในต่างโลกของไทจิกับริน ผู้มาจากประเทศที่แสนสงบสุข

นิยายแฟนตาซียอดนิยม ขัดเกลาใหม่เพื่อตีพิมพ์เป็นรูปเล่มในโครงการ "มาเป็นนักเขียนนิยายกันเถอะ" รับประกันความสนุกขึ้น 300% แน่นอน
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้คนแปลเป็นผู้หญิง (และดูเหมือนจะเคยแปลให้สนพ.อื่นมาด้วยล่ะมั้ง ถ้าจำไม่ผิด) สำนวนการแปลก็เลยติดแบบผู้หญิงคุยกันนิดหน่อยนะครับ แม้แต่คำพูดของพระเอกเองก็มีหลุดๆมาบ้าง แต่เรื่องนี้กลับกลายเป็นข้อดี เนื่องจากจากประสบการณ์ ผู้ชายที่อยู่ในกลุ่มผู้หญิง ส่วนมากมักจะมีการหลุดพูดอะไรทำนองนี้มาบ้างอยู่แล้ว เผลอๆ ถ้าคิดเล่นๆ แนวฮาเร็มก็น่าจะให้ผู้หญิงแปลนะ 555+ น่าจะเข้าถึงมากกว่า

ส่วนเรื่องของสนพ.นั้น ในเรื่องนี้จะมีจุดพิมพ์ผิดค่อนข้างเยอะทีเดียว และเป็นการผิดแบบผิดทั้งคำ ไม่ใช่สะกดผิด สงสัยว่าคงใช้วิธี Find all >> Replace all เวลาแก้คำผิดซะล่ะมั้ง เพราะมันเป็นวิธีที่ง่ายและเร็ว แต่โอกาสผิดพลาดจะสูงลิ่ว

ในส่วนเรื่องตัวนิยายเอง เรื่องนี้ลอก เอ๊ย เอาแรงบันดาลใจมาจากหลายเรื่องเลยครับ ทั้งเรื่องที่ตัวเอกหลุดไปต่างโลก แต่ดันปรับตัวได้ไว และค่อนข้างมองโลกในแง่ดี ไม่ค่อยมีโมเม้นจิตตก เกิดอาการโฮมซิกให้เห็นสักเท่าไหร่ อันเป็นโครงเรื่องที่เห็นบ่อยจนชินชา

นอกจากนั้นตัวเอกยังได้สเตตัสโคตรโกงมาตั้งแต่ต้นอีกต่างหาก นางเอกเก่งกาจระดับนักเวทมือหนึ่งของโลก ส่วนพระเอกก็เหนือชั้นกว่านั้นซะอีก ถ้าเทียบกับเกมก็เหมือนเล่นเกมวันแรก สร้างตัวละครปุบ ขึ้นแท่นผู้เล่นอันดับ1 และ 2 ของเกมปับ นั่นแหละ Cheat สมกับชื่อเรื่องจริงๆ รวมๆกับย่อหน้าข้างบนแล้ว เลยเป็นสูตรมาตรฐานของแนวแฟนตาซีประเภทหลุดไปต่างโลกแล้วล่ะนะ กี่เรื่องๆก็เหมือนๆกันอย่างกับแพะ (ฮา)

ไหนจะเรื่องกิล ที่เหล่านักผจญภัยต้องมาขึ้นทะเบียน มีการกำหนด Rank ของนักผจญภัย ในการรับงานล่า เอ๊ย รับงานไปทำให้เหมาะสม หากผิดพลาดก็มีค่าปรับ บลาๆๆ

เอาเป็นว่าอ่านจุดไหนก็เดจาวูอะ -_- ถ้าเป็นคนที่ไม่ซีเรียสกับพล็อตแนวมาตรฐานที่ซ้ำๆกันมาเป็นทิวแถวก็พอไหวอยู่ครับ แต่ถ้าใครเอียนแล้วก็วางเรื่องนี้ลงให้ไวเลย
ความน่าสนใจ : 2/5

23/10/57

Knight's & Magic / ไนท์ & แมจิก

สำนักพิมพ์ : First Page Pro
แนวเรื่อง : Action Fantasy
จำนวนเล่ม : 4 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ลาโลกนี้ไปเพราะอุบัติเหตุ วิญญาณของเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ที่ต่างโลก ในฐานะ "เออร์เนสตี เอเชเวอเรีย" หรือ "เอล" แถมยังมีความทรงจำช่วงที่เป็นคนญี่ปุ่นในชาติก่อนด้วย รสนิยมความชอบของเขาเองจึงได้รับการถ่ายทอดมา เขาจึงยังเป็น "โอตาคุหุ่นยนต์" ตัวพ่อต่อจากชาติก่อน

ในโลกใบใหม่นั้น เอลได้พบกับ "ซิลลูเอทไนท์" ยุทโธปกรณ์รูปแบบมนุษย์ยักษ์อย่างที่เขาชอบ เขาจึงลงมือกระทำการต่างๆเพื่อที่จะได้เป็นคนบังคับหุ่นยนต์นั่น

โรบ็อตแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากเวบไซต์นิยาย ได้ถูกตีพิมพ์แล้ว

เรื่องราวของชายหนุ่มที่เคยเป็นโอตาคุหุ่นยนต์ ที่ได้กลับมาเกิดใหม่เพื่อบังคับหุ่นยนต์ยักษ์ของจริง
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้รู้สึกจะเป็นนิยายบนเวบมาก่อน ถ้าพูดให้คนไทยเข้าใจง่ายๆก็คือ ผู้แต่งแจ้งเกิดด้วยการเขียนนิยายลงเวบเด็กดีนั่นแหละครับ ซึ่งโครงเรื่องก็ต้องบอกว่าคุณภาพจริงๆน่ะนะ

ตัวเอกเป็นสาวดุ้น เอ๊ย เป็นหนุ่มหน้าสวย แต่จิตใจเป็นชายแท้ ชาติก่อนเคยเป็นโอตาคุหุ่นยนต์ แต่มาเกิดใหม่ก็ยังระลึกชาติได้ ความสามารถต่างๆก็เลยสูงล้ำเกินเด็ก กลายเป็นอัจฉริยะไป

ตัวหุ่นยนต์ในเรื่องจะไม่ใช่แนว SF เต็มสูบอะไร เพราะเน้นไปที่การเคลื่อนไหวหุ่นด้วยเวทมนต์ซะมากกว่า แม้แต่การโจมตีประเภทอาวุธยิงในเรื่อง ส่วนมากก็จะเป็นการยิงกันด้วยเวทมนต์

แต่เวทมนต์ในเรื่องนี้จะคล้ายๆเรื่อง จอมเวทซิสค่อน อยู่นิดหน่อย ตรงที่พอจะอธิบายให้เป็นรูปธรรมแบบแปลกๆได้ เช่นการใช้เวทมนต์จะต้องเขียนสคริปเวทมนต์ขึ้นในหัวสมอง หรือเขียนไว้ล่วงหน้า แล้วเซฟเอาไว้ คล้ายๆการเขียนโปรแกรม พอจะใช้งานก็รันโปรแกรมนั้นๆ เวทมนต์ก็จะทำงาน แล้วพระเอกซึ่งชาติก่อนทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ พอมาชาตินี้ มันก็เลยใช้เวทมนต์ได้โหดสลัดมาก เวทมนต์ไหนยุ่งยากซับซ้อน มันก็แกะองค์ประกอบออกมา แล้วตัดทอนส่วนที่ไม่จำเป็นออก ให้เวลาเรียกใช้งานโปรแกรมรันเร็วขึ้น เวทมนต์ก็จะออกไวขึ้น

นอกจากนั้น เรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นยนต์ยังอิงๆกันดั้มมาพอสมควรละนะ ขนาดเครื่องของพระเอกยังเป็นอัศวินสีแดงเลย 555+ แถมยังมีความเร็วเหนือคนอื่น 3 เท่าด้วยนะ แม้แต่คนที่ไม่เคยดูกันดั้มอย่างผมก็ยังพอสมผัสได้เลยล่ะว่าน่าจะอิงมาจากกันดั้มแหงๆ

ในส่วนของสนพ.ไทย เรื่องราคานับว่าค่อนข้างสูงครับ เกือบ200เลยทีเดียว รูปเล่มพอใช้ได้ แต่ QC ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีจุดที่สะกดผิด หรือพิมพ์ตกหล่นอยู่เยอะทีเดียว โดยเฉพาะช่วงกลางๆค่อนไปทางท้ายของเล่ม

ในเรื่่องการแปล โดยรวมก็คิดว่าคนแปลพยายามได้ดีครับ บางประโยคจัดเต็มมาก อย่างคำว่า "ทะเลป่า" เขายังอุตส่าห์แปลงเป็น "มหาทะเลวนา" เลยทีเดียว ยังดีหน่อยที่ไม่ได้ใช้คำสไตล์นี้เยอะ ไม่งั้นสงสัยอ่านไปต้องเปิดพจนานุกรมกันไปล่ะ 555+

รวมๆแล้วก็เป็นเรื่องที่เหมาะกับสายเรียลโรบอตล่ะนะครับ (ซึ่งไม่ใช่สายของผม) คิดว่าถ้าชื่นชอบหุ่นยนต์ล่ะก็ ไม่น่าจะพลาดเรื่องนี้เลยล่ะ
ความน่าสนใจ : 5/5

17/10/57

Shishunki na Adam / อดัมแห่งสนธยา

สำนักพิมพ์ : First Page Pro
แนวเรื่อง : Comedy (18+)
จำนวนเล่ม : 6 เล่มจบ
เรื่องย่อ : มุตสึกิ เด็กหนุ่มผู้มีพลังปริศนาที่เรียกว่า "เนตรอสรพิษ" และเพราะพลังที่สามารถควบคุมโลกได้กว่าครึ่งโลกนี้เอง ทำให้เขาได้พบกับเทพธิดาและปีศาจ รวมถึงต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้แย่งชิงพลังปริศนานี้

ทำให้ชีวิตประจำวันที่แสนจะธรรมดาของชายหนุ่มต้องเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเอนจู เทพธิดาแสนสวน และมากินะ เพื่อนร่วมชั้นที่เขาแอบชอบ

นิยายสุดตื่นเต้นผสมความทะลึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้ จากประสบการณ์ที่เคยอ่านแนวมืดๆมาบ้าง ทำให้รู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร ปมต่างๆวางมาแบบผิวเผิ่น เหมือนตั้งใจขายเรื่องอย่างว่าเพียงอย่างเดียว

แต่สำหรับฉากอย่างว่า มันก็ยังเข้าไม่ค่อยถึงเท่าไหร่ มีอีกหลายเรื่อง (แต่ยังไม่มี LC ในไทย) ที่ทำได้ดีกว่านี้ รวมๆแล้วเลยไม่แปลกใจเท่าที่ควรตอนที่เห็นจำนวนเล่มทั้งหมด แบบว่าต่อให้อ่านญี่ปุ่นไม่ออก ถ้าอยากอ่านเรื่องอย่างว่า เปิด google เซิจ s _ _ _t _ _ y มันยังมีเรื่องที่น่าสนใจกว่านี้เลยอะ

ในส่วนของสนพ.ของไทย ต้องบอกว่าฉลาดมากครับ ขอชมเชยจากใจจริง การเลือกเปิดตัวสนพ.ด้วยแนวนี้ ทำให้ชื่อของสนพ.ติดตลาดค่อนข้างเร็ว และทำให้ผลงานเรื่องอื่นๆของสนพ.ได้รับความสนใจตามไปด้วย

นอกจากนั้นงานในเล่มยังทำได้ค่อนข้างดี จุดที่พิมพ์ผิดพลาดมีน้อยจนสามารถมองข้ามได้ รูปเล่มทำได้ค่อนข้างดี ซึ่งจุดนี้ก็ยังชมมากไม่ได้อะนะ ผลงานเปิดตัวมักจะต้องทำดีอยู่แล้ว คงต้องมองในระยะยาว แต่สำหรับการออกสตาร์ทแล้ว ใช้ได้เลยครับ

รวมๆแล้วเหมาะสำหรับคนที่อยากสะสมแนวนี้จริงๆ คนที่ไม่มีชั่วโมงบินกับโลกด้านมืดไม่สูง แต่ไม่เหมาะกับพวกที่ช่ำชองในการท่องโลกเบื้องหลังสักเท่าไหร่
ความน่าสนใจ : 2/5

14/10/57

Jinsei / จินเซย์

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Comedy
จำนวนเล่ม : 9 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : อาคามัทสึ ยูคิ สมาชิกสังกัดชมรมหนังสือพิมพ์ที่สองแห่งโรงเรียนคุมง หลังจากเข้าชมรมได้ไม่นานก็ได้รับคำสั่งจากนิไคโด อายากะ ประธานให้เป็นผู้ดูแลจัดการมุมรับปรึกษาปัญหาชีวิต

โดยผู้ที่ช่วยตอบปัญหากังวลใจของเหล่านักเรียนที่ถามเข้ามาก็คือ
- เอ็นโด ริโนะ ตัวแทนสายวิทย์
- คุโจ ฟุมิ ตัวแทนสาวศิลป์ และ
- สุสุกิ อิคุมิ ตัวแทนสายพละ
ความคิดเห็นของสามสาวสามสไตล์นั้น มักจะหาข้อสรุปไม่ได้อยู่เสมอ จึงต้องทดลองปฏิบัติจริงเป็นประจำ

การปรึกษาปัญหาชีวิตที่แสนเร้าใจมาพร้อมกับคำตอบที่ตรงเป๊ะกับปัญหากวนใจของคุณ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเพื่อนฝูง ความรัก การเรียน อุปนิสัยส่วนตัว และอนาคตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้เป็นเรื่องราวสไตล์นั่งจับเข่าคุยกันในห้องชมรมเป็นหลัก โดยเน้นไปที่การส่งมุกและตบมุก แลดูแล้วคล้ายๆเรื่องที่ประธานนักเรียนตัวจิ๋วชอบเอาคำคมมาเปิดประเด็นในสภานักเรียน หรือเรื่องที่มีประธานชมรมชอบกัด โดดงับพระเอกอยู่เป็นประจำ นั่นแล

เพียงแต่ว่าเรื่องนี้จะไม่ค่อยมีความเลิฟๆ ให้รู้สึกว่าเป็นเลิฟคอมเท่าไหร่ ดังนั้นแนวเรื่องที่สนพ.เลือกว่าเป็นคอมเมดี้จึงลงตัวดีแล้วครับ และจุดนี้เองที่ทำให้เรื่องนี้มีแต่ความแตกต่างจากเรื่องอื่นๆในแนวคล้ายๆกัน

ส่วนการดำเนินเรื่องจะแบ่งเป็นตอนย่อยๆ แต่ล่ะตอนจะมีคนส่งคำปรึกษาเข้ามา เพื่อให้ก๊วนพระเอกได้นั่งจับกลุ่มคุยกันหาคำตอบ ซึ่ง 3 สาวตัวชงมุกจะคอยตอบคำถามในลักษณะส่งมุกในสไตล์ของตัวเองออกมาให้พระเอกคอยตบมุกอยู่เป็นประจำ ทำให้เรื่องราวสนุกสนานและอ่านได้เรื่อยๆดีครับ

สาวสายวิทย์ก็มักจะยิงมุกที่ฟังดูเข้าใจยาก ใช้ศัพท์สูงๆอยู่เป็นประจำ แต่สกิลในการชงมุกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และกลายเป็นคนที่มีสามัญสำนึกมากที่สุดในแก๊ง (ถ้าไม่นับพระเอก) ตอนหลังๆเลยขยับไปช่วยพระเอกตบมุกซะอย่างงั้น ส่วนสาวสายศิลป์ที่คาแรคเตอร์ตอนแรกดูเหมือนจะธรรมดาที่สุดในเรื่องก็สะสมความเพี้ยนเอาไว้เพียบ ในขณะที่สาวสายพละเองก็มาเป็นคาแรคเตอร์ร้อนแรงๆ และมักทำก่อนคิด แบบมาตรฐานจนรู้สึกเหมือนคนเขียนแอบแซวพวกสายพละซะด้วยซ้ำ

ต่อมา ในส่วนของสนพ.ไทยที่หลายต่อหลายคนเป็นกังวลนั้น เท่าที่อ่านดู จุดผิดพลาดตามสไตล์ของสนพ.นี้ไม่ค่อยปรากฎให้เห็นนะครับ อย่างเช่นว่าคำที่สะกดผิดแทบไม่มีเลย การแปลโดยรวมแล้วถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆที่ทำให้หลายคนขนลุก ก็นับว่าดีกว่าพอสมควร การเข้าเล่ม หากดูเล่มที่อยู่ในมือผมแล้วก็เรียกว่าทำได้ดี

นอกจากนั้น จุดที่คาดไม่ถึงคือ เรื่องนี้ ตัวหนังสือใช้ฟร้อนใหญ่กว่าปกตินิดนึง ทำให้อ่านง่ายขึ้นมากครับ ยิ่งถ้าเทียบกับบางเรื่องที่ลดขนาดฟร้อนแล้ว เรื่องนี้ผ่านเลย โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าจะทำได้ดีที่สุดในสนพ.นี้เลยมั้ง
ความน่าสนใจ : 4/5

9/10/57

GJ-bu / กู๊ดจ๊อบคลับ

สำนักพิมพ์ : Siam
แนวเรื่อง : Comedy
จำนวนเล่ม : 10 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ผมชื่อ เคียวยะ ชิโนมิยะ กำลังเรียนอยู่ในระดับ ม.ปลาย ใช้เวลาสบายๆ หลังเลิกเรียน และช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน ร่วมกับสี่สาว ผู้มีบุคลิกเฉพาะตัว

วันนี้ก็เหมือนกันทุกวัน เคียวยะ ชิโนมิยะ ถูกบังคับให้เข้าเป็นสมาชิกของ Good job ชมรมปริศนาห้องชมรมตั้งอยู่ในมุมหนึ่งของอาคาร ไม้หลังเก่า ของโรงเรียนมัธยมปลายขนาดยักษ์ มีนักเรียนทั้งหมดหลายพันคน สิ่งที่รอเขาอยู่คือ มาโอะ ประธานชมรม ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ชิออน สาวสวยมีความเป็นผู้ใหญ่อัจฉริยะในการเล่มเกม เมงุมิ สาวน้อยใจเย็น อารมณ์ดี ฝ่ายบริการประจำชมรม GJ คิราระ สาวปริศนาหิวข้าวอยู่ตลอดเวลามาแล้ว
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้ตอนแรกก็คิดว่ากระดาษจะมีกลิ่นตุๆเหมือน 2 เรื่องข้างล่างของสนพ.นี้นะเนี่ย แต่ไม่แฮะ >.< กลิ่นหมึก กลิ่นกระดาษตามปกติ ทำเอาเหนือความคาดหมายนิดหน่อย แต่ก็นะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่า 2 เล่มนั้นเหม็นอะไร หรือมันเหม็นเฉพาะเล่มในมือผมหว่า 555+ เจ้าของเขาเอาไปอ่านแล้วเลอะอะไรมารึเปล่าเนี่ย
ปกเล่ม1 GJ ภาคเสริม

ส่วนจุดด้อยของสนพ.นี้ก็ยังเหมือนเดิมนะครับ นั่นคือ 1.ราคาที่โคตรแพงจนไม่อยากซื้อ 2.เนื้อเรื่องแปลคล้ายๆกับแปลจากอังกฤษ เลยมีจุดที่อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆอยู่นิดหน่อย

แต่ถ้ามองข้าม 2 อย่างนั้นได้ เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่สนุกใช้ได้เลย และก็เลยเป็นเรื่องที่มีคนรู้จักของผมซื้อมาเกิน 1 คน ผมก็เลยพลอยยืมมาอ่านง่ายไปด้วย 555+

นอกจากนั้นการนำเสนอยังใช้วิธีใหม่(ใหม่สำหรับในไทย) ด้วยการเอาการ์ตูน 4 ช่อง มาดัดแปลงเป็นนิยาย 4 หน้า ในเล่มเลยจะเป็นสไตล์นิยาย 4 หน้าจบ ทั้งหมด อัดมา30-40กว่าตอน รายละเอียดถ้าเคยดู Anime มาแล้ว มันจะเหมือนกันครับ เนื่องจาก Anime ทำตาม LN เลย

อ้อ อีกเรื่องนึง สำหรับแฟนๆเรื่องนี้ ถ้าตัดสินใจจะซื้อ ผมบอกไว้ก่อนว่ามันมีภาคเสริมด้วยนะ อารมณ์เหมือนซีรีย์ Toaru น่ะแหละ โดยภาคเสริมของเรื่อง GJ นี้จะเป็นเรื่องราวของน้องสาวพระเอกกับเพื่อนๆของเธอ ออกมา 8 เล่มแล้ว ยังไม่จบเหมือนกัน ถ้าคิดตามเรตราคาของสนพ.นี้ ภาคนี้10เล่ม ภาคนั้นอีก8เล่ม ยังไม่จบทั้งคู่ เท่ากับว่าต้องมีงบราวๆ 4,000 - 5,000 บาทเป็นอย่างน้อยนะเออถ้าจะเก็บให้ครบๆ สำหรับเรื่องนี้ (เผลอๆจะเกินด้วย เพราะเนื้อเรื่องมันไปได้เรื่อยๆตราบเท่าที่ยังขายได้) เลยบอกไว้ก่อน จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ และเตรียมตังไว้ให้พร้อม
ความน่าสนใจ : 3/5

8/10/57

Outbreak Company - Moeru Shinryakusha / เอาท์เบรก คอมปานี - กองทัพโมเอะบุกโลก

สำนักพิมพ์ : Siam
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : 10 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : ณ ส่วนลึกสุดของภูเขาไฟฟูจิ มันคือประตูไปสู่อีกโลกหนึ่ง!? โลกที่มีมังกรบินอยู่บนท้องฟ้าราว กับโลกแห่งแฟนตาซีก็ไม่ปาน!!

ผู้ที่หลงเข้ามาในโลกที่เกินขอบเขตของสามัญสำนึกนั้นคือ ชินอิจิ โอตาคุระดับเทพผู้มีพ่อเป็นักประพันธ์ไลท์โนเวลและ มีแม่เป็นนักวาดภาพเกมโป๊ แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรที่เหนือมนุษย์ แต่สิ่งที่เขามีอยู่คือ ความรอบรู้ ความภาคภูมิ และสัมผัสแห่ง “ความโมเอะ” เท่านั้น และเขาได้มาเป็นทูตสัมพันธไมตรีกับโลกต่างมิติแห่งนี้!?

ใช่แล้ว หน้าที่ของชินอิจิก็คือการเผยแพร่วัฒนธรรมแห่ง “ความโมเอะ” ไปทั่วโลก!

และในระหว่างที่เขากำลังงงๆ ว่าเรื่องเป็นยังไงมายังไงกันแน่นั้น เขาก็ถูกคุ้มกันโดยบอดี้การ์ดสาวผู้ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นสาววาย มิตรภาพระหว่างตัวเขากับเมดสาวลูกครึ่งเอลฟ์กับจักพรรดินีตัวกะเปี๊ยกก็ ค่อยๆแน่นเฟ้นขึ้น

ในระหว่างที่ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี การก่อการร้ายก็ได้เริ่มต้นขึ้น!?
ความเห็นส่วนตัว : จริงๆเรื่องนี้นอกจากการพิมพ์ผิดที่เห็นอยู่พอสมควร กับเรื่องกระดาษมีกลิ่นแปลกๆแบบที่สนพ.อื่นไม่มีแล้ว มันไม่น่าจะมีจุดติอื่นหรอกนะครับ เพราะเนื้อเรื่องก็โอเคเลย เป็นแนวแฟนตาซีผสมดราม่าหน่อยๆ แต่บังเอิญว่าราคามันทรมานจิตใจมาก ด้วยราคา 200+ ที่แพงเกินไปสำหรับ LN นี่เอง ทำให้หลายต่อหลายคนชะงักไป แม้กระทั่งผมเอง โดยส่วนตัวก็รู้สึกว่ามันแพงเลย และไม่ซื้อหนังสือของที่นี่เหมือนกันก็เถอะ ใช้วิธียืมคนอื่นเอา 555+

สำหรับคนที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ก็เป็นเรื่องที่แนะนำของสนพ.นี้เลยครับ เพราะเนื้อหาค่อนข้างสนุกและแหวกแนว ธีมหลักเน้นไปที่ระบบสังคม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของ 2 โลก ระหว่างโลกมนุษย์ นำโดยประเทศญี่ปุ่น ที่ขนวัฒนธรรมโอตาคุมาเต็มพิกัด กับโลกต่างมิติที่ยังเป็นระบบการปกครองแบบยุคกลางสไตล์แฟนตาซีดาบและเวทมนต์นั่นแล โดยใช้ดราม่าของความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ต้องเกิดอยู่แล้วถ้ามองภาพรวมจากความเป็นจริงมาเดินเรื่อง

นอกนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว เดี๋ยวมันจะสปอยซะหมด
ความน่าสนใจ : 4/5

Jinrui wa Suitai Shimashita / ตัวฉันกับวันสิ้นโลก

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Fantasy
จำนวนเล่ม : 9 เล่ม - ยังไม่จบ
เรื่องย่อ : มนุษยชาติอย่างพวกเรากำลังเข้าสู่ยุคเสื่อมถอยอย่างช้าๆ ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา โลกกลายเป็นของ “คุณภูต” ไปเรียบร้อยแล้ว เหล่าภูตที่มีความสูงเฉลี่ย 10 เซนติเมตร ส่วนหัวใหญ่เกือบจะเท่าตัว สติปัญญาเฉียบแหลมและชอบขนมเป็นที่สุด

ฉันเป็น “อนุญาโตตุลาการ” ขององค์กรสหประชาชาติมีหน้าที่สำคัญในการไกล่เกลี่ย เป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์และคุณภูตเหล่านั้น หลังกลับมายังหมู่บ้านคุสุโนกิบ้านเกิด คิดว่ามันต้องเป็นงานสบายแน่ๆ เพราะปู่ยังทำหน้าที่นี้ได้แม้จะอายุมากแล้วก็ตาม ฉันจึงตรงไปทักทายเหล่าภูตทันทีทว่า...

นี่คือผลงานแฟนตาซีไอเดียสุดล้ำเหนือจินตนาการ ไลท์ โนเวลที่โดดเด่นไม่เหมือนใครได้เปิดฉากขึ้นแล้ว!!!
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซีที่แตกต่างจากแฟนตาซีตลาดเรื่องอื่นๆครับ เพราะส่วนมากถ้าพูดถึงแฟนตาซี ก็มักจะเป็นแนวดาบและเวทมนต์ เป็นอาณาจักรยุคกลางยกทัพรบกันบ้างล่ะ แนวหลุดไปต่างโลก แต่พระเอกปรับตัวได้ไวโคตรๆบ้างล่ะ ไม่ก็แนวสาวน้อยเวทมนต์ แต่เรื่องนี้เป็นแฟนตาซีที่ค่อนข้างดิสนีย์ๆหน่อยๆ

เล่มแรกๆจะมีการเดินเรื่องที่สบายๆ ไม่เน้นดราม่า แถมยังมีแง่คิด และมุมมองต่างๆเต็มไปหมด ทั้งสิ่งที่นางเอกแสดงให้เห็น และสิ่งที่เหล่าภูตจิ๋วสร้างขึ้นมา แต่พูดมากไม่ได้ เดี๋ยวมันสปอยเนื้อเรื่องซะหมด บอกได้แต่ว่าน่าสนใจมากทีเดียวครับ

ข้อเสียมีแค่เรื่องเดียว ซึ่งอาจจะไม่นับเป็นข้อเสียก็ได้ นั่นคือการแปลชื่อเฉพาะนั้น โดยส่วนตัวรู้สึกมันขัดๆยังไงชอบกล เนื่องจากปกติแล้วมีความเห็นว่า ถ้าเป็นชื่อเฉพาะที่มีความหมาย จะทับศัพท์ หรือจะแปลก็ได้ แต่ถ้าเป็นชื่อเฉพาะที่ไม่มีความหมาย ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามแปล เนื่องจากคนเขียนบัญญัติคำศัพท์ขึ้นมาใหม่ใช้ในเรื่องของเขาเท่านั้น เขาน่าจะมีความต้องการให้อ่านทับศัพท์มากกว่า

อย่าง "โจโคโบะ" ของซีรีย์ไฟนอลแฟนตาซี พวกเราก็ออกเสียงทับศัพท์ไปจริงมั้ยล่ะ ไม่จำเป็นต้องหาคำแปลก็ได้ แต่เรื่องนี้คนแปลพยายามแปลคำเฉพาะที่ไม่มีความหมายให้มันมีความหมาย อารมณ์ว่าพยายามหาความหมายให้มันซะอย่างงั้น ก็เลยรู้สึกขัดๆนิดหน่อย แต่คนส่วนใหญ่อาจจะชอบก็ได้ล่ะมั้ง
ความน่าสนใจ : 5/5

6/10/57

Omnia wo Suberumono / พิภพมหัศจรรย์กับวันอลวน

สำนักพิมพ์ : Siam
แนวเรื่อง : Fantasy Comedy
จำนวนเล่ม : 4 เล่มจบ
เรื่องย่อ : หลังจากใช้ชีวิตบ้านเดียวกันมาเกือบ 7 ปี มิโซโนะ ฮินาตะ ถูกสึซึริ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กสารภาพรักในที่สุด ความรักกุ๊กกิ๊กทีฝันไว้น่าจะผ่านไปด้วยดีแต่จู่ๆ ชัทสึกิ เด็กสาวที้อ้างตัวว่าเป็นน้องสาวเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามคนของพวกเราจึงเริ่มต้นขึ้น ฮินาตะคุง พี่ชาย ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าตัวเองมีน้องสาวกับเขาด้วย ฮินาตะ ที่ถูกซัทสึกิอ้างว่าตนมีพลังพิเศษ ซ้ำยังต้องฝ่าฟันอุปสรรคความรักกับสึซึกิไม่เพียงเท่านั้น ยังต้องเข้าไปพัวพันกับคดีที่เกี่ยวข้องกับตระกูล มิโซโนะ อีกด้วย
ความเห็นส่วนตัว : อย่างแรกที่ต้องคอมเม้นเลยคือราคาครับ สำหรับ LN แล้วมันแพงแบบโดดจากสนพ.อื่นมาก ขนาดค่าย "นั้น" พวกเรายังว่าแพงแล้ว ค่ายนี้นี่คือโครตแพงเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเรื่องไหน จะมีราคาอยู่ที่ 200+ ทั้งนั้น ซึ่งแพงไปมากสำหรับ LN

ถัดมาคือเรื่องรูปเล่มครับ ต้องบอกก่อนว่ากระดาษเหม็นไปสักหน่อย เมื่อเทียบกับสนพ.อื่น ขนาดคนจมูกไม่ดีอย่างผมยังพอสัมผัสได้เลยว่ามันเหม็นๆ ดังนั้นใครจมูกดีคงรู้สึกได้

ต่อมาอีกคือเรื่องการแปลครับ ผู้แปล แปลไม่ค่อยไหลลื่น ดูๆแล้วน่าจะอารมณ์เหมือนไม่ชินกับการแปลนิยาย คล้ายเอาคนแปลการ์ตูนมาแปลนิยายมากกว่า

เอาล่ะ บ่นถึงปัญหาในไทยไปแล้ว ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น ก็ค่อนข้างธรรมดาครับ เป็นเรื่องราวของครอบครัวผู้มีพลังพิเศษ ที่คนในตระกูลนี้จะมีพลังพิเศษกันทั้งนั้น ทำให้มีอิทธิพลในสังคมค่อนข้างมาก เพราะถ้าใช้พลังพิเศษช่วย ก็สามารถไปถึงจุดสูงสุดของสายอาชีพต่างๆที่สอดคล้องกับพลังพิเศษของตนเองได้ไม่ยาก

แต่ก็แน่นอนว่าคนที่พิเศษกว่าชาวบ้านแบบนี้ ย่อมต้องตกเป็นเป้าหมายที่จะถูกเอาชีวิตอยู่แล้วตามนิสัยของมนุษย์

โครงเรื่องรวมๆก็เลยเป็นเรื่องราวของเด็กๆระดับมัธยมของตระกูลผู้มีพลังพิเศษเป็นตัวหลัก แต่การเดินเรื่องนั้น ใช้สไตล์เลิฟคอม ที่สุดโต่งตรงข้ามกับแนวทั่วไป เพราะตามปกติพระเอกแนวนี้มักจะเป็นเกย์(ฮา) โดนสาวๆยั่วแค่ไหนก็ยังไม่ทำอะไร แต่พระเอกเรื่องนี้นั้น ทำตรงข้ามครับ นั่นคือมันสามารถจู้จี้กับนางเอกกลางห้องเรียนที่อาจารย์ยืนสอนอยู่หน้าห้องได้หน้าตาเฉย นอกจากนั้นเมื่ออยู่บ้านเดียวกัน มันก็ไม่โง่นอนคนล่ะห้อง เพราะนอนด้วยกันเลย ก่อนนอนก็ซุกไซร้ ดูดดื่ม บลาๆๆ แต่ก็ไม่ถึงกับจะเป็น LN สำหรับผู้ใหญ่แต่อย่างใด เพราะมันจะตัดฉากไปก่อน 555+

แต่ก็นั่นแหละ โดยส่วนตัวแล้วเมื่อเจอกับปัญหาต่างๆของไทย (โดยเฉพาะเรื่องราคาที่งี่เง่าเกินไป) แล้วนิสัยของพระเอกมันไม่ใช่แนวของผม เนื่องจากผมชอบนะ สไตล์พระเอกที่ไม่ได้เป็นเกย์เนี่ย แต่มันต้องไม่หน้าด้านขนาดเนี่ย อย่างน้อยๆก็รู้กาลเทศะบ้างอะไรบ้างดิว้า ทำงี้มันดูไม่ค่อยให้เกียรติผู้หญิงยังไงไม่รู้ ก็เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ครับ

เอาจริงๆแค่เรื่องราคาอย่างเดียวก็ไม่สนแล้วล่ะ พอมีอย่างอื่นมาประกอบด้วยก็ตัดสินใจง่ายขึ้นเลย
ความน่าสนใจ : 3/5

3/10/57

Kanojo-tachi no Meshi ga Mazui 100 no Riyuu / 100 เหตุผลที่อาหารของพวกเธอห่วยแตก

สำนักพิมพ์ : Zenshu
แนวเรื่อง : Love Comedy
จำนวนเล่ม : Unknown
เรื่องย่อ : ความทุกข์ใจของอาอิอุจิ โยสุเกะ ณ เวลานี้คือ เรื่องอาหารการกินในแต่ละวัน!

แม่ผู้ซึ่งเป็นนักวิจัยด้านอาหารได้ออกเดินทางไปประเทศอังกฤษ ผมเลยต้องให้คากามิ เบนิโอะ เพื่อนสนิทวัยเด็กที่อาศัยอยู่บ้านติดๆ กันคอยเป็นธุระต่างๆ ภายในบ้านให้

ทว่าปัญหาของเธอ ซึ่งเป็นผู้ที่อุทิศตนทุ่มเทโดยไม่เห็นแก่ตัวเอง มิหนำซ้ำยังมีผลการเรียนดีเลิศ+กิริยามารยาทดีเด่นก็คือ อาหารที่เธอทำนั้นรสชาติไม่ได้เรื่องเอาซะเลย แต่ดูเหมือนว่าเธออยากจะทำให้ผมชมอาหารที่เธอทำว่า "อร่อย!" ให้ได้……

จะมีวันที่อาหารของเพื่อนสนิทวัยเด็กคนนี้จะมีรสชาติอร่อยขึ้นมาหรือไม่ ว่าแต่อย่าไปใส่ยาแก้หวัดลงในแซนด์วิชอบร้อนเพราะอยากให้มีรสขมๆ สิเฟ้ย!!

นี่คือ "อาหารรสชาติห่วยแตก" สำหรับประสาทสัมผัสการรับรู้แบบใหม่อย่างแท้จริง และนี่ก็คือเลิฟคอมเมดี้!
ความเห็นส่วนตัว : เรื่องนี้ก่อนจะพูดถึงเนื้อหา ต้องพูดถึงสนพ.ของไทยเราก่อน ว่าเล่มนี้ในไทยมันมีปัญหาแบบเดิมๆอีกแล้วครับ นั่นก็คือการพิมพ์ผิดแบบนับไม่ถ้วนในเล่ม ขนาดลากสายตาอ่านผ่านๆยังเจอถี่พอสมควรเลย ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ผิดแบบ ของ >> ขอบ หรือ ข้าว << >> ข้าง หรือ บาง >> บาว รวมทั้งการพิมพ์ผิดแบบที่ไม่น่าจะผิดเช่น หน้าสีหน้าแรกเลย จุดที่เขียนว่า "อ่านจากซ้ายไปขวา" จริงๆมันต้องเขียนว่า "อ่านจากขวาไปซ้าย" ต่างหากเล่า ผิดง่ายเกินไปหน่อยแล้ว

แม้จะรู้ว่าสนพ.นี้ไม่มีบก. ไม่มีคน QC งาน มันก็เลยมีจุดผิดพลาดแบบนี้หลุดมาก็เถอะ แต่มันหลุดมาเยอะดีจัง

อีกเรื่องก็คือ ผมไม่รู้ว่าภาษาญี่ปุ่นใช้คำว่าอะไรนะ เพราะไม่ได้อ่านเล่มต้นฉบับ แต่ในไทยนั้น สรรพนามบุรุษที่1ค่อนข้างสับสนมาก เดี๋ยวพระเอกก็แทนตัวเองว่าเรา เดี๋ยวก็แทนว่าผม ตัวละครหญิงบางคนแทนตัวเองว่าผม ก็มี เวลาคุยกันแบบเป็นช่วงที่มีคำพูดติดกันรัวๆ จะมึนมากว่าตกลงใครพูดอยู่ฟ่ะ แถมยังทำให้บทสนทนามันดูเหมือนพระเอกแต๋วๆยังไงชอบกลอีกต่างหาก

ถัดมาคือเรื่องเนื้อเรื่องครับ ในเรื่องนี้เป็นเรื่องราวเลิฟคอมสคูลไลฟ์แบบเดิมๆ ซึ่งเอา skill การทำอาหารห่วยแบบสุดลิ่มทิ่มประตูของตัวละครหญิงมาเป็นจุดขาย แล้วพระเอกของเราก็ต้องก้มหน้ารับกรรมไป ไม่มีอะไรมากน้อยไปกว่านั้น ตัวละครหญิงทุกตัวในเรื่อง skill การทำอาหารเป็น 0 บางคนติดลบอีกต่างหาก 55+

ข้อเสียอีกอย่างก็คือ พระเอกเรื่องนี้พึ่งพาตัวเองไม่ได้เลยครับ พ่อแม่ให้อยู่บ้านคนเดียว แล้วเอาเงินกองไว้ให้ แถมยังคอยส่งเงินมาให้ทุกเดือนอีกต่างหาก เงินที่ได้ก็เรียกว่าเดือนล่ะครึ่งแสนโดยประมาณ สำหรับค่าอาหารเพียวๆ เพราะค่าบิลทั้งหมดตัดบัญชี แต่พระเอกมันก็ยังอยู่ไม่ได้ ผลาญหมดตั้งแต่อาทิตย์แรกอีกต่างหาก งานบ้านก็ทำไม่เป็น และก็ไม่คิดจะทำ แค่บัญชีรับจ่ายในบ้านตัวเองยังไม่รู้เลย เห็นแล้วแบบ.........ไม่มีอะไรจะพูดเลยทีเดียว

แล้วพอเอาพระเอกที่มีแต่ข้อเสีย อ่านมายังหาข้อดีไม่เจอมาเป็นพระเอกแนวเลิฟคอมฮาเร็ม(แต่ไม่น่าจะจบฮาเร็มนะ) แล้วมันต้องสงสัยกันบ้างละ ว่า passive skill "ตัวละครหญิงรอบตัวต้องมารุมชอบตูข้าแบบไม่มีเหตุผล" ของมันเลเวลเท่าไหร่ฟ่ะเนี่ย orz

รวมแล้วโดยส่วนตัวไม่รู้สึกชอบ หรือประทับใจอะไรกับเรื่องนี้เลย ยิ่งมาคอมโบกับปัญหาแบบเดิมๆของสนพ.ในไทย ทั้งๆที่ขายเล่มล่ะตั้งแพงยิ่งทำให้รู้สึกแย่ครับ
ความน่าสนใจ : 2/5